นายกฯเชื่อไทยมีศักยภาพการท่องเที่ยว

โรงแรมเซนทาราแกรนด์ เซนทรัลเวิล์ด 26 เม.ย.-นายกรัฐมนตรีเปิดประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก 2560 หวังเป็นเวทีเปิดโอกาสให้ทุกภาคร่วมกันพัฒนาการท่องเที่ยวเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างความเชื่อมั่นไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก  World travel and tourism council global summit 2017  โดยกล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลกประจำปี 2560 ซึ่งเป็นงานสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกที่สามารถเน้นย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการจัดการประชุมระดับโลกและแสดงถึงความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวของเอเซียและของโลกต่อไป

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้มีผู้แทนระดับสูงในภาคธุรกิจการเดินทางและการท่องเที่ยวและหน่วยงานการท่องเที่ยวทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อหลัก “Transforming Our World ”  โดยหารือถึงอนาคตของธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกมีการจ้างงานถึง 292 ล้านอัตรา และสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศถึงร้อยละ 10.2 ของจีดีพีทั้งโลกรวมกัน


“ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงทุกด้าน จึงต้องพัฒนาเศรษฐกิจและความก้าวหน้าของสังคม รวมถึงการพัฒนา ยกระดับการเดินทางและการท่องเที่ยวทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพให้มากขึ้น ปัจจุบันเทคโนโลยี ดิจิทัล และโซเชียลมีเดีย เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงต้องเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและคนรุ่นใหม่ เพื่อให้เกิดมุมมองที่รวดเร็ว สนุกสนานและง่ายต่อการเข้าถึง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องให้ความสำคัญกับภัยคุกคามจากการก่อการร้าย การก่ออาชญากรรมข้ามชาติ โดยต้องหามาตรการและการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อคัดกรองนักเดินทาง นักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพราะฉะนั้นมีความจำเป็นที่ต้องจัดระบบความสมดุลให้ได้ ในเรื่องความปลอดภัยในการท่องเที่ยวที่ทุกคนสามารถรับได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขยายตัวอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นทุกปี จากปี 2558 ที่เติบโตร้อยละ 16.7 สร้างรายได้ 1.45 ล้านล้านบาท และ ปี 2559 แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะไม่เอื้ออำนวยต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ไทยยังสามารถขยายตัวได้ถึงร้อยละ 11 สร้างรายได้ 2.52 ล้านล้านบาท  ถือว่าเป็นสินค้าบริการที่สร้างรายได้สูงสุดของประเทศ 


“สำหรับปี 2560 ภาคการท่องเที่ยวผลิตสินค้าและบริการมูลค่าถึง 4.6 ล้านล้านบาท การจ้างงานในประเทศเกือบ 14 ล้านตำแหน่ง ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาคและโลก รัฐบาลมุ่งเน้นสนับสนุนนโยบาย Thailand plus one เพื่อดึงดูดการลงทุนใหม่จากนักลงทุนต่างประเทศ ให้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานสำคัญการเข้าสู่ตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีผู้บริโภคกว่า 620 ล้านคน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมีโครงข่ายด้านการคมนาคมทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ที่ทันสมัย และกำลังจะพัฒนาต่อไปอีก ดังนั้นจะทำให้การเดินทางเชื่อมโยงไปยังภูมิภาคอื่นๆ กับเพื่อนบ้านเป็นไปอย่างสะดวก ทั้งด้านการค้า การขนส่งและโลจิสติกส์ คมนาคม การเคลื่อนย้ายแรงงาน และการท่องเที่ยว ซึ่งไทย และประเทศสมาชิกอาเซียนให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการลดอุปสรรคการเดินทาง เพื่อยกระดับให้ภูมิภาคนี้เป็นจุดหมายปลายทางเดียวกัน (Single Tourist Destination) ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก 

“ปี 2560 กำหนดให้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียน ภายใต้ชื่อ “Visit ASEAN@50” เพื่อฉลองการก่อตั้งอาเซียนครบรอบ 50 ปี รวมทั้งเพื่อแสดงความแตกต่างอันเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างลงตัวของกลุ่มประเทศอาเซียนในสายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลก คาดว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 121 ล้านคน และทำรายได้ให้กับประเทศสมาชิกถึง 29 ล้านล้านบาท” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อาเซียนมุ่งเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น การพัฒนาเครือข่ายเส้นทางพัฒนาโครงการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟสายคุนหมิง-สิงคโปร์ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 การพัฒนาทางหลวงอาเซียน โดยเน้นการเชื่อมต่อของไทยกับเมียนมาร์ กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถยกฐานะขึ้นเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวของภูมิภาคอย่างเต็มตัว

“ผมเชื่อว่าทุกภาคส่วนที่ร่วมประชุมในครั้งนี้จะร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อเปลี่ยนโฉมหน้าโลกไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและกระจายความมั่งคั่งในสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรของโลก ในนามของรัฐบาลไทย ประชาชนผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยวและบริการมีความยินดีที่ได้ต้อนรับทุกคน และขอให้ใช้โอกาสที่อยู่ในประเทศไทยทำความรู้จักกับประเทศไทยและคนไทยให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และงดงาม ด้านอาหาร รวมทั้งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความเอื้ออารีของคนไทย ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนทุกคน และหวังว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับอีกครั้งในโอกาสต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ทุกคนเป็นสมาชิกของประชาคมโลก และวันนี้มีปัญหามากมาย แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ทุกคนมีความสุขคือการได้ไปท่องเที่ยว พบปะแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกัน และหากทำให้การท่องเที่ยวเจริญเติบโต จะช่วยทำให้ลดปัญหาความขัดแย้งในโลกได้มาก วันนี้ต้องเตรียมคนรองรับการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยต้องผลิตคนให้ตรงกับความต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทยกำลังดำเนินการทั้งสิ้น 

