อดีตนายกฯ ญี่ปุ่นชี้ตลาดอยากให้รัฐบาลสานต่อนโยบายเขา

โตเกียว 26 ธ.ค.- อดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นเรียกร้องให้รัฐบาลชุดปัจจุบันสานต่อนโยบายเศรษฐกิจ “อาเบะโนมิกส์” ของเขา เพราะเป็นสิ่งที่ตลาดการเงินต้องการ อาเบะวัย 67 ปี ให้สัมภาษณ์ในรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งว่า ตลาดการเงินไม่ต้องการให้รัฐบาลนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ เปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจในระดับพื้นฐาน แต่ต้องการให้สานต่อนโยบายอาเบะโนมิกส์ เน้นเรื่องการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ รับช่วงต่อมาจากรัฐบาลของเขา ตลาดอาจมีปฏิกิริยาทางลบ หากเข้าใจว่านโยบาย “ทุนนิยมใหม่” ที่นายกรัฐมนตรีคิชิดะประกาศใช้คือ นโยบายสังคมนิยม รัฐบาลไม่ควรทำให้ประชาชนคิดว่ากำลังเดินออกจากแนวทางที่เน้นเรื่องการสร้างความเติบโต อดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะชี้ว่า การที่พรรคเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพี (LDP) ภายใต้การนำของนายคิชิดะมีชัยชนะในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเดือนตุลาคม ทำให้รัฐบาลกลับมามีเสถียรภาพทางการเมือง หวังว่านายคิชิดะจะแสดงความเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และนำพาพรรคชนะเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในปีหน้า นายกรัฐมนตรีคิชิดะวัย 64 ปี ซึ่งขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแอลดีพีในปลายเดือนกันยายนประกาศว่า จะส่งเสริมการเติบโตด้วยแนวทางการกระจายรายได้ หวังให้ประเทศมีชนชั้นกลางเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงสานต่อนโยบายผ่อนคลายทางการเงินและการใช้จ่ายการคลังเพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ นักเศรษฐศาสตร์บางคนเชื่อว่า เขาต้องการแก้ไขเสียงวิจารณ์เรื่องนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ผ่านมาส่งเสริมให้ธุรกิจมีรายได้เพิ่มขึ้น และราคาหุ้นปรับขึ้น แต่ไม่เป็นประโยชน์กับชนชั้นกลาง.-สำนักข่าวไทย

ธนาคารโลกคาดเศรษฐกิจจีนปี 2021 จบที่ขยายตัว 8%

ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของจีนจะขยายตัว 8% ในปี 2564 ซึ่งเป็นการปรับลดจาก 8.5% จากการคาดการณ์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

คลังออสเตรเลียชี้ต้องคลายมาตรการโควิด

แคนเบอร์รา 11 ธ.ค.- นายจอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีคลังออสเตรเลียเรียกร้องให้ผ่อนคลายมาตรการจำกัดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพื่อส่งเสริมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ นายฟรายเดนเบิร์กบอกกับสื่อที่นครเมลเบิร์นในวันนี้ว่า แต่ละรัฐจะต้องใจเย็นและเดินหน้าต่อไป ไม่ควรตื่นตระหนกกับไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนมากเกินไป มุขมนตรีแต่ละรัฐและดินแดนจะต้องผ่อนคลายมาตรการจำกัดที่ใช้ชะลอการระบาด เพราะสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะนี้ออสเตรเลียมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงเป็นประวัติการณ์แล้ว และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าวัคซีนสามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ออสเตรเลียผ่อนคลายมาตรการจำกัดบางอย่าง เนื่องจากคนวัย 16 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเกือบร้อยละ 90 แต่หลายรัฐยังคงห้ามการเดินทางข้ามรัฐ และจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการในร้านค้าและร้านอาหารอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ดี ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,753 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากสัปดาห์ก่อน และสูงสุดที่นับจากวันที่ 29 ตุลาคม เศรษฐกิจออสเตรเลียมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 48 ล้านล้านบาท) ถูกกระทบอย่างหนักจากการล็อกดาวน์ใน 2 รัฐใหญ่ที่สุดของประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) ไตรมาสสามของปีนี้ลดลงร้อยละ 1.9 นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในปี 2565 […]

“ไบเดน” เตือน “ปูติน” อย่ารุกรานยูเครน

วอชิงตัน 8 ธ.ค.- ทำเนียบขาวเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐได้แจ้งกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียว่า สหรัฐเตรียมใช้มาตรการทางเศรษฐกิจขั้นรุนแรง หากรัสเซียรุกรานยูเครน ส่งสัญญาณว่ามาตรการดังกล่าวจะรุนแรงกว่าที่สหรัฐเคยใช้ในปี 2557 แต่ไม่สามารถหยุดยั้งรัสเซียไม่ให้ผนวกคาบสมุทรไครเมียของยูเครนได้ นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐเผยกับสื่อ หลังจากประธานาธิบดีไบเดนสนทนากับประธานาธิบดีปูตินผ่านการโทรระบบวิดีโอทางไกลนาน 2 ชั่วโมงเมื่อบ่ายวันอังคารตามเวลาสหรัฐว่า ประธานาธิบดีไบเดนมองตาประธานาธิบดีปูตินแล้วพูดว่า สหรัฐเตรียมจะทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำในปี 2557 โดยได้แสดงความตรงไปตรงมา แต่ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่มีการชี้นิ้วชี้หน้ากัน พร้อมกับย้ำต่อผู้นำรัสเซียว่า สหรัฐพร้อมเสริมสร้างศักยภาพทางทหารในภูมิภาคดังกล่าว นายซัลลิแวนเผยด้วยว่า รัฐบาลสหรัฐเชื่อว่าประธานาธิบดีปูตินยังไม่ตัดสินใจเรื่องบุกยูเครน และขณะนี้สหรัฐกำลังประสานกับพันธมิตรในยุโรปในประเด็นที่เฉพาะเจาะจง ทางด้านนายปูติน ได้เรียกร้องขอคำรับประกันว่า องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต จะไม่ขยายขอบเขตปฏิบัติการทางทหารไปยังทิศตะวันออกเพิ่มเติม แต่นายไบเดน ไม่ได้ให้คำรับประกันในเรื่องนี้ รายงานข่าวระบุว่า ผู้นำทั้งสองไม่ได้บรรลุข้อตกลงใด ๆ แต่ตกลงที่จะติดต่อสื่อสารกันต่อไป ซึ่งเป็นสัญญาณว่า ความตึงเครียดน่าจะเริ่มลดลง เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็น (CNN) อ้างแหล่งข่าวด้านข่าวกรองว่า ช่วงหลายเดือนมานี้รัสเซียได้สร้างเส้นทางลำเลียงเวชภัณฑ์และเชื้อเพลิงที่จะเอื้อให้การปะทะยืดเยื้อในกรณีที่รัสเซียตัดสินใจบุกยูเครน ขณะที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐประเมินว่า รัสเซียอาจบุกยูเครนได้ในอีกไม่กี่เดือน เพราะได้ระดมกำลังพลตามแนวชายแดนด้านยูเครนมากถึง 175,000 นาย.-สำนักข่าวไทย

ไอเอ็มเอฟระบุโอไมครอนจะกระทบการขยายตัวเศรษฐกิจโลก

นางคริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ กล่าวในวันศุกร์ว่า ไอเอ็มเอฟ มีแนวโน้มว่าจะปรับลดการคาดหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกเนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์โอไมครอน

ผู้นำเกาหลีเหนือเตือนเรื่องอุปสรรคใหญ่ด้านเศรษฐกิจ

นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ กล่าวว่า ประเทศเกาหลีเหนือจะต้องเตรียมตัวรับมือกับอุปสรรค์ใหญ่มาก ๆ ในปีหน้า ในการเดินหน้าสร้างความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ ทั้งในเรื่องของงานกลาโหม เกษตกรรมและการก่อสร้าง

โอเปกพลัสอาจงดเพิ่มกำลังผลิตเพราะโอไมครอน

ลอนดอน 2 ธ.ค.- นักวิเคราะห์คาดว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตรหรือโอเปกพลัส จะระงับการเพิ่มกำลังผลิตงวดเดือนมกราคมในการประชุมวันนี้ เพราะมีกระแสวิตกว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะถูกกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอน โอเปกพลัสซึ่งประกอบด้วยสมาชิกโอเปก 13 ประเทศและพันธมิตร 10 ประเทศจะประชุมผ่านระบบวิดิโอทางไกลในเวลา 13:00 น.วันนี้ตามเวลามาตรฐานสากล ตรงกับเวลา 20:00 น.วันนี้ตามเวลาในไทยเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับปริมาณการผลิตน้ำมันตั้งแต่เดือนมกราคมปีหน้าเป็นต้นไป ที่ผ่านมาโอเปกพลัสไม่ยอมทำตามแรงกดดันนำโดยสหรัฐที่ต้องการให้เพิ่มกำลังผลิตอย่างมีนัยสำคัญเพื่อควบคุมราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น นักวิเคราะห์คาดว่า การเกิดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอนและแรงเทขายในตลาดทุนทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า โอเปกพลัสจะเลือกระงับแผนการเพิ่มกำลังผลิตรายเดือนวันละ 400,000 บาร์เรล เพราะตลาดไม่น่าจะดูดซับน้ำมันส่วนเกินดังกล่าวได้ ยังไม่นับรวมน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ที่สหรัฐ จีนและอินเดียจะปล่อยออกมาในไตรมาสแรกของปีหน้าเพื่อกดราคาน้ำมันดิบที่สูงจนสั่นคลอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนที่แอฟริกาใต้เป็นแห่งแรกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่าร้อยละ 10 เป็นการลดลงครั้งใหญ่ครั้งแรกนับจากเดือนเมษายน 2563 ที่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาดทั่วโลก ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวที่บาร์เรลละ 70 ดอลลาร์สหรัฐ โอเปกพลัสได้ลดกำลังผลิตลงอย่างมากเมื่อปีก่อนที่โรคโควิดเริ่มระบาด เพราะมาตรการจำกัดการระบาดทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงมาก และเพิ่งเพิ่มกำลังผลิตรายเดือนวันละ 400,000 บาร์เรลตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีนี้ ขณะที่กำลังผลิตจริงสูงกว่านี้ 10 เท่า.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ครม. จ่อเพิ่มวงเงินโครงการประกันรายได้

นายกฯ นำประชุม ครม. เตรียมเพิ่มวงเงินโครงการประกันรายได้อีก 1.5 แสนล้านบาท และคาดจะพิจารณาความพร้อมสาธารณสุข ทั้งวัคซีน ยารักษา แผนตรวจผู้เดินทางเข้าประเทศ เสนอให้ตรวจ RT-PCR ตามเดิม

ตลท.มองปีหน้าเศรษฐกิจฟื้นตัวแบบ K-Shaped Recovery

กรรมการและผู้จัดการ ตลท. มองปีหน้าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแบบ K-Shaped Recovery เตรียมร่วมมือกับพันธมิตรเสริมอาวุธให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ มุ่งส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืน

กรุงศรี คาด GDP ปี 64 โต 1.2% ส่วนปี 65 ขยายตัว 3.7%

กรุงเทพฯ 24 พ.ย. – วิจัยกรุงศรีประเมินเศรษฐกิจไทยเริ่มก้าวสู่เส้นทางการฟื้นตัวแม้ยังมีความไม่เท่าเทียมกัน คาดว่า GDP ปี 2564 และปี 2565 จะขยายตัวอยู่ที่ 1.2% และ 3.7% สำนักวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือวิจัยกรุงศรี ประเมินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยมีแนวโน้มกลับสู่ระดับก่อนการระบาดในช่วงครึ่งหลังปี 2565 โดยเศรษฐกิจในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 1.2% (เดิมคาด 0.6%) จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้ราว 1.5% QoQ (จาก -1.1% ในไตรมาส 3) หรือ +0.8% YoY ปัจจัยหนุนจากการปรับดีขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด และความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนที่เร่งขึ้น  ผนวกกับยังมีแรงส่งจากมาตรการภาครัฐเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายและท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้ทั้งปีคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 0.35 ล้านคน (เดิมคาด 0.15 ล้านคน) อีกทั้งการส่งออกยังเติบโตดีต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ประเทศคู่ค้า และการผ่อนคลายลงของภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค ส่งผลให้การส่งออกในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวสูงที่ 16.5% (เดิมคาด 15.0%) สำหรับปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่อเนื่องที่ […]

สาวเกาหลีใต้ ออกจากงานหลังแต่งงานมากถึง 1 ใน 6

โซล 23 พ.ย.-สำนักงานสถิติเกาหลีแจ้งว่า สตรีเกาหลีใต้ที่แต่งงานแล้วลาออกจากงานมากกว่า 1 ใน 6 ในปีนี้เพื่อเลี้ยงลูกและดูแลครอบครัว ขณะที่อัตราจ้างงานสตรีแต่งงานแล้วเพิ่มขึ้น สะท้อนว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ข้อมูลของสำนักงานสถิติระบุว่า สตรีวัย 15-54 ปีที่ลาออกจากงานหลังแต่งงานมีจำนวน 1 ล้าน 4 แสน 5 หมื่นคนในเดือนเมษายนปีนี้ ลดลงร้อยละ 3.8 จากเดือนเมษายนปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.4 ของสตรีที่แต่งงานทั้งหมด 8 ล้าน 3 แสน 2 หมื่นคน ลดลงเล็กน้อยจากร้อยละ 17.6 ในเดือนเมษายนปีก่อน ตัวเลขที่ลดลงในปีนี้ สอดล้องกับตัวเลขสตรีแต่งงานที่ลดลงเช่นเดียวกัน ในบรรดาสตรีที่ตัดสินใจลาออกจากงานหลังจากแต่งงาน ร้อยละ 43.2 ให้เหตุผลว่า เพื่อทุ่มเทเวลาให้แก่การเลี้ยงลูก ร้อยละ 27.4 บอกว่า เป็นเพราะแต่งงานมีครอบครัวแล้ว และร้อยละ 22.1 บอกว่าเป็นเพราะตั้งครรภ์และคลอดบุตร สตรีกลุ่มอายุ 30-39 ปี เป็นกลุ่มที่ลาออกจากงานหลังแต่งงานมากที่สุด ตามด้วยสตรีกลุ่มอายุ 40-49 […]

1 22 23 24 25 26 69
...