สุราษฎร์ธานี 19 พ.ค. – ยังไร้วี่แวว “เจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียน หายตัว 2 วัน พร้อมทองหนัก 20 บาท-เงินสด 1 แสน สามีวอนตำรวจ-พลังโชเชียลช่วยตามหา หวั่นเกิดเหตุร้าย
เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ญาติของ น.ส.สุจิตรา หรือเจ๊แก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของแผงทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ว่า น.ส.สุจิตรา หายตัวไปวันที่ 17 พฤษภาคม หลังจากเสร็จงานที่แผงทุเรียน และกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กม. ช่วงเวลาประมาณ 19.40 น.
น้องสาวของเจ๊แก้ว เล่าว่า วันนั้นตนได้โทรศัพท์คุยกับพี่สาวและทราบว่าพี่สาวกำลังจะออกจากแผงทุเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เห็นผิดสังเกตว่าพี่สาวยังมาไม่ถึงบ้านเลยพยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับ ปกติแล้วพี่สาวได้สวมใส่สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท เลทข้อมือทองคำน้ำหนัก 10 บาท และแหวนทองน้ำหนักอีก 5 บาทติดตัวตลอด ซึ่งเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา พี่สาวได้พกเงินสดจากการขายทุเรียนอีกไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท

ล่าสุดเช้าวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่แผงขายส่งทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย พบกับ นายพงศ์พันธ์ สามีเจ๊แก้ว บอกว่า ในช่วงวันดังกล่าวตนเองเดินทางไปซื้อทุเรียนที่จังหวัดจันทบุรี แต่ก็ติดต่อกับภรรยาตลอด ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 18.00 น. ภรรยาขี่รถจักรยานยนต์ไปห้าง เพื่อโอนเงินค่าซื้อทุเรียนจำนวนกว่า 200,000 บาท จากนั้นก็กลับมาที่แผงเพื่อรอลูกค้าทุเรียนเดินทางมาจากจังหวัดพังงา กระทั่งประมาณ เกือบ 2 ทุ่ม ตนได้รับโทรศัพท์ลูกค้าว่าแผงปิด ภรรยาไม่อยู่ที่แผง ขอให้ตนติดต่อให้ ตนก็พยายามโทรศัพท์แต่ติดต่อไม่ได้ จึงให้ญาติของภรรยามาดูที่แผง เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับภรรยา แต่เมื่อญาติมาดูก็ไม่พบใคร ตนจึงรีบขับรถกลับจากจังหวัดจันทบุรี เมื่อมาถึงก็เข้าแจ้งความต่อตำรวจทันที
นายพงศ์พันธ์ ยืนยันว่าเรื่องการหายตัวไม่ใช่เรื่องของชู้สาวแน่นอน แต่คาดว่าคนร้ายน่าจะประสงค์ต่อทรัพย์สินที่ภรรยาใส่อยู่ และคาดว่าน่าจะเป็นการวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ แต่ยอมรับว่าเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ภรรยาเคยหนีออกจากบ้านไปครั้งหนึ่งซึ่งครั้งนั้นสาเหตุเกี่ยวกับเรื่องเจ้าชู้ของตน แต่มันจบลงไปแล้ว รอบนี้ขอให้เป็นเรื่องหนีไป อย่าให้เกิดอันตรายกับภรรยาเลย ตอนนี้ตนเองต้องมาดูแลที่แผงทุเรียนแทงภรรยา ซึ่งไม่เคยทำเพราะการบริหารจัดการในแผงทุเรียนจะเป็นหน้าที่ของภรรยาทั้งหมด ตนเองเป็นห่วงภรรยามาก ขออย่าให้เกินเหตุไม่คาดคิดเลย
ส่วนโทรศัพท์ทั้ง 2 เครื่องที่ในเบื้องต้นแจ้งว่าหายไปนั้น ต่อมาค้นพบอยู่ในร้านโดยทั้ง 2 เครื่องแบตเตอรี่หมด และในร้านยังพบเงินที่เตรียมไว้จ่ายค่าทุเรียนอีกหลายแสนบาท ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อหรือทราบข่าวของภรรยาเลย ทุกคนในครอบครัวเป็นห่วงมาก วอนทางตำรวจเร่งคลี่คลายและวอนชาวโซเซียลและประชาชนที่พบเบาะแสช่วยแจ้งทางตำรวจด้วย
ส่วนทางด้านคดี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ยังคงไล่ตรวจกล้องวงจรปิดของเอกชนในบริเวณใกล้เคียง ส่วนกล้องวงจรปิดของเทศบาลไม่สามารถตรวจดูได้เนื่องจาก ทางเทศบาลกำลังปรับปรุงเอาสายไฟฟ้าลงดินและถอนเสาไฟฟ้าออกจากพื้นที่.-สำนักข่าวไทย