ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีนทำให้เกิดลิ่มเลือดมากกว่าการติดเชื้อโควิด-19 จริงหรือ?
การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ไม่ว่าในผู้ป่วยหนักหรือผู้ป่วยปานกลาง-เบา
การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน ไม่ว่าในผู้ป่วยหนักหรือผู้ป่วยปานกลาง-เบา
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอให้ประชาชนมั่นใจ แม้จะมีการปรับสูตรฉีดวัคซีนสลับชนิด ทำให้มีการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกามากขึ้น ก็ไม่กระทบต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เพราะในประเทศพบภาวะดังกล่าวเพียง 1 ใน 5 ล้านคนเท่านั้น และสามารถรักษาหายได้
25 มิถุนายน 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง/เรียบเรียง โดย : ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์/พีรพล อนุตรโสตถิ์ บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ข้อมูล หากหายไข้หลังจากฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว ให้ประชาชนเฝ้าระวังอาการลิ่มเลือดอุดตัน หลังจากฉีดวัคซีนฯ ไปอีก 5-28 วัน ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวพบว่า เป็นเรื่องจริง บทสรุป แชร์ได้ แต่ต้องอธิบายเพิ่ม เพื่อให้เข้าใจข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน ประเทศไทยมีการเฝ้าระวังอาการของผู้รับวัคซีนอย่างน้อย 28 วัน หรือ ประมาณ 4 สัปดาห์ อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เกิดขึ้นได้ค่อนข้างน้อยมาก ๆ และเกิดได้น้อยในคนเอเชีย แม้หากมีอาการไม่พึงประสงค์ หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็สามารถรักษาอาการให้หายได้ วัคซีนซิโนแวคพบโอกาสการเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้น้อยกว่าแอสตร้าเซนเนก้า การฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นสิ่งที่ดี สามารถลดอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ ข้อมูลที่ถูกแชร์ “ 💉 ใครฉีดวัคซีน AstraZeneca หายไข้แล้ว อย่าเพิ่งวางใจกันนะคะ คอยสังเกตอาการ หลังฉีด 5 -28 […]
วัคซีนโควิด-19 กับความกังวลใจ คนไทยฉีดแล้วเสี่ยงภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จริงเท็จแค่ไหน ฟังชัดๆ จากปากนายแพทย์ใหญ่ แท้จริงแล้วคนไทยเสี่ยงน้อยมาก
เกาหลีใต้ยืนยันพบผู้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของแอสตราเซเนกามีภาวะลิ่มเลือดอุดตันชนิดหายากเป็นรายแรกของประเทศ
รัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดาเผยว่า พบผู้เสียชีวิตรายแรกจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา
โซล 18 เม.ย.-เกาหลีใต้จะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกาให้แก่ผู้ดูแลผู้อื่นอย่างคนชรา คนพิการ ทหารผ่านศึก และพนักงานสายการบินตั้งแต่วันจันทร์ที่จะถึงนี้ เพื่อเร่งป้องกันการแพร่ระบาด สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคเกาหลีหรือเคดีซีเอ (KDCA) แถลงว่า โครงการนี้จะยกเว้นผู้มีอายุไม่ถึง 30 ปี เพราะเกรงเรื่องเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ส่วนแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และผู้ป่วยฟอกไตจะสามารถรับวัคซีนของแอสตราเซนเนกาได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 26 เมษายน เกาหลีใต้ระงับการใช้วัคซีนขนานนี้ระหว่างวันที่ 8-11 เมษายน หลังจากมีรายงานผู้ฉีดวัคซีนไปแล้วเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ก่อนกลับมาให้ใช้อีกครั้งเมื่อวันที่ 12 เมษายน ศูนย์ฉีดวัคซีน 175 แห่งทั่วประเทศสามารถฉีดวัคซีนได้วันละ 105,000 เข็ม ขณะนี้กำลังฉีดวัคซีนของแอสตราเซนเนกาและไฟเซอร์ให้แก่ผู้มีอายุ 75 ปีขึ้นไป ลูกจ้างและผู้อาศัยในบ้านพักคนชรา วัคซีนทั้งสองขนานนี้ต้องฉีดให้ครบ 2 เข็มจึงจะมีประสิทธิภาพ เกาหลีใต้ตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนให้ประชากร 12 ล้านคนจากทั้งหมดกว่า 51 ล้านคนภายในสิ้นเดือนมิถุนายน และมีภูมิคุ้มกันหมู่ภายในเดือนพฤศจิกายน แต่มีความกังวลว่าการฉีดวัคซีนอาจล่าช้า หลังจากสหรัฐระงับการใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันหรือเจแอนด์เจเพราะกังวลเรื่องภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เกาหลีใต้มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 114,100 คน เสียชีวิตกว่า 1,790 […]
แคนาดาพบผู้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหายากแต่เป็นอันตราย หลังรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นรายที่ 2 แล้ว แต่ยังคงแนะนำให้ใช้วัคซีนขนานนี้ต่อไป
โคเปนเฮเกน 15 เม.ย.- เดนมาร์กประกาศหยุดใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกากับคนทุกกลุ่มเป็นชาติแรก จากความกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน กระทรวงสาธารณสุขเดนมาร์กประกาศหยุดใช้วัคซีนของบริษัทแอสตราเซนเนกา หลังจากมีความกังวลว่า วัคซีนขนานนี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน วัคซีนของแอสตราเซนเนกาทั้งหมด 2.4 ล้านโดส จะถูกถอดออกจากโครงการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เนื่องจากผลการศึกษาพบกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนในอัตราที่มากเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ โดยพบในอัตรา 1 ต่อ 40,000 คน คาดว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้โครงการฉีดวัคซีนของเดนมาร์กเสร็จสิ้นล่าช้าออกไปอีกหลายสัปดาห์ เดนมาร์กถือเป็นชาติยุโรปประเทศแรกที่หยุดใช้วัคซีนของแอสตราเซนเนกากับคนทุกกลุ่ม หลังก่อนหน้านี้สมาชิกสหภาพยุโรปหลายประเทศหยุดใช้ชั่วคราวจากความกังวลเรื่องการทำให้เกิดลิ่มเลือด ก่อนจะกลับมาใช้งานอีกครั้ง แต่ส่วนใหญ่ใช้อย่างจำกัดในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย
วอชิงตัน 15 เม.ย.- วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันหรือเจแอนด์เจ (J&J) ยังคงตกอยู่ในภาวะมืดมน เมื่อคณะกรรมการสุขภาพสหรัฐขอเวลาศึกษาเพิ่มเติมก่อนจะตัดสินใจว่าจะให้ใช้อีกครั้งหรือไม่ โดยเลื่อนการตัดสินใจออกไปไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ คณะที่ปรึกษาของสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐหรือซีดีซี (CDC) ขอเลื่อนการตัดสินใจ หลังได้รับแจ้งจากนักวิทยาศาสตร์ของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐหรือเอฟดีเอ (FDA) ว่า คำเตือนนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ยากแต่ร้ายแรง คณะที่ปรึกษากำลังตรวจสอบกรณีสตรี 6 คนเกิดภาวะลิ่มเลือดในสมองหายากหลังฉีดวัคซีนของเจแอนด์เจ ตามที่เอฟดีเอและซีดีซีแนะนำร่วมกันให้ระงับการฉีดเพื่อประเมินเหตุที่เกิดขึ้น สตรีทั้งหมดอายุต่ำกว่า 50 ปี หนึ่งในนั้นเสียชีวิต และสามคนยังรักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่ในสหรัฐมีผู้ฉีดวัคซีนของเจแอนด์เจไปแล้ว 7.2 ล้านโดส ที่ปรึกษาบางส่วนสนับสนุนให้ระงับใช้วัคซีนของเจแอนด์เจเพื่อหาข้อมูลความปลอดภัยเพิ่มเติม บางส่วนเกรงว่า การขยายระยะเวลาระงับใช้อาจทำให้กลุ่มเสี่ยงไม่ได้รับวัคซีนอย่างเท่าเทียม เนื่องจากวัคซีนขนานนี้เก็บรักษาได้ในอุณหภูมิตู้เย็นปกติและฉีดเพียงขนานเดียว บางคนเสนอให้เลื่อนการตัดสินใจออกไป 1 เดือน ทำให้บางคนแย้งว่า อาจทำให้ทั่วโลกเข้าใจผิดว่าวัคซีนขนานนี้มีความผิดพลาดอย่างร้ายแรง และว่าภาวะหลอดเลือดดำในสมองอุดตันหรือซีวีเอสที (CVST) พร้อมเกล็ดเลือดต่ำเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากมาก ด้านเจแอนด์เจชี้แจงต่อคณะที่ปรึกษาว่า ไม่เคยพบภาวะนี้กับผู้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีโบลาหรือวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ที่ทำให้เป็นโรคระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ซึ่งผลิตด้วยเทคนิคเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หรือในการทดลองฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบสองโดส.-สำนักข่าวไทย
เคปทาวน์ 14 เม.ย.- รัฐมนตรีสาธารณสุขแอฟริกาใต้เผยว่า เงินมัดจำที่รัฐบาลจ่ายให้แก่จอห์นสันแอนด์จอห์นสันหรือเจแอนด์เจและไฟเซอร์เป็นเงินที่ไม่สามารถเรียกคืนไม่ได้ไม่ว่าเงื่อนไขใด ๆ หลังจากรัฐบาลระงับการฉีดวัคซีนของเจแอนด์เจตามสหรัฐ รัฐมนตรีสาธารณสุขชี้แจงระหว่างการประชุมออนไลน์กับคณะกรรมการในรัฐสภา หลังจากรัฐบาลสั่งระงับการใช้วัคซีนของเจแอนด์เจ โดยอ้างตามคำแนะนำของหน่วยงานสาธารณสุขสหรัฐ เพราะผู้ฉีดบางรายเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันว่า แอฟริกาใต้จ่ายเงินมัดจำวัคซีนให้แก่เจแอนด์เจและไฟเซอร์โดสละ 10 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 313 บาท) เป็นเงื่อนไขที่มีภาระผูกพันเกินควร แต่จำต้องยอมรับข้อเรียกร้องที่ยากเย็นและบางครั้งไร้เหตุผลจากผู้ผลิตวัคซีนในระหว่างการเจรจา เพราะอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างการปกป้องชีวิตประชาชนกับการทำให้ทรัพย์สินของรัฐเสี่ยงไปตกอยู่ในมือของบริษัทเอกชน การระงับใช้วัคซีนของเจแอนด์เจสร้างปัญหาใหม่ให้แก่แอฟริกาใต้ เพราะได้ยกเลิกแผนการฉีดวัคซีนของแอสตราเซนเนกาไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากผลการทดลองขนาดเล็กพบว่า ให้ประสิทธิภาพน้อยในการป้องกันการเกิดอาการเล็กน้อยถึงปานกลางจากการติดเชื้อปรับปรุงสายพันธุ์ที่พบในแอฟริกาใต้ ยอดผู้ป่วยสะสมโรคโควิด-19 ในประเทศนี้เกินกว่า 1.59 ล้านคน เสียชีวิต 53,400 คน.-สำนักข่าวไทย
บรุกไลน์ 14 เม.ย.- ข่าวสำนักงานอาหารและยาสหรัฐหรือเอฟดีเอ (FDA) ระงับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันหรือเจแอนด์เจ (J&J) เพราะกังวลเรื่องทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน สร้างความกังวลให้แก่ผู้ฉีดวัคซีนขนานนี้ไปแล้วในสหรัฐ ชายคนหนึ่งเผยว่า รับการฉีดเป็นคนสุดท้ายที่วอลมาร์ตในรัฐนิวแฮมป์เชอร์เมื่อเวลา 07:30 น.วันอังคารตามเวลาสหรัฐ เพราะหลังจากนั้นมีโทรศัพท์มาแจ้งให้ยกเลิกการฉีด แล้วให้คนที่มารอแยกย้ายกันกลับบ้าน เอฟดีเอสั่งระงับการฉีดวัคซีนขนานนี้หลังจากมีรายงานสตรี 6 คนเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ในจำนวนนี้หนึ่งคนเสียชีวิต จากจำนวนผู้รับไปแล้วทั้งหมด 6.8 ล้านเข็ม เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ดับเบิลยูซีวีบี (WCVB) ในเครือเอบีซี (ABC) แนะนำผู้ฉีดวัคซีนของเจแอนด์เจสังเกตอาการของตนเองภายใน 3 สัปดาห์หลังฉีดว่า ปวดศีรษะรุนแรง ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดขา หายใจลำบากหรือไม่ ส่วนผู้ที่มีนัดฉีดวัคซีนขนานนี้ให้ติดต่อกับศูนย์ที่นัดไว้ อย่าคิดเองว่ายกเลิก เพราะบางแห่งได้เปลี่ยนไปใช้วัคซีนของไฟเซอร์แทนแล้ว วัคซีนของเจแอนด์เจใช้อะดีโนไวรัสที่เป็นไวรัสทำให้เป็นไข้หวัดธรรมดา เป็นตัวนำโปรตีนของเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 เข้าไปในเซลล์ของร่างกายเพื่อกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน เป็นเทคนิคเดียวกับวัคซีนของแอสตราเซนเนกา สำนักงานกำกับดูแลด้านยาของยุโรปกำลังตรวจสอบวัคซีนทั้งสองขนานนี้ หลังจากพบว่าผู้ใหญ่บางรายเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังรับวัคซีน โฆษกกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลียเผยเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลไม่มีโครงการจะซื้อวัคซีนที่ผลิตจากอะดีโนไวรัสในเวลานี้.-สำนักข่าวไทย