ทำเนียบ 26 ก.ย.- “ภราดร” ยืนยันโครงการคนละครึ่ง ใช้ได้ต้นเดือนตุลาคมนี้ กลุ่มเปราะบางได้คิวแรก เติมวงเงินถึง 1,700 บาท เตรียมกระทุ้งงบค้างท่อปี 68 ลงชายแดนวงเงิน 1,500 ล้านบาท
นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการโครงการคนละครึ่ง ว่า ขณะนี้งบประมาณปี 2568 น่าจะเหลืออยู่ประมาณกว่า 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกลาง ที่ใช้สำรองฉุกเฉินประมาณ 20,000 กว่าล้านบาท โดยจะใช้งบนี้ไปดำเนินโครงการคนละครึ่ง ซึ่งจะให้กลุ่มที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน โดยให้เพิ่มเติมจากเดือนละ 300 บาท เพิ่มเข้าไปอีก 1,700 บาท ซึ่งมีกลุ่มเปราะบางอยู่ทั้งหมด 13 ล้านบาท ซึ่งใช้เงินประมาณ 22,000 บ้านบาท ส่วนที่เหลือจะมีหน่วยงานที่ขอมา โดยโครงการคนละครึ่งจะใช้งบประมาณที่เหลือของปี 2568 และงบของปี 2569 ที่จะเริ่มในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะถูกนำมาใช้ด้วย ตั้งงบประมาณไว้ 25,000 ล้านบาท โดยอาจมีเพิ่มเติมได้ ดังนั้นภาพรวมการใช้งบประมาณในโครงการคนละครึ่ง จะอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท
นายภราดร ยังระบุว่า งบในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่ง จะถูกนำมาใช้ในโครงการคนละครึ่งนี้ พร้อมย้ำว่า เงินในโครงการนี้จะถึงมือประชาชนในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งกระทรวงการคลังจะเร่งดำเนินการ เบื้องต้นจะทยอยให้ทุกกลุ่ม คาดว่า จะมีถึง 20 ล้านสิทธิ์ ครอบคลุมประชาชนทั่วไป ที่เคยลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 5 ไว้ หากใครที่ยังไม่เคยลงทะเบียน ต้องลงทะเบียนใหม่ แต่รายละเอียดที่ชัดเจน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะชี้แจงอีกครั้ง
นอกจากนี้ จะมีงบที่ไปช่วยเหลือทหารตามแนวชายแดน วงเงินประมาณ 600 – 700 ล้านบาท และมีเงินในส่วนของเงินเดือนข้าราชการที่ตั้งขาดเอาไว้ ซึ่งต้องไปชดเชยให้ประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท และส่วนที่เหลือวงเงินประมาณ 35,000 ล้านบาท จะนำไปใช้หนี้ที่อยู่กับธนาคารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. ซึ่งรัฐบาลเก่าได้ก่อหนี้เอาไว้
ส่วนจะนำงบปี 2568 มาใช้ในโครงการ quick win ใดบ้าง นายภราดร ระบุว่า จะไปใช้หนี้ ธกส. และอาจจะพูดคุยเพิ่มเติม เพื่อใช้ในโครงการพักหนี้เกษตรกร และโครงการพักหนี้รายย่อย
นายภราดร ยังกล่าวถึงงบค้างท่อปี 2568 ที่ต้องรีบนำไปใช้จ่าย ว่า งบที่ค้างท่ออยู่ ที่อนุมัติไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถถึงประชาชน เช่น งบช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา วงเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท ก็จะเร่งรีบดำเนินการ ซึ่งได้พูดคุยกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณแล้ว .-316- สำนักข่าวไทย