พรรคประชาธิปัตย์ 30 พ.ค.-“อภิสิทธิ์” ยันกปปส.ที่อยู่ในพรรคต้องเดินตามแนวทางพรรค ย้ำจุดยืนหลังเลือกตั้ง พรรคใดรวมเสียงข้างมากในสภาฯ ได้ ควรได้เป็นรัฐบาล ปัดข่าว กปปส.ยึดพรรค
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังพูดคุยกับแกนนำกปปส.ว่า กลุ่มกปปส.ได้แลกเปลี่ยนความเห็นและสถานการณ์บ้านเมือง และยืนยันยังทำงานการเมืองกับพรรค คนที่อยู่จะต้องยึดอุดมการณ์ของพรรค ซึ่งพรรคยึดถือแนวทางการปฏิรูปประเทศและสิ่งไหนที่รัฐบาลชุดนี้สามารถดำเนินการได้ ก็ดำเนินการไปก่อน แต่สิ่งใดที่ยังทำไม่ได้ พรรคก็พร้อมที่จะดำเนินการต่อและเข้าสู่สนามเลือกตั้งตามโรดแมป
ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อ 5 ปีเพื่อทำเรื่องการปฏิรูปนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิซึ่งนายสุเทพไม่ได้สังกัดพรรคและถือเป็นการเมืองภาคประชาชน แต่กปปส.ที่อยู่ในพรรคจะต้องอยู่ในระบบพรรค ยึดถือแนวทางพรรค ไม่ควรสวนทางกัน เพราะพรรคต้องมีเอกภาพ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังกำหนดล่วงหน้าไม่ได้ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือพร้อมเสนอตัวเป็นทางเลือก และทุกอย่างจะต้องเริ่มจากว่าใครอยู่ในบัญชีรายชื่อ แล้วดูผลการเลือกตั้งก่อน ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชน พรรคยืนยันหลักการที่ว่า พรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และไม่ต้องการเห็น ส.ว.ฝืนเจตนารมณ์ของประชาชน
“การจะมาพูดว่ารัฐบาลต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ไม่ได้ แต่ทุกพรรคต้องเสนอนโยบายของตัวเอง บุคลากรของตัวเองตามระบบ แล้วหลังจากประชาชนตัดสินก็ต้องมาดูว่าประชาชนว่าอย่างไร ผมก็ยืนยันในหลายโอกาสแล้วว่า เราคิดว่าใครก็ตามรวบรวมเสียงข้างมากได้ ต้องได้เป็นรัฐบาล และผมก็ยืนยันว่าเราไม่ต้องการเห็นสมาชิกวุฒิสภาฝืนเจตนารมณ์ของประชาชน เพราะจะเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองและในสังคมต่อไป แต่เราไม่ทราบว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร จึงพูดอะไรล่วงหน้าไม่ได้ แต่หลักการของเราคือสภาผู้แทนราษฎรต้องพิจารณาให้ได้ว่ามีใครรวบรวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งได้หรือไม่ ถ้าได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้เขาเป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ 4 พรรคการเมืองจับมือกันเพื่อสู้กับทหาร ทวงคืนประชาธิปไตยนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การที่พรรคจะจับมือกับพรรคการเมืองใด จะต้องมีอุดมการณ์เดียวกัน และสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นผู้ที่จะกำหนดผู้บริหารประเทศ ดังนั้นวันนี้ไม่ควรมาพูดว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นกระบวนการประชาธิปไตยจะกลายเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น และเมื่อคสช.กำหนดโรดแมปแล้วก็อยากให้เดินตามนั้น
ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่ากปปส.จะกลับมายึดพรรคประชาธิปัตย์คืนนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน แต่กปปส.ที่มาในวันนี้ต่างยืนยันว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น และจากที่เจอนายสุเทพก็ยืนยันกับตนว่าจะไม่ยุ่งและไม่แทรกแซงอะไรในพรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกกังวลในการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่แกนนำกปปส.บางคนไม่รับปากจะเลือกตน เพราะพรรคเป็นประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิที่จะเสนอตัวเป็นหัวหน้าพรรค และมั่นใจว่าทุกคนจะตระหนักถึงอุดมการณ์ของพรรค เพราะพรรคไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ.-สำนักข่าวไทย