กทม.6 ก.ค.- อัยการคดีเศรษฐกิจฯ สั่งฟ้อง ”ซินแสโชกุน” กับพวกร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยสร้างความเสียหายรวมกว่า 51 ล้านบาท พร้อมค้านประกัน หวั่นหลบหนี-ยุ่งเหยิงพยาน
เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า นายจิโรจน์ เอี่ยมโอภาส อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 มีความเห็นสั่งฟ้อง บริษัทเวลท์ เอเวอร์, นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน กรรมการบริษัทฯ, นางมณฑลญาณ์ นิรันดร มารดาซินแสโชกุน, นายก้องศรัณย์ แสงประภา ลูกพี่ลูกน้องซินแสโชกุน ,นางสาวทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ สาวคนสนิทซินแสโชกุน,นางประนอม พลานุสนธิ์ ,นางณิชมน แสงประภา ป้าของซินแสโชกุน, นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์, นางสาวสุดารัตน์ อเนกนวล และนายโกวิท ช่วยสัตว์ รวม 10 คน ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และ ซ่องโจร และสั่งฟ้องบริษัทเวลท์เอเวอร์ และซินแสโชกุน เพิ่มในข้อหา ร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมฉลากโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง และสั่งฟ้องซินแสโชกุน อีกในข้อหา ซื้อ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร ฯ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร กรณีชักชวนผู้เสียหายเข้าเป็นสมาชิกของบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยอ้างว่า จะมีสิทธิได้เดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีแม่ข่ายแต่ละสายที่พวกผู้ต้องหาให้สมาชิกชำระเงิน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 51 ล้านบาท แต่กลับลอยแพสมาชิกที่จะไปประเทศญี่ปุ่น ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ11 เมษายนที่ผ่านมาด้วย
โฆษกอัยการสูงสุด กล่าวต่อว่า ในคำฟ้อง อัยการขอให้ผู้ต้องหาคืนเงินผู้เสียหาย 871 คน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามความเสียหายแต่ละคน จากนั้นอัยการได้นำสำนวนยื่นฟ้องต่อศาลอาญา แต่คดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก และเป็นภัยต่อระบบเศรษฐกิจและสังคม ขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก และขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคดีเพราะเกรงว่าจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า บริษัทดังกล่าวจัดตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2560 ก่อนถูกตรวจสอบหลังการจัดตั้งบริษัทได้เพียง 3 เดือน แต่กลับสร้างความเสียหายรวดเร็วมาก และนางสาวพสิษฐ์ ถูกฟ้องทุกข้อกล่าวหา โดยข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนมีอัตราโทษจำคุกสูง 5 – 10 ปี
นายปกรณ์ ธรรมโรจน์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า นางสาวพสิษฐ์ เคยถูกดำเนินคดีฉ้อโกง 4- 6 คดี แต่ได้นำเงินไปจ่ายคืนผู้เสียหายเพื่อให้ยอม โดยอัยการจะดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญาควบคู่กันไป เพื่อนำคืนเงินผู้เสียหาย ซึ่งพบว่ามีทรัพย์สินบางส่วนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. ได้ยึดไว้เพื่อคืนให้กับผู้เสียหายแล้ว.-สำนักข่าวไทย