กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอให้ประชาชนมั่นใจ แม้จะมีการปรับสูตรฉีดวัคซีนสลับชนิด ทำให้มีการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกามากขึ้น ก็ไม่กระทบต่อภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เพราะในประเทศพบภาวะดังกล่าวเพียง 1 ใน 5 ล้านคนเท่านั้น และสามารถรักษาหายได้
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า จากข้อกังวลของประชาชนต่อการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำ หรือภาวะ VITT หลังการฉีดวัคซีนโควิดชนิดไวรัลแวกเตอร์ เช่น แอสตราเซเนกา อาจทำให้ไม่กล้าฉีดวัคซีนชนิดนี้
ทั้งนี้ กลไกที่ทำให้เกิดภาวะดังกล่าว เนื่องจากองค์ประกอบของวัคซีนบางส่วนทำให้ร่างกายของผู้ที่ได้รับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา และไปกระตุ้นเกล็ดเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งจากข้อมูลงานวิจัยภาวะนี้ในไทยมีเกิดขึ้นน้อยกว่าต่างประเทศมาก คือ 1:5,000,000 คน ในขณะที่ต่างประเทศภาวะดังกล่าวมีเกิดขึ้น 1:125,000 ถึง 1:1,000,000 คน ถือว่ามากกว่าประเทศไทยถึง 5-40 เท่า และมักเกิดขึ้นในคน อายุต่ำกว่า 60 ปี ในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
ทั้งนี้ หลังได้รับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาภายใน 3-40 วัน หากมีอาการบางอย่างที่บ่งชี้อาจจะมีลิ่มเลือดอุดตัน เช่น ปวดศีรษะรุนแรง ปวดหลังรุนแรง ขาบวม เหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก ตาพร่ามัว ให้รีบไปพบแพทย์ ซึ่งโรคดังกล่าวรักษาฟรีตามสิทธิประโยชน์ในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ.-สำนักข่าวไทย