กทม. 12 เม.ย.-ผู้เสียหายเดินทางร้องกองปราบหลังถูกลอยแพทัวร์ญี่ปุ่น แฉประวัติ “ซินแสโชกุน” เปลี่ยนชื่อ-สกุล มีหมายจับฉ้อโกงหลายครั้ง
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 12 เม.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส รองผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประเสริฐ พัฒนาดี ผบก.ปคบ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนกองปราบปราม พนักงานสอบสวนบก.ปคบ.และตำรวจท่องเที่ยว ประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ศรัณย์พัชร์ กิติขจรพัชร์ หรือ ซินแสโชกุน และกลุ่มขบวนการแชร์ลูกโซ่ บริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด (WealthEver) ที่ลอยแพลูกทัวร์กว่า 2000 คน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อคืนที่ผ่านมา
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตำรวจสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ควบคุมตัวหัวหน้ากลุ่มแชร์ลูกโซ่ บริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด (WealthEver) จำนวน2 คน มาสอบปากคำ โดยเบื้องต้นหญิงทั้งสองรายบอกว่าเป็นสมาชิกของบริษัทดังกล่าวจริง ซึ่งในระหว่างที่ตนเป็นสมาชิกไม่เคยเกิดปัญหาในลักษณะดังกล่าว โดยก่อนที่จะมาขายทัวร์นั้นตนได้ซื้อสินค้าและได้รับรางวัลเป็นแพ็กเกจในการเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้ไปจริง จากนั้นจึงกลับมารับกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดเพื่อเดินทางกลับไปท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นแต่เมื่อมาถึงวันเดินทางกลับพบปัญหาดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา ฉ้อโกงประชาชน เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์สินของ ซินแสโชกุน มาเฉลี่ยคืนผู้เสียหายทุกคนให้ได้ เบื้องต้นประเมินความเสียหายไว้ที่ประมาณ 20 ล้านบาท ส่วนแม่ข่ายจะไม่ถูกดำเนินคดี เพราะเชื่อว่าถูกหลอกและเป็นผู้เสียหายเช่นกัน
พลตำรวจโทฐิติราช ระบุอีกว่า ขณะนี้ตำรวจได้ประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ให้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน และขยายผลว่ามีผู้ร่วมขบวนการ หรือมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังหรือไม่ โดยขณะนี้ผู้ที่กระทำความผิด และถูกดำเนินคดีขณะนี้ยังมีเพียง 1 คน
พล.ต.ท.ฐิติราช เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบขณะนี้พบว่าเคยมีประวัติการก่อคดีในลักษณะนี้ และเคยถูกออกหมายจับ 3-4 หมายแต่ต่อมาถอนหมายจับไปเพราะมีการชดใช้ค่าเสียหายกับผู้เสียหายได้ ซึ่งทั้งหมดเป็นคดีลักษณะเดียวกันมีแผนประทุษกรรมคล้ายกัน นอกจากนี้ยังพบว่าตัวของซินแสโซกุนมีการเปลี่ยนชื่อสกุลมาแล้วกว่า 10 ครั้ง เพื่อเปิดและจดทะเบียนบริษัท อย่างไรก็ตามขณะนี้มีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีต่อโดยมีหน่วยงานหลักรับเรื่อง
นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ศรัณย์พัชร์ กิติขจรพัชร์ หรือ ซินแสโชกุน เคยถูกแจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2555-2559 รวม 6 คดี เป็นคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์ทั้งหมด และถูกศาลอนุมัติหมายจับกุมรวม 3 ครั้ง โดยทุกคดีมีการถอนหมายจับหมดแล้ว เนื่องจากมีการจับกุม หรือดำเนินคดีแล้วทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนชื่อและนามสกุล ในที่ว่าการอำเภอเมือง และอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี รวม 10 ครั้งอีกด้วย โดยมีชื่อเดิมว่า นางสาวสหชม นาคฤทธิ์ 29 กันยายน 2543 และเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2559 เปลี่ยนชื่อ ภวิศ เป็น พสิษฐ์ เปลี่ยนนามสกุล นาคฤทธิ์ เป็น อริญชย์ลาภิศ.-สำนักข่าวไทย