สภาการศึกษา 13 มิ.ย.- คกก.อิสระปฏิรูปการศึกษา ผุดไลน์และเพจเฟสบุ๊ค ตอบคำถามประชาชนถึงการปฏิรูปการศึกษา พร้อมตั้งอนุกรรมการแก้ปัญหาการศึกษาใน 5 ด้านอย่างเจาะลึกมากขึ้น
นพ.จรัส สุวรรณเวลา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระฯ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 เพื่อดำเนินการศึกษาและเสนอแนะต่อครม.เพื่อกำหนดนโยบายใน 5 เรื่องใหญ่ คือ การพัฒนาเด็กเล็ก ,ระบบการผลิต คัดกรองและพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครู, ปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนทุกระดับ, ปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการศึกษา โดยสอดคล้องกันทั้งในระดับชาติและระดับพื้นที่และร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งกองทุน เพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการจัดการศึกษาและพัฒนาคุณภาพครู ว่า ที่ประชุมมีการเสนอความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง รวมทั้งร่วมคิดวิเคราะห์ถึงสาหตุที่ของความล้มเหลวของการปฏิรูปการศึกษาที่พยายามทำกันมาหลายครั้ง โดยเห็นตรงกันว่า หลักคิดแห่งความสำเร็จมี 2 เรื่องใหญ่ คือ ความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาของสังคมและรัฐบาล จึงเสนอแนะให้มีการเตรียมการเพื่อการศึกษาในอนาคต นำเทคโนโลยีทางการศึกษามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การปฏิรูปจะได้ผลดี ทุกภาคส่วนจะต้องมีส่วนร่วม จึงมีมติตั้งคณะกรรมการสื่อสารสังคม รับฟังความคิดเห็นและตอบคำถามประชาชนในเรื่องการปฏิรูปการศึกษาผ่าน ID Line และเพจเฟสบุ๊ค ซึ่งจะมีการเปิดตัวเริ่มใช้งานในวันอังคารหน้าเป็นต้นไป
ส่วนหลักคิดที่สอง คือไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง การศึกษาต้องมีความเสมอภาคและให้โอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม พัฒนาศักยภาพของเด็กทุกคน จึงได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 5 ชุด เพื่อทำงานในมิติที่หลากหลายและลงลึกมากขึ้น ได้แก่ คณะอนุกรรมการพัฒนาเด็กเล็ก , คณะอนุกรรมการระบบพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครู, คณะอนุกรรมการปรับปรุงการจัดการเรียนการสอน, คณะอนุกรรมการปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปและคณะอนุกรรมการร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งกองทุน ซึ่งเฉพาะเรื่องกองทุนต้องออกเป็นกฎหมายให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่าง ซึ่งแบ่งเป็น 3 เรื่องคือ การช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ , การลดความเหลื่อมล้ำในการจัดการศึกษา,และการพัฒนาคุณภาพครู ส่วนข้อเสนอที่จะให้รวมทั้ง 3 เรื่องเป็นพ.ร.บ.เดียวกันหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการอิสระฯ.-สำนักข่าวไทย
