กรุงเทพฯ 7 ก.ย.- นักวิชาการ หอการค้าไทย แนะมาตรการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ชี้ศาลสหรัฐฯ ช่วยฟื้นระบบการค้าเสรี ภาษีทรัมป์สะดุดส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจโลกและไทย
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ(DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า มาตรการคนละครึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง จากงานวิจัยที่เคยศึกษาและประเมิน “มาตรการคนละครึ่ง” พบว่า ทุกๆ 1 บาทที่รัฐบาลจ่ายช่วยกระตุ้นหรือสร้างการบริโภคใหม่ได้ประมาณ 0.4 บาท ฉะนั้น ผลต่อการกระตุ้นภาคการบริโภคโดยภาพรวมไม่สูงนัก แต่ช่วยทำให้ยอดขายของร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยสำคัญและพื้นที่ที่มีรายได้ต่ำได้ประโยชน์สูงสุด
จากข้อมูลวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่เคยทำไว้ช่วงรัฐบาลประยุทธ์Digital Fiscal Stimulus and SMEs: difference-indifference evidence from Thailand’s half-and-half Program โดย อธิภัทร มุทิตาเจริญ พบว่า ข้อมูลเชิงประจักษ์บ่งชี้ว่า “มาตรการคนละครึ่ง” ช่วยดันยอดขายร้านค้ารายย่อยพุ่ง 174% และสร้างฐานลูกค้าใหม่ ร้านค้าขนาดเล็กได้ประโยชน์สูงสุด โดยยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า แต่ผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาพรวมไม่สูงนัก เพราะคนส่วนใหญ่เพียงเปลี่ยนที่จ่าย ไม่ได้ใช้จ่ายเพิ่ม และลดการใช้จ่ายนอกโครงการ
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นจะได้ผลดีก็ต่อเมื่อ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น ความเชื่อมั่นต่อรายได้ในอนาคตดีขึ้น ความมั่นคงในงานดีขึ้น ปัจจัยความเชื่อมั่นเหล่านี้จะส่งผลให้มาตรกการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นมีประสิทธิผลสูงขึ้นตามไปด้วย แม้นรัฐบาลจะอยู่สั้นเพียง 4 เดือนแต่หากสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นได้ก็จะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ โดยเริ่มต้นจากการสรรหาคณะรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถ มีความเป็นมืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญในกระทรวงหรือหน่วยงานที่บริหาร มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
ดร.อนุสรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทิศทางสงครามการค้าและภาษีทรัมป์กำลังเปลี่ยนแปลง หลังศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐ มีคำพิพากษาเมื่อ 29 สิงหาคม 68 โดยผู้พิพากษาว่า การออกคำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีเป็นการใช้อำนาจเกินกว่าที่กฎหมายให้ไว้ และ ไม่ชอบด้วยหลักการแบ่งแยกอำนาจ หากศาลสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ผลที่ตามมา คือ คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ทางการค้าในอัตราสูงต่อสินค้านำเข้าจากประเทศต่างๆจะถูกยกเลิกหมด
ผู้นำเข้าที่เสียภาษีตามมาตรการขึ้นภาษีก่อนหน้านี้ สามารถเรียกคืนภาษีจากรัฐบาลได้ มาตรการกีดกันการค้าผ่านการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯเมื่อถูกยกเลิกไปจะส่งผลดีต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การค้าโลก ส่งผลบวกต่อภาคส่งออกและเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกัน จะสร้างความไม่แน่นอนต่อการเจรจาต่อรองทางด้านการค้าและภาษีที่สหรัฐฯกำลังดำเนินการอยู่กับประเทศต่างๆ ความไม่แน่นอนและไม่ชัดเจนเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อธุรกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
อย่างไรก็ตาม คาดว่า มาตรการกีดกันการค้า การขึ้นกำแพงภาษีจะยังไปต่อผ่านกลไกรัฐสภาสหรัฐอเมริกาเพื่อแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าและฐานะการคลังของสหรัฐฯ แต่ประเมินว่า อัตราภาษีในการจัดเก็บอาจจะไม่สูงมากและกระบวนการในรัฐสภาต้องใช้เวลา หากจะมีการปรับเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจริงๆผ่านการออกกฎหมายโดยรัฐสภาน่าจะเป็นปีหน้า นอกจากนี้ ความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในการเปลี่ยนแปลงระบบการค้าเสรีของโลกจากระบบ Rule-Based เป็น Deal-based อาจมีอุปสรรค ระบบการค้าเสรีแบบพหุภาคีอาจฟื้นตัวขึ้นจากกลไกการถ่วงดุลของศาลต่อฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ.-515 -สำนักข่าวไทย