ทำเนียบฯ 2 พ.ค.- นายกฯ รับจะดูแลร่าง พ.ร.บ.สื่อ เป็นพิเศษ ย้ำ เรื่องยังไม่ได้ข้อยุติ ยังมีอีกหลายขั้นตอน อย่าคิดว่ารัฐบาลจะเข้าไปครอบงำ ระบุ หากสื่อต้องการคุมกันเอง จะต้องทำให้ได้ และมีจุดเชื่อมโยงกับรัฐบาล
คณะทำงานสื่อเพื่อการปฎิรูป นำโดยนายปราเมศ เหล็กเพ็ชร์ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพื่อคัดค้าน และขอให้ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .. ที่ผ่านการพิจารณาของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งประเทศไทย (สปท.) เมื่อวานนี้ (1 พ.ค.) พร้อมมอบเสื้อหยุดตีทะเบียนสื่อ ครอบงำประชาชนให้กับนายกรัฐมนตรี เช้าวันนี้ (2 พ.ค.) ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี กล่าวกับตัวแทนสมาคมและองค์กรสื่อมวลชนว่า ยินดีที่จะให้มีการหารือร่วมกัน ในการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการปฎิรูปสื่อ เพราะยังมีอีกหลายขั้นตอน ยืนยันว่าฟังข้อมูลจากทั้งสื่อมวลชนและ สปท. ที่ต่างมีหลักการและเหตุผลของตัวเอง สปท.มีหน้าที่คิดและเสนอเกี่ยวกับแนวทางการปฏิรูป ซึ่งสื่อก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ สปท.ต้องทำงาน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการขอสื่อมวลชนช่วยกันทำในสิ่งใหม่ๆ เพราะสื่อมวลชนถือเป็นกระบอกเสียงให้รัฐบาล ส่วนเรื่องกฎหมายสื่อ ขอให้ประชาชนเป็นพิจารณา พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี รับปากว่าจะดูร่าง พ.ร.บ.ที่เป็นปัญหาให้โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับตัวแทนของรัฐบาล ที่จะมาทำหน้าที่ดูแลสื่อ
“ผมเป็นรัฐบาลที่ตั้งใจเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ ไม่ใช่เข้ามาสร้างปัญหา ผมไม่หวังว่าจะอยู่จนแก่ตาย ไม่ใช่ ต้องมีรัฐบาลต่อไป จึงต้องมีพื้นฐานที่ดี อย่าคิดว่าผมจะไปครอบงำอะไรทั้งหมด ไม่อย่างนั้นนทุกอย่างจะจบ หากสื่อต้องการคุมกันเอง ต้องทำให้ได้ โดยเฉพาะสมาคม และต้องมีจุดเชื่อมกับรัฐบาลด้วย แม้ว่าจะมีการทำทะเบียนสื่อทุกปี แต่ยังดูแลไม่ได้ ยืนยันว่าผมให้อิสระกับสื่อมวลชน แต่ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว เกิดขึ้นเพราะต้องตีกรอบมากขึ้น อย่าลืมว่าผมไม่เคยยุ่งกับใคร ผมก็ไม่เคยฟ้องใคร” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนข้อเสนอเปิดเวทีนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องหารือกับ ครม.ก่อน เพราะขณะนี้อยู่ในขั้นตอน ขออย่าขัดแย้งกัน ระหว่างสื่อมวลชนและสปท. เพราะทุกคนปรารถนาดี ขอให้อดทนเรื่องความขัดแย้ง และขออย่ายุ่งกับกระบวนการยุติธรรมไม่เช่นนั้นจะวุ่นวายไปหมด ย้ำว่า เรื่องกฎหมายสื่อยังไม่ได้ข้อยุติ และรัฐบาลดูแลเรื่องเป็นพิเศษ ยืนยัน ไม่เคยรังเกียจใครและขอความร่วมมือจากสื่อให้ช่วยประเทศชาติ .-สำนักข่าวไทย