พุทธมณฑล 8 มิ.ย.-ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เผย 3 ข้อเสนอจัดระเบียบบัญชีทรัพย์วัดทั่วประเทศ เพื่อความโปร่งใส หนึ่งในนั้นคือแจ้งที่มาที่ไปของรายรับ-รายจ่าย และสามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ แต่วันนี้ยังไม่เสนอวาระเข้าต่อที่ประชุม รอ สนช.หารือนัดหน้า 20มิ.ย.
พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงผลการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งที่15 โดย
สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประธานการประชุม ว่า วันนี้ มส.ไม่ได้หารือ การจัดการระเบียบทรัพย์ สินวัด ซึ่ง พศ.อาจนำเรื่องดังกล่าวหารือนอกรอบก่อนการประชุมครั้งต่อ ไป ในวันที่ 20 มิ.ย. นี้
นอกจากนี้ พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ประธาน สนช.แจ้งว่าจะขอหารือ มส.ในการประชุมครั้งต่อไป จะเป็นประเด็นการจัดการทรัพย์สินหรือไม่ต้องรอดู
ผอ.พศ.กล่าวด้วยว่าขอแก้ไขข้อมูล ที่เคยให้ข่าวครั้งที่แล้วว่าปี 2559 มีวัด180 วัดที่รายงานบัญชีทรัพย์สินเข้ามายัง พศ.จากทั้งหมด40,758 วัด เป็น39,000วัด ซึ่งก็น่าพอใจแม้จะไม่ถึงร้อยเปอร์เซนต์ตามเป้าที่กำหนดไว้แต่ก็เกินร้อยละ 80ซึ่งการส่งรายงานตัวเลขบัญชีของแต่ละวัดมายังพศ. เป็นเพียงฐานข้อมูล แต่ไม่มีอำนาจตรวจสอบการทุจริตเป็นเพียงตัวชี้วัดเชิงปริมาณเพื่อให้เกิดความโปร่งใสตามมติ มส.ที่ขอความร่วมมือให้เจ้าอาวาสชี้แจงบัญชีทรัพย์สินวัดตั้งแต่ปี2558 และพศ.ไม่มีอำนาจเปิดเผยข้อมูลได้ หรือรายละเอียดตัวเลขบัญชีวัดที่ส่งรายงานเข้ามายังพศ.ต่อสื่อมวลชนได้ ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่าพบบัญชีผิดปกติกี่วัดเพราะรับแค่ตัวเลขรายงาน และอธิบายว่า หากวัดมีการส่งชีแจงบัญชีอย่างละเอียดจะเกิดการทุจริตได้หรือไม่ อย่างข่าวที่เกิดขึ้นกับวัดวังตะวันตก จ.นครศรีธรรมราช
ทั้งนี้ เบื้องต้นมาตรการที่จะนำเสนอต่อที่ประชุม มส.ใน 3ประเด็นหลัก คือ 1.วัดต้องมีระบบบัญชีที่มีมาตรฐาน 2.ต้องมีการรายงานบัญชีทรัพย์ ชี้แจงที่มาของรายรับ รายจ่าย 3.ต้องเปิดเผยบัญชีต่อสาธารณะได้คือประชาชนมีสิทธิ์ในการเข้าถึงบัญชีวัด เพราะปัจจุบัน ตามพรบ.คณะสงฆ์ บัญญัติว่า วัดเป็นนิติบุคคล ให้อำนาจเต็มกับเจ้าอาวาสในการจัดการทรัพย์วัด ย้ำว่าเรื่องการจัดระเบียบทรัพย์สินวัด เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วต้องดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ผอ.พศ.อธิบายเพิ่มเติมว่า เส้นทางการเงิน และการจัดการบัญชีแต่ละวัดไม่เหมือนกัน บางสัดตั้งไวยาวัจกร ดูแลยัญชี ป้องกันข้อครหาที่จะเกิดขึ้นกับเจ้าอาวาส หากได้รับเงินเกิน 3,000 บาท ต้องฝากในนามวัด
ส่วนล่าสุดที่มีข้อมูลจากกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป.ว่า พบมีวัดที่ทุจริตจำนวน 12 วัด รวมความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท มีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย ต้องรอผลการตรวจสอบที่ชัดเจนจากตำรวจก่อน หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร่วมด้วย ต้องลงโทษตามวินัย เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ต้องไปดูว่าต้นทางว่าเจ้าหน้าที่คนใดรับบ้างหากตรวจพบจะตัดตอนตั้งแต่ตรงนั้น จะไม่มีเอี่ยวข้าราชการระดับสูง แต่ต้องตรวจสอบอย่างรอบด้าน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยืนยันว่างบกลางสนับสนุนในการสร้างศาสนาสถานที่ออกจากทาง พศ.ไม่เคยมีการมอบเป็นเงินสด ต้องใช้วิธีโอนเข้าบัญชีวัดโดยตรง.-สำนักข่าวไทย