รัฐสภา 6 ส.ค.-“กรวีร์” ตกใจ ปะทะชายแดนกว่า 2 สัปดาห์ “อุบลราชธานี” เบิกเงินช่วยผู้อพยพแค่ 5.5 หมื่นบาท งง ผู้อพยพจะอยู่กันได้อย่างไร บอก “รมช.มหาดไทย” พูดไม่ผิดว่าเบิกได้ แต่เบิกไปนิดเดียว ฉะ ทำไมต้องโยนภาระไปท้องถิ่น จี้ “ภูมิธรรม” เข้าแจง กมธ. ขอให้กล้าเหมือนที่เก่งกับข้าราชการ
นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมคณะกรรมาธิการการปกครองสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี , ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ซึ่งเป็นจังหวัดตามแนวชายแดนมาชี้แจงเรื่อง การใช้งบประมาณสำรองฉุกเฉินทดรองจ่ายให้กับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา จำนวน 100 ล้านบาท รวมถึงเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเข้าชี้แจงด้วย แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเข้าชี้แจงแทน นอกจากนี้ ยังมีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.ด้วย
ที่ประชุมได้มีการพิจารณาการอนุมัติเงิน 100 ล้านบาทเพิ่มเติม และการดูแลประชาชน สืบเนื่องจากการตั้งกระทู้ถามในสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถึงการใช้จ่ายเงิน 100 ล้านบาท ขณะที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยที่มาชี้แจงแทนก็ตอบว่าสามารถเบิกจ่ายได้ตามปกติ โดยมีการโฟนอินถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานียืนยันว่าสามารถเบิกจ่ายเงินได้
แต่การประชุม กมธ. เมื่อเช้านี้ พบว่า ตัวเลขการเบิกจ่าย 3 จังหวัด มีการเบิกจ่ายเงินไปแล้วจริง จังหวัดศรีสะเกษ เบิกจ่ายแล้วจำนวน 46 ล้านบาท และใช้เงินขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 48 แห่ง จำนวน 22 ล้านบาท , จังหวัดสุรินทร์ เบิกจ่ายแล้วจำนวน 55 ล้านบาท และใช้เงินขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) 173 แห่ง จำนวน 53 ล้านบาท และจังหวัดอุบลราชธานี รองผู้ว่าราชการจังหวัดให้ข้อมูลว่าเบิกจ่ายไปแล้วจริง เพียง 55,000 บาท จึงกลายเป็นข้อสงสัยว่าที่ผ่านมาประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก อยู่กันได้อย่างไร ทั้งที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีก็ยืนยันกลางสภาว่าสามารถเบิกจ่ายได้ ซึ่งตนเห็นว่าไม่ได้เป็นการโกหก แต่ก็ไม่ได้บอกจำนวนว่าเบิกจ่ายไปเท่าไหร่
ส่วนเงินที่เหลือไปใช้เงินของ อปท. อีกจำนวน 6.6 ล้านบาท ซึ่ง กมธ. ได้ฝากรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี รวมถึงจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ ว่าเงินงบประมาณตรงนี้ รัฐบาลมีความตั้งใจอนุมัติให้ เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชน ขอให้มีการเบิกจ่ายเงินให้ไปถึงมือประชาชน ในการดูแลผู้ได้รับผลกระทบ ด้วยความรวดเร็วและสามารถตรวจสอบได้ และเพื่อสามารถใช้จ่ายได้ตามความจำเป็น ไม่ใช่มัวแต่กอดระเบียบเอาไว้ หวงเงินเอาไว้ไม่ยอมใช้จ่าย
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการติดตามกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวานนี้ เรื่องการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา ยืนยันว่าเงินที่จะช่วยเหลือประชาชนที่เสียชีวิตไม่ว่าจะเป็นพลเรือน , เจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 10 ล้าน และ 8 ล้านบาท จะเป็นเงินคนละส่วนกับ 100 ล้านบาทที่ให้จังหวัดนำไปแก้ไขปัญหา จึงขอย้ำกับทุกจังหวัดและประชาชนให้เกิดความชัดเจน พร้อมกันนี้ได้มีการฝากไปถึงกระทรวงมหาดไทย , อปท. และ ปภ. ซึ่งน่าเห็นใจที่จะต้องใช้เงิน อปท. มาบริหารจัดการดูแลประชาชนในพื้นที่ ตนอยากขอบคุณนายกท้องถิ่นและทีมผู้บริหาร อปท.ทุกแห่ง ที่ใช้เงินงบประมาณของตัวเองในการช่วยเหลือดูแลประชาชน ทั้งๆ ที่มีเงินอยู่จังหวัดละ 100 ล้านบาท
“คำถามคือทำไมเราถึงต้องให้ภาระในการดูแลพี่น้องประชาชน ไปแบกไว้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แทนที่แต่ละจังหวัดจะมาเร่งเบิกจ่ายและใช้เงินที่ทางรัฐบาล จังหวัดละ 100 ล้านบาทเพื่อไปดูแลพี่น้องประชาชน โดยที่ให้ไปกระทบกับเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นน้อยที่สุด” นายกรวีร์ กล่าว
นายกรวีร์ ยังขอให้กระทรวงมหาดไทยไปดูแลระเบียบให้เบิกจ่ายเงินให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงินช่วยเหลือสำหรับผู้เสียชีวิต ขอให้สามารถทำได้จริง ทำได้เร็วและถึงมือประชาชน
เมื่อถามว่าเงินจังหวัดอุบลราชธานีที่เบิกจ่ายเพียง 55,000 บาท เกิดจากการติดขัดข้อกฎหมายอะไรหรือยังไม่อยากมีการเบิกจ่ายงบประมาณ นายกรวีร์ กล่าวว่า รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ชี้แจงว่าช่วงแรกได้มีการใช้จ่ายเงินของ อปท.ไปก่อน หากเกินกำลังของท้องถิ่นค่อยใช้เงินในส่วนนี้ ตนจึงสงสัยว่า เงินถูกอนุมัติไปตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. จนถึงวันนี้ 6 ส.ค. เบิกจ่ายไปเพียงแค่นี้ เพียงพอหรือไม่ ซึ่งได้รับการชี้แจงว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบ การใช้จ่ายเงินจะต้องมีความรอบคอบ ระมัดระวัง ซึ่งแปลกจากที่รัฐมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานียืนยันว่าเบิกจ่ายได้ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของจังหวัดที่จะต้องเร่งเบิกจ่าย
เมื่อถามว่าจะมีโอกาสเรียกระดับรัฐมนตรีซึ่งเป็นคนตัดสินใจมาใน กมธ.หรือไม่ นายกรวีร์ ระบุว่า วันนี้ก็ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาชี้แจง 2 สัปดาห์ต่อเนื่อง แต่น่าเสียดายที่ไม่เคยมาเลย
“อยากจะฝากไปถึงท่าน เวลาท่านเชิญผู้ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ใครไม่มาท่านบอกจะย้าย เวลา กมธ. ใช้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติเชิญรัฐมนตรี ก็อยากจะให้รัฐมนตรีมาตอบอยากให้กล้า เหมือนที่กล้ากับราชการด้วย” นายกรวีร์ กล่าว
เมื่อถามว่าทำไมระดับรัฐมนตรีถึงประเมินว่าสถานการณ์การเบิกงบยังไหวอยู่ นายกรวีร์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ท่านอาจจะมีภารกิจอื่น เวลาที่มาตอบไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมใหญ่หรือ กมธ. ที่ให้ข้าราชการมาตอบ ก็จะตอบเหมือนทุกอย่างไปได้ดี ทุกอย่างดำเนินไปได้โดยไม่มีปัญหา ซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่หน้างาน
เมื่อถามว่าขณะนี้มีกองกำลังฝ่ายกัมพูชาที่มาแทรกซึมอยู่กับพลเรือนฝั่งไทย มีความกังวลหรือไม่ นายกรวีร์ กล่าวว่า กรณีนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันในที่ประชุม เพราะพูดคุยเพียงแค่เงินช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งตนก็มีความเป็นห่วง แต่คิดว่าทางจังหวัด โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และฝ่ายปกครองจะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยให้กับประชาชนในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบในช่วงนี้ด้วย
เมื่อถามว่างบ 55,000 บาท มีความคลาดเคลื่อนตรงไหน นายกรวีร์ กล่าวว่า ตนได้ย้ำกับผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีหลายครั้ง เพราะได้ฟังตัวเลขก็รู้สึกตกใจ ว่ารายงานผิดหรือไม่ ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่าเบิกไปจำนวนเท่านี้จริงๆ และเป็นข้อมูลล่าสุดถึงวันนี้ด้วย
เมื่อถามว่าการเบิกจ่ายอาจจะเป็นเรื่องการกังวลเกี่ยวกับข้อระเบียบหรือไม่ นายกรวีร์ กล่าวว่า จังหวัดอื่นก็ใช้ระเบียบตัวเดียวกัน เช่น จังหวัดสุรินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดก็ชี้แจงว่าเบิกจ่ายได้ และเบิกจ่ายไปแล้ว 50-60 ล้านบาท ซึ่งมีรายการที่จะต้องเบิกจ่าย เพราะพี่น้องประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพ ตนรู้สึกแปลกใจว่าจังหวัดอื่นไม่มีปัญหา ตนจึงอยากฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ระบุว่าหากทำไม่ได้ก็จะหาคนอื่นมาทำ ตนจะรอดูว่าจะทำได้หรือไม่
นายกรวีร์ ย้ำว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดที่เบิกจ่ายเงิน ท่านอาจจะมองว่าใช้เงินต้องรอบคอบต้องมีการตรวจสอบอย่างชัดเจน ต้องระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน ซึ่งก็เป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดที่ต้องใช้จ่ายเงินส่วนนี้.-312 -สำนักข่าวไทย