“สิ่งที่ต้องทำคือการสร้างความมั่นคงและความมีเสถียรภาพทางการเมือง รัฐบาลยืนยันว่าพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว สิ่งสำคัญคือทุกคนอยู่บนโลกใบเดียวกัน จึงขอเชิญชวนให้ทุกประเทศทำให้โลกใบนี้เป็นโลกที่มีความปลอดภัย ยกระดับรายได้ให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลทำ เพื่อประชาชน และทำให้อาเซียนเข้มแข็งไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

สาวใจเด็ด โดดจยย.รับจ้าง วิ่งตามรถตัวเองหลังตามหา 1 ปี

กทม. 18 พ.ค. – สาวใจเด็ด โดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วิ่งไล่รถตัวเอง หลังตามหาและผ่อนกุญแจเปล่ามานานกว่า 1 ปี พบเพื่อนสนิทนำรถไปค้ำประกันกับเจ้าหนี้ จากกรณีคลิปที่มีการแชร์ในโซเซียล ขณะผู้หญิงใส่เสื้อลายกำลังวิ่งไล่ตามรถเก๋งสีขาว พร้อมตะโกนให้คนช่วย จนพลเมืองดี ช่วยกันเข้ามารายล้อมรถและคนขับรถเก๋งต้องเลี้ยวเข้าซอย เพื่อลงมาเคลียร์ ก่อนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ล่าสุดทีมข่าวเปิดใจ สาวที่ปรากฏในคลิป เล่าถึงสาเหตุที่ต้องเข้าไปขวางรถยนต์คันนี้ เพราะว่าเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ตนเองได้ซื้อรถเก๋งคันนี้ ทะเบียนขอนแก่น และนำรถไปฝากจอดไว้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นห้องของแฟนเพื่อนสนิท แต่หลังจากที่นำรถไปฝาก ก็ไม่เคยได้พบรถตัวเองอีกเลย โดยเพื่อนสนิท อ้างว่าแฟนเอาไปขับ ทุกครั้งที่ทวงถามหารถ จะมีการบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา จนในที่สุด ตนเองก็เข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหารถ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ก็ยังตามหาไม่ได้ ตนเองจึงต้องผ่อนกุญแจเปล่า มาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม […]

ข่าวแนะนำ

ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้”

กาญจนบุรี 19 พ.ค. – ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 4 ราย อุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้” ตั้งข้อหาหนักหลายกระทง ล่าสุด ครอบครัวรับศพแล้ว เผยผลชันสูตร กระสุนเจาะศีรษะ 2 นัด เป็นเหตุเสียชีวิต พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีล่าตัวแก๊งอุ้มฆ่า นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้จับกุม นายธนเดช หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า ดีเจเตเต้ แล้ว ส่วนอีก 4 คน ศาลอนุมัติหมายจับ ประกอบด้วย นายณรงค์เดช, นายภคณัท, นายนพพิจิตร และนายธราเทพ ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ใน 5 ข้อหาหนัก ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

ตามหา “เจ๊แก้ว” ใส่ทอง 20 บาท หายตัวไป 2 วัน

สุราษฎร์ธานี 19 พ.ค. – ยังไร้วี่แวว “เจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียน หายตัว 2 วัน พร้อมทองหนัก 20 บาท-เงินสด 1 แสน สามีวอนตำรวจ-พลังโชเชียลช่วยตามหา หวั่นเกิดเหตุร้าย เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ญาติของ น.ส.สุจิตรา หรือเจ๊แก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของแผงทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ว่า น.ส.สุจิตรา หายตัวไปวันที่ 17 พฤษภาคม หลังจากเสร็จงานที่แผงทุเรียน และกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กม. ช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. น้องสาวของเจ๊แก้ว เล่าว่า วันนั้นตนได้โทรศัพท์คุยกับพี่สาวและทราบว่าพี่สาวกำลังจะออกจากแผงทุเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เห็นผิดสังเกตว่าพี่สาวยังมาไม่ถึงบ้านเลยพยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับ ปกติแล้วพี่สาวได้สวมใส่สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท เลทข้อมือทองคำน้ำหนัก 10 บาท […]

“บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบบัญชีวัดเพิ่มอีกรวม 49 บัญชี

นครปฐม 19 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบตู้บริจาค 185 ตู้ บัญชีวัดรวม 49 บัญชี รอตรวจสอบเส้นเงินที่ชัดเจน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ สตง. และเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา เข้าตรวจสอบข้อมูลการเงินเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ภายในห้องการเงิน วัดไร่ขิง ก่อนที่ในช่วงบ่ายพระครูปฐมธีรวัฒน์ (บัญชา ฐิตธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้เป็นตัวแทนนำ จนท.ออกมาชี้จุดตั้งตู้บริจาคปัจจัยที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด พบว่ามีตู้บริจาคทั้งหมด 185 ตู้ ซึ่งหลังจากใช้เวลาตรวจสอบบัญชีเพิ่มเติมกว่า 8 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่าการตรวจสอบในวันนี้ ไม่ได้ เป็นการสอบปากคำ แต่เป็นเพียงการเรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีการเงินของวัดประมาณ 10 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารจาก 4 ธนาคาร เข้ามาให้ข้อมูล เพื่อหาข้อสรุปว่า บัญชีของวัดมีกี่บัญชี ซึ่งทำให้พบบัญชีวัดเพิ่มขึ้นจากที่พบก่อนหน้านี้ 20 กว่าบัญชี (ใน 20 กว่า มีบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส […]