ชัวร์ก่อนแชร์ : หลังฉีดแอสตร้าฯ ต้องเฝ้าระวังลิ่มเลือดอุดตัน 5-28 วัน จริงหรือ?

25 มิถุนายน 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง/เรียบเรียง โดย : ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์/พีรพล อนุตรโสตถิ์


บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ข้อมูล หากหายไข้หลังจากฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว ให้ประชาชนเฝ้าระวังอาการลิ่มเลือดอุดตัน หลังจากฉีดวัคซีนฯ ไปอีก 5-28 วัน ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวพบว่า เป็นเรื่องจริง

บทสรุป แชร์ได้ แต่ต้องอธิบายเพิ่ม เพื่อให้เข้าใจข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วน


  • ประเทศไทยมีการเฝ้าระวังอาการของผู้รับวัคซีนอย่างน้อย 28 วัน หรือ ประมาณ 4 สัปดาห์ อยู่แล้ว
  • อย่างไรก็ตาม ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เกิดขึ้นได้ค่อนข้างน้อยมาก ๆ และเกิดได้น้อยในคนเอเชีย
  • แม้หากมีอาการไม่พึงประสงค์ หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ก็สามารถรักษาอาการให้หายได้
  • วัคซีนซิโนแวคพบโอกาสการเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้น้อยกว่าแอสตร้าเซนเนก้า 
  • การฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นสิ่งที่ดี สามารถลดอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้ 

ข้อมูลที่ถูกแชร์

“ 💉 ใครฉีดวัคซีน AstraZeneca หายไข้แล้ว อย่าเพิ่งวางใจกันนะคะ คอยสังเกตอาการ หลังฉีด 5 -28 วัน ต่อ โอกาสเป็นไม่เยอะ แต่รู้ไว้สังเกตกันค่ะ 💉 ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน หลังฉีดวัคซีน AstraZeneca (AZD1222) 🔸 ภาวะนี้เรียกว่า VITT (vaccine-induced immune thrombotic thrombocytopenia)… 🔸 อาการ ประกอบด้วย ลิ่มเลือดอุดตัน + เกล็ดเลือดต่ำ ♦️ กลุ่มแรก อาการจากเกล็ดเลือดต่ำ มีพรายย้ำ จ้ำเลือด ตามตัว ♦️ กลุ่มสอง อาการลิ่มเลือดอุดตัน ขึ้นอยู่กับว่าอุดตันที่ไหน คือ 🟡 #1 “เส้นเลือดดำในสมอง…. 🟡 #2 “ลิ่มเลือดอุดตันในปอด…. 🟡 #3 “ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา…🟢 วิธีลดโอกาสในการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน  ที่เราพอทำได้เอง 🔸 พยายามขยับเคลื่อนไหวร่างกาย อย่านอนแช่นาน ๆ…🔸 หากหลอดเลือด มีความหนืดควรดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยได้มาก” โดยข้อมูลดังกล่าวได้ถูกส่งเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์จำนวนมาก

Fact Check : ตรวจสอบข้อมูล


ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ อสมท ตรวจสอบคำกล่าวอ้างข้างต้น กับ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน นพ.พรศักดิ์ อยู่เจริญ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รับคำตอบในแต่ละประเด็น ดังนี้

Q : [แชร์กันว่า] “ใครฉีดวัคซีน AstraZeneca หายไข้แล้ว อย่าเพิ่งวางใจ ให้คอยสังเกตอาการภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดอีก 5 -28 วัน ภาวะนี้เรียกว่า VITT (vaccine-induced immune thrombotic thrombocytopenia)” ข้อความนี้เป็นจริงหรือไม่?

A : เรื่องนี้เป็นไปตามปกติของธรรมชาติ ซึ่งระบบการเฝ้าระวังของประเทศไทยและทั่วโลกจะมีการเฝ้าระวังหลังฉีดวัคซีนอย่างน้อย 28 วัน หรือประมาณ 4 สัปดาห์ ขอให้ประชาชนเฝ้าดูอาการของตนเองในช่วงเวลานี้ นอกจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว ภาวะการเกิด VITT ยังสามารถเกิดขึ้นได้กับวัคซีนโมเดิร์นนาและไฟเซอร์ แต่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะเกิดขึ้นได้มากกว่าโมเดิร์นนาและไฟเซอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับคนอเมริกาหรือคนยุโรป จะเป็นลิ่มเลือดอุดตันได้ง่ายกว่าคนเอเชีย ซึ่งจะเกิดหลังจากฉีดวัคซีนไปแล้ว 5-28 วัน จึงขอให้เฝ้าระวังอาการไปถึง 28 วัน

“อาการไม่พึงประสงค์ที่สำคัญจากการรับวัคซีน​ป้องกันโรคโควิด 19 คือ ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในอวัยวะสำคัญ เช่น ปอด หรือ สมอง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม ดังนั้น การเฝ้าระวังติดตามอาการผิดปกติ เช่น อาการเจ็บหรือแน่นหน้าอก, หายใจผิดปกติ, ใจสั่น ปวดศรีษะ, ​มึนศรีษะ​ ตาพร่ามัว, ชา, อ่อนแรง​ เป็นระยะ​เวลาประมาณ 28 วัน หรือ 1 เดือน หลังได้รับวัคซี​น​ หากมีอาการผิดปกติ​ดังกล่าวให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยและรักษาโรค​ที่เหมาะสม และทันท่วงที ซึ่งสามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้” นพ.พรศักดิ์ ระบุ 

สำหรับอาการลิ่มเลือดอุดตันหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า อาการลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามอวัยวะที่ลิ่มเลือดไปอุดตัน เช่น ในปอด จะมีอาการเจ็บหน้าอกแปล๊บๆ หายใจไม่อิ่มและเหนื่อยง่าย บริเวณขา จะเกิดอาการขาบวมข้างเดียว ในท้องจะเกิดอาการปวดท้องรุนแรง ส่วนในอวัยวะที่สำคัญต่อชีวิต (Vital organs) เช่น เส้นเลือดสมองจะเกิดอาการปวดศีรษะรุนแรง เมื่อ ไอ จาม จะปวดมากขึ้น และ อาจมีภาวะอ่อนแรง ชาซีกเดียวคล้าย Stroke ก็ได้ หากเกิดที่เส้นเลือดหัวใจจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หากไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เสียชีวิตหรือพิการได้

นพ.พรศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับวัคซีนซิโนแวคโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันมีน้อยกว่าแอสตร้าเซนเนก้ามาก แต่ทำให้เกิดเกล็ดเลือดต่ำได้ โดยจะเกิดปฏิกิริยาคนละแบบ คือมีอาการจ้ำเลือด พบจุดเลือดตามผิวหนังประมาณ 1-2 สัปดาห์  ขณะที่ลักษณะลิ่มเลือดอุดตันในอีกรูปแบบ คือจะเกิดการสร้างภูมิต้านทานตัวเองอย่างรุนแรง ทำให้ลิ่มเลือดมาเกาะกัน จนอุดตันในเส้นเลือดใหญ่ แล้วหลุดไปอุดตันที่ปอด ที่สมองได้   

Q : [แชร์กันว่า] “…บทความฝรั่งบอกว่าอาการนี้จะเกิดในช่วงวันที่ 5 – 28 หลังฉีดวัคซีนอาการ ประกอบด้วยลิ่มเลือดอุดตัน + เกล็ดเลือดต่ำโดยผู้ป่วยจะมาด้วย 2 กลุ่ม กลุ่มแรก อาการจากเกล็ดเลือดต่ำ มีพรายย้ำ จ้ำเลือด ตามตัว กลุ่มสอง อาการลิ่มเลือดอุดตัน ขึ้นอยู่กับว่าอุดตันที่ไหน (เส้นเลือดดำในสมอง,ลิ่มเลือดอุดตันในปอด, ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา) …” เรื่องนี้เป็นอย่างไร?
A : เป็นความจริง กล่าวคือ เมื่อปฏิกิริยาเกิดภูมิต้านทานตัวเอง จะมีการทำลายเกล็ดเลือด เกล็ดเลือดก็จะต่ำ ส่วนที่เกิด VITT เกิดจากเกล็ดเลือด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่มีการต่อต้านจากเกล็ดเลือด ทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อนโดยใช้เกล็ดเลือด จึงทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือด เพราะฉะนั้นเกล็ดเลือดที่ต่ำ ส่วนหนึ่งจะไปกองอยู่เป็นลิ่มก้อนเลือด ฉะนั้นเกล็ดเลือดเล็กๆ ที่ล่องลอย ที่เราจะนำมาตรวจ มันก็เลยลดลง ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือก้อนเลือดที่มันเกิดเป็นปฏิกิริยาจากเกล็ดเลือดไปกองกันอยู่ ทำให้เป็นก้อนเลือด แล้วเกิดการอุดตันเส้นเลือดในปอด ถ้าไปอุดตันที่อวัยวะสำคัญไม่ว่าจะเป็นปอด สมอง หรือหลอดเลือดหัวใจก็จะทำให้ตายและพิการได้ แต่ถ้าเกิดลิ่มเลือดไปอุดตันที่แขนหรือขา ถ้าขาดเลือดก็จะทำให้ขาตาย แขนตาย อาจจะต้องได้รับการตัดแขน ตัดขาได้

Q : [แชร์กันว่า] วิธีลดโอกาสในการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่เราพอทำได้คือการพยายามขยับเคลื่อนไหวร่างกาย อย่านอนแช่นานๆ จริงหรือไม่?
A : ในเชิงทฤษฎีหากทำวิธีนี้เพื่อป้องกันลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีน ไม่ได้ช่วยอะไร แต่จะช่วยสำหรับกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดขึ้นได้ในคนทั่วไปที่ไม่ได้รับวัคซีน อย่างไรก็ตามภาวะหลอดเลือดดำใหญ่อุดตันจะพบได้ในคนที่เคลื่อนไหวน้อย โดยจะมีการอุดตันในหลอดเลือดใหญ่ๆ และอาจจะหลุดไปอุดตัน ในหลอดเลือดที่ขา ที่ปอด หรือที่สมองได้ ซึ่งพบได้ในคนทั่วไปที่มีภาวะเสี่ยง เช่น คนที่เคลื่อนไหวน้อย คนที่กินยาคุม หรือผู้หญิงที่มีโรคอ้วนและอายุมาก

Q : [แชร์กันว่า] หากหลอดเลือดมีความหนืด ควรดื่มน้ำมากๆ จริงหรือไม่?
A : ในเรื่องนี้สามารถช่วยได้บ้าง เพราะร่างกายประกอบด้วยน้ำ 70 เปอร์เซ็นต์ ถ้าน้ำน้อย เลือดก็จะไหลเวียนลำบาก ไม่ต้องเกิดภาวะลิ่มเลือด อาการก็จะแย่หากขาดน้ำ ดังนั้นการกินน้ำทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น จะช่วยให้ร่างกายอยู่ในภาวะสมดุลที่ดีขึ้น

Q : การฉีดวัคซีนต่างชนิดกัน ทำได้หรือไม่ ?
A : นพ.พรศักดิ์ ระบุว่า ในปัจจุบันมีคำแนะนำให้เปลี่ยนชนิดวัคซีน ในกรณีที่มีอาการแพ้รุนแรงมาก จนทำให้ระบบประสาทเสียหาย เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตถาวร อย่างไรก็ตาม การได้รับวัคซีนต่างชนิดกัน ในทางทฤษฎีก็เปรียบเหมือนกับการที่เราเรียน 2 ภาษา ในการฟัง การพูด การเขียน การอ่าน ก็สามารถทำได้ แต่จะทำได้ดีหรือไม่ดีนั้น ต้องรอผลการศึกษาเพิ่มเติม ทั้งนี้ มีผลการศึกษาที่ออกมาแล้วบ้าง เช่น การฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า แล้วตามด้วยวัคซีน mRNA ไฟเซอร์กับโมเดิร์นนา ภูมิคุ้มกันจะขึ้นได้ดีกว่า แต่ต้องบอกว่าเป็นเฉพาะในวัคซีนโควิด-19 ดังนั้น ในกรณีที่ไม่แพ้วัคซีนแต่มีความประสงค์จะเปลี่ยนวัคซีนก็ต้องดูผลการศึกษาเพิ่มเติม

Q : หากฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว ควรฉีดเข็มที่ 3 หรือไม่?
A : ทั่วโลกได้มีการวางแผนไว้แล้วว่า ต้องมีการฉีดวัคซีนกระตุ้นในเข็มที่ 3 แต่ควรฉีดเมื่อไหร่ หากตามทฤษฎีจะอยู่ระหว่าง 6 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งเป็นเชิงทฤษฎีที่ยังไม่มีตัวเลขชัดเจน อย่างไรก็ตาม การป้องกันที่ดีในอนาคต ควรจะต้องได้รับการ กระตุ้นการฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดการป้องกันที่ดียิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

แพทย์ระบุ อาการลิ่มเลือดอุดตันสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทั่วไปที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เป็นปฏิกิริยาคนละแบบ กระบวนการเกิดคนละอย่าง
นพ.พรศักดิ์ ระบุว่า โดยปกติคนไทยสามารถเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันที่ไม่เกี่ยวกับวัคซีนได้ เรียกว่า Deep Vein Thrombosis เป็นก้อนเลือดอุดตันในหลอดเลือดใหญ่ ส่วนมากจะเกิดที่ขา สำหรับกรณีหญิงสาวที่กินยาคุมกำเนิดแล้วเกิดลิ่มเลือดอุดตันในปอดเป็นปฏิกิริยาเกิดขึ้นคนละแบบ ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน แต่เป็นกรณีลิ่มเลือดอุดตันอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในคนปกติทั่วไป หรือคนที่กินยาคุม และหากเกิดปฏิกิริยาขึ้นที่ขา ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่เป็นปฏิกิริยาคนละแบบ กระบวนการเกิดคนละอย่าง

“เรารับวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ส่วนลิ่มเลือดอุดตันสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติกับคนทั่วๆ ไป ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีน ส่วนการเกิดลิ่มเลือดอุดตันจากการให้วัคซีนก็พบได้ แต่เป็นคนละปฏิกิริยา ซึ่งพบได้น้อย และวัคซีนที่ฉีดให้คนไทยไปกว่า 7 ล้านโดสในขณะนี้ (18 มิ.ย.64) ยังไม่พบใครเสียชีวิตจากวัคซีน”นพ.พรศักดิ์ ระบุ

สรุปแล้วข้อมูลที่มีการแชร์กันผ่านโลกออนไลน์นี้สามารถแชร์ต่อได้หรือไม่ ?
นพ.พรศักดิ์ ระบุว่า แชร์ได้ แต่ต้องอธิบายเพิ่ม เพราะข้อมูลที่มีการแชร์ผ่านโลกโซเชียลมีเดียนั้น ไม่ได้มีความละเอียดหรือมีความชัดเจนเท่ากับตำราแพทย์ที่มีการวิจัย อีกทั้งการวิจัยแต่ละที่ก็อาจจะมีความแตกต่างกัน อย่างการวิจัยของเมืองไทยก็อาจจะไม่เหมือนกับเมืองนอก ในเรื่องภาวะลิ่มเลือดอุดตัน อย่างน้อยเราต้องไม่โกหกผู้ที่ได้รับวัคซีน เพราะภาวะลิ่มเลือดอุดตันสามารถพบได้ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่พบได้ค่อนข้างน้อย เรียกว่าน้อยมากๆ ผู้ที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจะเกิดขึ้นได้ 1 ราย ใน 5-10 ล้านราย ทั้งนี้หากพบอาการที่ผิดปกติในช่วงเฝ้าระวัง ควรพบแพทย์ทันทีเพราะสามารถให้การรักษาได้ ฉะนั้นไม่ต้องกังวล โอกาสที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันเกิดได้น้อยมาก และถ้าได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็สามารถรักษาอาการให้หายได้ การฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าหากเราไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วไปติดเชื้อเข้า โอกาสเสียชีวิตและอาการรุนแรงจะสูงกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน 

ข้อมูลอ้างอิง
การสัมภาษณ์ นายแพทย์พรศักดิ์ อยู่เจริญ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ด้านเวชกรรมป้องกัน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย

รวมพลังหยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตคนลุ่มน้ำชายแดน

5 มิ.ย. – วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งขณะนี้ผู้คนตามลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมา ทางภาคเหนือของไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อม หลัง 2 เดือนมานี้พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกกและน้ำสาย รวมถึงแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่หลายแห่งบริเวณต้นน้ำในเมียนมา วันนี้ชาวเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการเจรจาให้หยุดเหมืองพิษและคืนชีวิตให้กับลุ่มน้ำต่างๆ .-สำนักข่าวไทย

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย