หอการค้าไทยชู “ไทยเท่” กระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาค

กรุงเทพฯ 30 พ.ค. – หอการค้าไทยชูแนวคิด “ไทยเท่” ร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาคจากวัฒนธรรมท้องถิ่น เน้นสร้างค่านิยมเท่แบบไทย ผ่าน 4 พฤติกรรมหลัก ได้แก่ กิน ใช้ เที่ยว และทำแบบไทย  


นายกลินท์  สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้ผนึกกำลังองค์กรพันธมิตรเปิดตัวโครงการไทยเท่ทั่วไทย โดยโครงการไทยเท่ ทั่วไทยเป็นโครงการพัฒนาผู้ประกอบการและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นรูปธรรมตามแนวทาง Trade and Services 4.0 เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยองค์ประกอบด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creative Economy) ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย (Digital Economy) และความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมของไทย (Cultural Economy) เพื่อสร้างเป็นสินค้าและบริการที่แตกต่างนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจในพื้นที่แต่ละจังหวัดภายใต้แนวคิดไทยเท่ ทั้งการสร้าง Demand นิยมเท่แบบไทยให้ผู้บริโภคและการพัฒนา Supply ไทยที่มีความเท่ให้ผู้ประกอบการ

ทั้งนี้ บทบาทของหอการค้าไทยพร้อมด้วยองค์กรพันธมิตรจะสนับสนุนการพัฒนา Supply ทั้งด้านสินค้าและบริการให้มีความเท่แบบไทยสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ขณะเดียวกันได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระตุ้น Demand ผ่านโครงการเที่ยวไทยเท่ เพื่อสร้างค่านิยมให้ผู้บริโภคภูมิใจและรู้สึกว่าเท่เมื่อใช้สินค้าและบริการที่มีความเป็นไทย ซึ่งเริ่มดำเนินโครงการเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2560 และสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มผู้บริโภคประมาณ 25 ล้านคนแล้ว


สำหรับโครงการไทยเท่ ทั่วไทย โดยหอการค้าไทยนี้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการของไทยจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่แสดงฝีมือและพัฒนาความสามารถให้ก้าวไกลสู่สากลผ่านการประกวดแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้ประกอบการที่มีความพร้อมและโดดเด่นในการนำวัฒนธรรมท้องถิ่นมาสร้างสรรค์ให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ซึ่งเรียกว่ากลุ่มพร้อมเท่ โดยหอการค้าไทยจะคัดเลือกและมอบรางวัลไทยเท่ให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ในฐานะที่เป็นต้นแบบแก่ผู้ประกอบการรายอื่น รวมทั้งสนับสนุนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ และ 2.กลุ่มผู้ประกอบการที่มีความสนใจและกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาต่อยอดวัฒนธรรมไทย เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการ ซึ่งเรียกว่ากลุ่มกำลังเท่ โดยผู้ประกอบการกลุ่มนี้ถือว่ามีศักยภาพ หากพัฒนาเพิ่มก็จะสามารถเติบโตได้อีกมากและหอการค้าไทยจะเข้าไปร่วมสร้างความเข้มแข็งจุดนี้ โดยจัดการประกวดแยก 4 หมวดตามพฤติกรรมของนักท่องที่ยว ได้แก่ 1.กิน ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ  2.ใช้ ได้แก่หมวดเสื้อผ้า เครื่องประดับ สินค้าท้องถิ่น ของที่ระลึก และสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ 3.ทำกิจกรรมในท้องถิ่น และ 4.เที่ยว ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยว ที่พัก เส้นทางท่องเที่ยว เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล