ชัวร์ก่อนแชร์ : หลังฉีดแอสตร้าฯ ต้องเฝ้าระวังลิ่มเลือดอุดตัน 5-28 วัน จริงหรือ?

25 มิถุนายน 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง/เรียบเรียง โดย : ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์/พีรพล อนุตรโสตถิ์


บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ข้อมูล หากหายไข้หลังจากฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว ให้ประชาชนเฝ้าระวังอาการลิ่มเลือดอุดตัน หลังจากฉีดวัคซีนฯ ไปอีก 5-28 วัน ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวพบว่า เป็นเรื่องจริง

บทสรุป แชร์ได้ แต่ต้องอธิบายเพิ่ม เพื่อให้เข้าใจข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน


  • ประเทศไทยมีการเฝ้าระวังอาการของผู้รับวัคซีนอย่างน้อย 28 วัน หรือ ประมาณ 4 สัปดาห์ อยู่แล้ว
  • อย่างไรก็ตาม ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เกิดขึ้นได้ค่อนข้างน้อยมาก ๆ และเกิดได้น้อยในคนเอเชีย
  • แม้หากมีอาการไม่พึงประสงค์ หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็สามารถรักษาอาการให้หายได้
  • วัคซีนซิโนแวคพบโอกาสการเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้น้อยกว่าแอสตร้าเซนเนก้า 
  • การฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นสิ่งที่ดี สามารถลดอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ 

ข้อมูลที่ถูกแชร์

“ 💉 ใครฉีดวัคซีน AstraZeneca หายไข้แล้ว อย่าเพิ่งวางใจกันนะคะ คอยสังเกตอาการ หลังฉีด 5 -28 วัน ต่อ โอกาสเป็นไม่เยอะ แต่รู้ไว้สังเกตกันค่ะ 💉 ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หลังฉีดวัคซีน AstraZeneca (AZD1222) 🔸 ภาวะนี้เรียกว่า VITT (vaccine-induced immune thrombotic thrombocytopenia)… 🔸 อาการ ประกอบด้วย ลิ่มเลือดอุดตัน + เกล็ดเลือดต่ำ ♦️ กลุ่มแรก อาการจากเกล็ดเลือดต่ำ มีพรายย้ำ จ้ำเลือด ตามตัว ♦️ กลุ่มสอง อาการลิ่มเลือดอุดตัน ขึ้นอยู่กับว่าอุดตันที่ไหน คือ 🟡 #1 “เส้นเลือดดำในสมอง…. 🟡 #2 “ลิ่มเลือดอุดตันในปอด…. 🟡 #3 “ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา…🟢 วิธีลดโอกาสในการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน  ที่เราพอทำได้เอง 🔸 พยายามขยับเคลื่อนไหวร่างกาย อย่านอนแช่นาน ๆ…🔸 หากหลอดเลือด มีความหนืดควรดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยได้มาก” โดยข้อมูลดังกล่าวได้ถูกส่งเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์จำนวนมาก

Fact Check : ตรวจสอบข้อมูล


ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ อสมท ตรวจสอบคำกล่าวอ้างข้างต้น กับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน นพ.พรศักดิ์ อยู่เจริญ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รับคำตอบในแต่ละประเด็น ดังนี้

Q : [แชร์กันว่า] “ใครฉีดวัคซีน AstraZeneca หายไข้แล้ว อย่าเพิ่งวางใจ ให้คอยสังเกตอาการภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดอีก 5 -28 วัน ภาวะนี้เรียกว่า VITT (vaccine-induced immune thrombotic thrombocytopenia)” ข้อความนี้เป็นจริงหรือไม่?

A : เรื่องนี้เป็นไปตามปกติของธรรมชาติ ซึ่งระบบการเฝ้าระวังของประเทศไทยและทั่วโลกจะมีการเฝ้าระวังหลังฉีดวัคซีนอย่างน้อย 28 วัน หรือประมาณ 4 สัปดาห์ ขอให้ประชาชนเฝ้าดูอาการของตนเองในช่วงเวลานี้ นอกจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว ภาวะการเกิด VITT ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับวัคซีนโมเดิร์นนาและไฟเซอร์ แต่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะเกิดขึ้นได้มากกว่าโมเดิร์นนาและไฟเซอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับคนอเมริกาหรือคนยุโรป จะเป็นลิ่มเลือดอุดตันได้ง่ายกว่าคนเอเชีย ซึ่งจะเกิดหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว 5-28 วัน จึงขอให้เฝ้าระวังอาการไปถึง 28 วัน

“อาการไม่พึงประสงค์ที่สำคัญจากการรับวัคซีน​ป้องกันโรคโควิด 19 คือ ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในอวัยวะสำคัญ เช่น ปอด หรือ สมอง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม ดังนั้น การเฝ้าระวังติดตามอาการผิดปกติ เช่น อาการเจ็บหรือแน่นหน้าอก, หายใจผิดปกติ, ใจสั่น ปวดศรีษะ, ​มึนศรีษะ​ ตาพร่ามัว, ชา, อ่อนแรง​ เป็นระยะ​เวลาประมาณ 28 วัน หรือ 1 เดือน หลังได้รับวัคซี​น​ หากมีอาการผิดปกติ​ดังกล่าวให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและรักษาโรค​ที่เหมาะสม และทันท่วงที ซึ่งสามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้” นพ.พรศักดิ์ ระบุ 

สำหรับอาการลิ่มเลือดอุดตันหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า อาการลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามอวัยวะที่ลิ่มเลือดไปอุดตัน เช่น ในปอด จะมีอาการเจ็บหน้าอกแปล๊บๆ หายใจไม่อิ่มและเหนื่อยง่าย บริเวณขา จะเกิดอาการขาบวมข้างเดียว ในท้องจะเกิดอาการปวดท้องรุนแรง ส่วนในอวัยวะที่สำคัญต่อชีวิต (Vital organs) เช่น เส้นเลือดสมองจะเกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง เมื่อ ไอ จาม จะปวดมากขึ้น และ อาจมีภาวะอ่อนแรง ชาซีกเดียวคล้าย Stroke ก็ได้ หากเกิดที่เส้นเลือดหัวใจจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หากไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เสียชีวิตหรือพิการได้

นพ.พรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับวัคซีนซิโนแวคโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันมีน้อยกว่าแอสตร้าเซนเนก้ามาก แต่ทำให้เกิดเกล็ดเลือดต่ำได้ โดยจะเกิดปฏิกิริยาคนละแบบ คือมีอาการจ้ำเลือด พบจุดเลือดตามผิวหนังประมาณ 1-2 สัปดาห์  ขณะที่ลักษณะลิ่มเลือดอุดตันในอีกรูปแบบ คือจะเกิดการสร้างภูมิต้านทานตัวเองอย่างรุนแรง ทำให้ลิ่มเลือดมาเกาะกัน จนอุดตันในเส้นเลือดใหญ่ แล้วหลุดไปอุดตันที่ปอด ที่สมองได้   

Q : [แชร์กันว่า] “…บทความฝรั่งบอกว่าอาการนี้จะเกิดในช่วงวันที่ 5 – 28 หลังฉีดวัคซีนอาการ ประกอบด้วยลิ่มเลือดอุดตัน + เกล็ดเลือดต่ำโดยผู้ป่วยจะมาด้วย 2 กลุ่ม กลุ่มแรก อาการจากเกล็ดเลือดต่ำ มีพรายย้ำ จ้ำเลือด ตามตัว กลุ่มสอง อาการลิ่มเลือดอุดตัน ขึ้นอยู่กับว่าอุดตันที่ไหน (เส้นเลือดดำในสมอง,ลิ่มเลือดอุดตันในปอด, ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา) …” เรื่องนี้เป็นอย่างไร?
A : เป็นความจริง กล่าวคือ เมื่อปฏิกิริยาเกิดภูมิต้านทานตัวเอง จะมีการทำลายเกล็ดเลือด เกล็ดเลือดก็จะต่ำ ส่วนที่เกิด VITT เกิดจากเกล็ดเลือด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่มีการต่อต้านจากเกล็ดเลือด ทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อนโดยใช้เกล็ดเลือด จึงทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด เพราะฉะนั้นเกล็ดเลือดที่ต่ำ ส่วนหนึ่งจะไปกองอยู่เป็นลิ่มก้อนเลือด ฉะนั้นเกล็ดเลือดเล็กๆ ที่ล่องลอย ที่เราจะนำมาตรวจ มันก็เลยลดลง ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือก้อนเลือดที่มันเกิดเป็นปฏิกิริยาจากเกล็ดเลือดไปกองกันอยู่ ทำให้เป็นก้อนเลือด แล้วเกิดการอุดตันเส้นเลือดในปอด ถ้าไปอุดตันที่อวัยวะสำคัญไม่ว่าจะเป็นปอด สมอง หรือหลอดเลือดหัวใจก็จะทำให้ตายและพิการได้ แต่ถ้าเกิดลิ่มเลือดไปอุดตันที่แขนหรือขา ถ้าขาดเลือดก็จะทำให้ขาตาย แขนตาย อาจจะต้องได้รับการตัดแขน ตัดขาได้

Q : [แชร์กันว่า] วิธีลดโอกาสในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่เราพอทำได้คือการพยายามขยับเคลื่อนไหวร่างกาย อย่านอนแช่นานๆ จริงหรือไม่?
A : ในเชิงทฤษฎีหากทำวิธีนี้เพื่อป้องกันลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีน ไม่ได้ช่วยอะไร แต่จะช่วยสำหรับกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นได้ในคนทั่วไปที่ไม่ได้รับวัคซีน อย่างไรก็ตามภาวะหลอดเลือดดำใหญ่อุดตันจะพบได้ในคนที่เคลื่อนไหวน้อย โดยจะมีการอุดตันในหลอดเลือดใหญ่ๆ และอาจจะหลุดไปอุดตัน ในหลอดเลือดที่ขา ที่ปอด หรือที่สมองได้ ซึ่งพบได้ในคนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง เช่น คนที่เคลื่อนไหวน้อย คนที่กินยาคุม หรือผู้หญิงที่มีโรคอ้วนและอายุมาก

Q : [แชร์กันว่า] หากหลอดเลือดมีความหนืด ควรดื่มน้ำมากๆ จริงหรือไม่?
A : ในเรื่องนี้สามารถช่วยได้บ้าง เพราะร่างกายประกอบด้วยน้ำ 70 เปอร์เซ็นต์ ถ้าน้ำน้อย เลือดก็จะไหลเวียนลำบาก ไม่ต้องเกิดภาวะลิ่มเลือด อาการก็จะแย่หากขาดน้ำ ดังนั้นการกินน้ำทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น จะช่วยให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลที่ดีขึ้น

Q : การฉีดวัคซีนต่างชนิดกัน ทำได้หรือไม่ ?
A : นพ.พรศักดิ์ ระบุว่า ในปัจจุบันมีคำแนะนำให้เปลี่ยนชนิดวัคซีน ในกรณีที่มีอาการแพ้รุนแรงมาก จนทำให้ระบบประสาทเสียหาย เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตถาวร อย่างไรก็ตาม การได้รับวัคซีนต่างชนิดกัน ในทางทฤษฎีก็เปรียบเหมือนกับการที่เราเรียน 2 ภาษา ในการฟัง การพูด การเขียน การอ่าน ก็สามารถทำได้ แต่จะทำได้ดีหรือไม่ดีนั้น ต้องรอผลการศึกษาเพิ่มเติม ทั้งนี้ มีผลการศึกษาที่ออกมาแล้วบ้าง เช่น การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แล้วตามด้วยวัคซีน mRNA ไฟเซอร์กับโมเดิร์นนา ภูมิคุ้มกันจะขึ้นได้ดีกว่า แต่ต้องบอกว่าเป็นเฉพาะในวัคซีนโควิด-19 ดังนั้น ในกรณีที่ไม่แพ้วัคซีนแต่มีความประสงค์จะเปลี่ยนวัคซีนก็ต้องดูผลการศึกษาเพิ่มเติม

Q : หากฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว ควรฉีดเข็มที่ 3 หรือไม่?
A : ทั่วโลกได้มีการวางแผนไว้แล้วว่า ต้องมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นในเข็มที่ 3 แต่ควรฉีดเมื่อไหร่ หากตามทฤษฎีจะอยู่ระหว่าง 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งเป็นเชิงทฤษฎีที่ยังไม่มีตัวเลขชัดเจน อย่างไรก็ตาม การป้องกันที่ดีในอนาคต ควรจะต้องได้รับการ กระตุ้นการฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดการป้องกันที่ดียิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

แพทย์ระบุ อาการลิ่มเลือดอุดตันสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไปที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เป็นปฏิกิริยาคนละแบบ กระบวนการเกิดคนละอย่าง
นพ.พรศักดิ์ ระบุว่า โดยปกติคนไทยสามารถเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันที่ไม่เกี่ยวกับวัคซีนได้ เรียกว่า Deep Vein Thrombosis เป็นก้อนเลือดอุดตันในหลอดเลือดใหญ่ ส่วนมากจะเกิดที่ขา สำหรับกรณีหญิงสาวที่กินยาคุมกำเนิดแล้วเกิดลิ่มเลือดอุดตันในปอดเป็นปฏิกิริยาเกิดขึ้นคนละแบบ ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน แต่เป็นกรณีลิ่มเลือดอุดตันอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในคนปกติทั่วไป หรือคนที่กินยาคุม และหากเกิดปฏิกิริยาขึ้นที่ขา ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่เป็นปฏิกิริยาคนละแบบ กระบวนการเกิดคนละอย่าง

“เรารับวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ส่วนลิ่มเลือดอุดตันสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติกับคนทั่วๆ ไป ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีน ส่วนการเกิดลิ่มเลือดอุดตันจากการให้วัคซีนก็พบได้ แต่เป็นคนละปฏิกิริยา ซึ่งพบได้น้อย และวัคซีนที่ฉีดให้คนไทยไปกว่า 7 ล้านโดสในขณะนี้ (18 มิ.ย.64) ยังไม่พบใครเสียชีวิตจากวัคซีน”นพ.พรศักดิ์ ระบุ

สรุปแล้วข้อมูลที่มีการแชร์กันผ่านโลกออนไลน์นี้สามารถแชร์ต่อได้หรือไม่ ?
นพ.พรศักดิ์ ระบุว่า แชร์ได้ แต่ต้องอธิบายเพิ่ม เพราะข้อมูลที่มีการแชร์ผ่านโลกโซเชียลมีเดียนั้น ไม่ได้มีความละเอียดหรือมีความชัดเจนเท่ากับตำราแพทย์ที่มีการวิจัย อีกทั้งการวิจัยแต่ละที่ก็อาจจะมีความแตกต่างกัน อย่างการวิจัยของเมืองไทยก็อาจจะไม่เหมือนกับเมืองนอก ในเรื่องภาวะลิ่มเลือดอุดตัน อย่างน้อยเราต้องไม่โกหกผู้ที่ได้รับวัคซีน เพราะภาวะลิ่มเลือดอุดตันสามารถพบได้ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่พบได้ค่อนข้างน้อย เรียกว่าน้อยมากๆ ผู้ที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจะเกิดขึ้นได้ 1 ราย ใน 5-10 ล้านราย ทั้งนี้หากพบอาการที่ผิดปกติในช่วงเฝ้าระวัง ควรพบแพทย์ทันทีเพราะสามารถให้การรักษาได้ ฉะนั้นไม่ต้องกังวล โอกาสที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันเกิดได้น้อยมาก และถ้าได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็สามารถรักษาอาการให้หายได้ การฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าหากเราไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วไปติดเชื้อเข้า โอกาสเสียชีวิตและอาการรุนแรงจะสูงกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน 

ข้อมูลอ้างอิง
การสัมภาษณ์ นายแพทย์พรศักดิ์ อยู่เจริญ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

วิเคราะห์แนวทางดำเนินคดีกัมพูชา

10 ส.ค. – ฟังการวิเคราะห์ปมดำเนินคดีกัมพูชา กับ รศ.ดร. ดุลยภาค ปรีชารัชช อาจารย์ประจำสาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากหลักฐานที่มีชัดเจน กระสุนกัมพูชายิงตกฝั่งไทย เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินพลเรือน และมีกระสุนที่ต้องเก็บกู้มากกว่า 800 นัด ขณะที่หลังการเจรจา GBC ผ่านไป พบกัมพูชายังเสริมกำลังทหารต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้านศรีสะเกษสุดช้ำ บ้านเรือนถูกกัมพูชายิงถล่มเหลือแต่ซาก

ศรีสะเกษ 10 ส.ค. – ชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กลับจากศูนย์อพยพเจอสภาพบ้านเหลือแต่ซาก หลังถูกลูกปืนใหญ่กัมพูชายิงถล่ม ขณะที่พบหัวจรวด BM-21 กลางทุ่งนา อีก 2 จุด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายเรียบร้อย ปลัดอำเภอน้ำยืน เน้นย้ำหากชาวบ้านพบหลุมลึก-ปากหลุมแคบ ให้รีบแจ้งทันที ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นนาทีกระสุนโจมตีของกัมพูชายิงตกใส่บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจาย จากภาพจะเห็นว่ามีรถอีแต๋นคันหนึ่งวิ่งผ่านจุดที่กระสุนพุ่งตกลงมาเพียงเสี้ยววินาที เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ในพื้นที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วันนี้ นายกุลนที อายุ 45 ปี เดินทางกลับมาบ้าน หลังอพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเหตุปะทะแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทันทีที่เห็นบ้าน นายกุลนทีถึงกับน้ำตาคลอ เพราะบ้านเสียหายอย่างหนัก ทั้งโครงสร้างไม้และปูนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ประตู หน้าต่าง กระจก และหลังคาถูกกระสุนถล่มจนแทบไม่เหลือสภาพเดิม […]

มทภ.2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด

10 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 กำชับกำลังพลเพิ่มความระมัดระวัง หลังทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบพบเป็นทุ่นใหม่ ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยภายหลังการรับมอบสิ่งของช่วยเหลือทหารและเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน จากภาครัฐและเอกชน ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นาย เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนแนวชายแดน จ.ศรีสะเกษ เมื่อวานว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทุ่นใหม่ที่ถูกวางไว้ช่วงทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐานเพื่อป้องกันการเข้าโจมตีของไทย ก่อนที่จะถอนกำลังออกไป ไม่ใช่การลอบนำมาวางใหม่หลังถอนกำลัง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักร เช่น รถไถ รถตักในการเคลียร์เส้นทางและค้นหาทุ่นระเบิดบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้กำลังพลได้รับอันตรายซ้ำ สำหรับพื้นที่แนวปะทะที่มีการวางกำลังของทหารกัมพูชายังถือว่าไม่ปลอดภัยสำหรับทหาร เนื่องจากมีการวางระเบิดไว้มาก ส่วนพื้นที่ชาวบ้านซึ่งอยู่นอกแนวชายแดนลึกเข้ามา ไม่น่าเป็นห่วงจากทุ่นระเบิดบุคคล แต่ยังมีความเสี่ยงจากจรวดที่ยิงเข้ามาแล้วไม่ระเบิด หากประชาชนพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ห้ามเข้าไปจับ ดึง หรือเก็บเอง อย่างไรก็ตาม พื้นที่ส่วนใหญ่ เช่น ภูมะเขือ อานม้า ซำแปร และตาเมือนธม ไทยสามารถครอบครองได้ […]

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]