สหรัฐเลื่อนตัดสินใจว่าจะใช้วัคซีนJ&Jอีกหรือไม่

วอชิงตัน 15 เม.ย.- วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันหรือเจแอนด์เจ (J&J) ยังคงตกอยู่ในภาวะมืดมน เมื่อคณะกรรมการสุขภาพสหรัฐขอเวลาศึกษาเพิ่มเติมก่อนจะตัดสินใจว่าจะให้ใช้อีกครั้งหรือไม่ โดยเลื่อนการตัดสินใจออกไปไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์


คณะที่ปรึกษาของสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐหรือซีดีซี (CDC) ขอเลื่อนการตัดสินใจ หลังได้รับแจ้งจากนักวิทยาศาสตร์ของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐหรือเอฟดีเอ (FDA) ว่า คำเตือนนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่พบได้ยากแต่ร้ายแรง คณะที่ปรึกษากำลังตรวจสอบกรณีสตรี 6 คนเกิดภาวะลิ่มเลือดในสมองหายากหลังฉีดวัคซีนของเจแอนด์เจ ตามที่เอฟดีเอและซีดีซีแนะนำร่วมกันให้ระงับการฉีดเพื่อประเมินเหตุที่เกิดขึ้น สตรีทั้งหมดอายุต่ำกว่า 50 ปี หนึ่งในนั้นเสียชีวิต และสามคนยังรักษาตัวในโรงพยาบาล ขณะที่ในสหรัฐมีผู้ฉีดวัคซีนของเจแอนด์เจไปแล้ว 7.2 ล้านโดส

ที่ปรึกษาบางส่วนสนับสนุนให้ระงับใช้วัคซีนของเจแอนด์เจเพื่อหาข้อมูลความปลอดภัยเพิ่มเติม บางส่วนเกรงว่า การขยายระยะเวลาระงับใช้อาจทำให้กลุ่มเสี่ยงไม่ได้รับวัคซีนอย่างเท่าเทียม เนื่องจากวัคซีนขนานนี้เก็บรักษาได้ในอุณหภูมิตู้เย็นปกติและฉีดเพียงขนานเดียว บางคนเสนอให้เลื่อนการตัดสินใจออกไป 1 เดือน ทำให้บางคนแย้งว่า อาจทำให้ทั่วโลกเข้าใจผิดว่าวัคซีนขนานนี้มีความผิดพลาดอย่างร้ายแรง และว่าภาวะหลอดเลือดดำในสมองอุดตันหรือซีวีเอสที (CVST) พร้อมเกล็ดเลือดต่ำเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากมาก ด้านเจแอนด์เจชี้แจงต่อคณะที่ปรึกษาว่า ไม่เคยพบภาวะนี้กับผู้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีโบลาหรือวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ที่ทำให้เป็นโรคระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ซึ่งผลิตด้วยเทคนิคเดียวกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หรือในการทดลองฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบสองโดส.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย