ออสเตรเลีย

ซิดนีย์ 31 ม.ค.- ออสเตรเลียฟื้นข้อตกลงจับคู่ท่องเที่ยวหรือทราเวลบับเบิลกับนิวซีแลนด์แล้วในวันนี้ หลังจากนิวซีแลนด์ไม่พบผู้ติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในชุมชน ไมเคิล คิดด์ รักษาการแพทย์ใหญ่ออสเตรเลียแถลงวันนี้ว่า ออสเตรเลียพิจารณาแล้วว่าผู้เดินทางมาจากนิวซีแลนด์ขณะนี้ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำมากเพียงพอ เนื่องจากระบบสาธารณสุขรับมือกับโรคโควิด-19 มีความแข็งแกร่ง จึงอนุญาตให้เข้าออสเตรเลียโดยไม่ต้องกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 14 วันเป็นประเทศแรก แต่จะต้องรับการคัดกรองทั้งก่อนและหลังจากเดินทางเข้ามาเป็นเวลา 10 วัน เพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้า ออสเตรเลียมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมกว่า 28,800 คน เสียชีวิตกว่า 900 คน ขณะที่นิวซีแลนด์มีผู้ป่วยสะสมกว่า 2,300 คน เสียชีวิต 25 คน ออสเตรเลียฟื้นทราเวลบับเบิลกับนิวซีแลนด์ที่ระงับไปเมื่อ 6 วันก่อน เนื่องจากนิวซีแลนด์พบผู้ป่วยติดเชื้อในชุมชนรายแรกในรอบหลายเดือน ขณะที่ออสเตรเลียไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อในชุมชนมานานสองสัปดาห์แล้ว ออสเตรเลียปิดพรมแดนกับทุกประเทศยกเว้นนิวซีแลนด์ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีก่อน และเตรียมฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคให้กลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ชนพื้นเมือง ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ นายเกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีสาธารณสุขเผยวันนี้ว่า รัฐบาลจะเชิญชวนร้านขายยาในชุมชนราว 5,800 แห่งสมัครเข้าโครงการให้บริการฉีดวัคซีนเสริมการทำงานของแพทย์และพยาบาล โดยที่รัฐบาลกลางจะออกค่าใช้จ่ายให้.-สำนักข่าวไทย

เมลเบิร์น 18 ม.ค. – ออสเตรเลียอาจไม่เปิดพรมแดนระหว่างประเทศอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ แม้ว่าชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่จะได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แล้วก็ตาม นายเบรนดัน เมอร์ฟีย์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลียกล่าวว่า แม้ว่าชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่จะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่า จะช่วยป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาได้จริงหรือไม่ ขณะที่ทางการออสเตรเลียอยู่ในระหว่างการตรวจสอบผลกระทบอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จากวัคซีนไฟเซอร์ หลังนอร์เวย์รายงานว่า มีผู้สูงอายุจำนวนหนึ่งได้รับวัคซีนดังกล่าวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทางการออสเตรเลียยังรายงานเพิ่มเติมว่า ไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในชุมชนในวันนี้  ขณะที่รัฐวิกตอเรีย ซึ่งมีนครเมลเบิร์นเป็นเมืองเอกและกำลังจะจัดการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียน โอเพนในช่วงต้นเดือนหน้า พบผู้ป่วยติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน โดยที่ทั้งหมดเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับการแข่งขันเทนนิส และทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อที่เดินทางมาเพื่อเข้าร่วมรายการดังกล่าวเพิ่มเป็น 9 คนแล้ว ทั้งนี้ ทางการรัฐวิกตอเรียตัดสินใจยกระดับการใช้มาตรการเข้มงวดในอีก 3 เที่ยวบินเช่าเหมาลำที่เดินทางมาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งทำให้นักเทนนิสกว่า 70 คนต้องเข้าสู่มาตรการกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 14 วัน ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 28,700 คน และผู้เสียชีวิต 909 คนนับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกในประเทศ. -สำนักข่าวไทย

ซิดนีย์ 17 ม.ค.- ออสเตรเลียกำลังตรวจสอบกรณีพบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แบบเป็นกลุ่มก้อนชานเมืองซิดนีย์ ด้านออสเตรเลียนโอเพนยืนยันแกรนด์สแลมแรกของปีนี้จะจัดที่เมืองเมลเบิร์นตามกำหนด เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออสเตรเลียกำลังตรวจสอบ หลังจากเมื่อวันศุกร์ชายคนหนึ่งในย่านเบอราลา ชานเมืองฝั่งตะวันตกของซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ทางตะวันออกของออสเตรเลียมีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวก และวันนี้พบผู้ป่วยใหม่ 6 คน ทั้งหมดใกล้ชิดชายคนนี้ นางแกลดีส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวว่า การพบผู้ป่วยใหม่สะท้อนว่าเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 สามารถแพร่ได้ง่ายเพียงใด ทั้งที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วออสเตรเลียเพิ่งไม่มีผู้ป่วยในประเทศเลยได้เพียงหนึ่งวัน สิ่งสำคัญในขณะนี้คือต้องพยายามอย่าให้เกิดการแพร่ระบาดใหม่แทรกขึ้นมาอีก ขอให้ประชาชนรับการตรวจหาเชื้อให้มากขึ้น ออสเตรเลียเข้มงวดผู้เดินทางมาจากต่างประเทศด้วยการให้กักตัวดูอาการในโรงแรมเป็นเวลา 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรกเป็นเจ้าหน้าที่โรงแรมเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน ล่าสุดเมื่อวันศุกร์พบผู้เดินทางด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำเข้าเมืองเมลเบิร์น รัฐวิกตอเรีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศมีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวก 3 คน ด้านผู้จัดการแข่งขันเทนนิสออสเตรเลียนโอเพนยืนยันวันนี้ว่า แกรนด์สแลมแรกของปีนี้จะจัดที่เมืองเมลเบิร์นตามกำหนด เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ แม้ว่านักเทนนิสหลายคนไม่พอใจที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องพักไปซ้อม เพราะขณะนี้มีนักเทนนิส 47 คน ถูกกักตัวดูอาการในโรงแรม ออสเตรเลียพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ 18 คน ทำให้ยอดสะสมรวมกว่า 28,700 คน เสียชีวิตคงเดิมที่ 909 คน.-สำนักข่าวไทย

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขออสเตรเลียกล่าววันนี้ว่า ออสเตรเลียอยู่ในสถานะเฝ้าระวังขั้นสูงหลังจากพบผู้ติดเชื้อโคโรนา 2019 กลายพันธุ์ที่ติดต่อกันได้ง่ายกว่าเดิมที่พบในอังกฤษและแอฟริกาใต้ เดินทางเข้ามาในออสเตรเลีย

บริสเบน 8 ธ.ค. – ออสเตรเลียประกาศให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศต้องมีใบรับรองผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นลบก่อนขึ้นเครื่องบิน ขณะที่ทางการรัฐควีนส์แลนด์สั่งล็อกดาวน์นครบริสเบนหลังพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่แพร่เชื้อเร็ว รัฐควีนส์แลนด์สั่งห้ามประชาชนกว่า 2 ล้านคนในนครบริสเบน ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของออสเตรเลียและเมืองเอกของรัฐควีนส์แลนด์ออกจากที่พักอาศัยเป็นเวลา 3 วันหากไม่มีธุระจำเป็น โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นของวันพรุ่งนี้เป็นต้นไปหลังพบพนักงานในโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่กักตัวติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อเร็ว ซึ่งพบการระบาดครั้งแรกในอังกฤษ ออสเตรเลียเคยพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวมาแล้วจำนวนหนึ่ง แต่ผู้ป่วยติดเชื้อรายล่าสุดถือเป็นรายแรกที่ตรวจพบนอกสถานที่กักตัว นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่กลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ในโรงแรมที่ใช้กักตัวอีกด้วย นายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียกล่าวว่า ทางการยังไม่ทราบแน่ชัดว่าพนักงานโรงแรมคนดังกล่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อเร็วมาจากผู้ที่เดินทางมาจากอังกฤษหรือไม่ แต่ผู้ที่จะเดินทางเข้าออสเตรเลียจำเป็นต้องมีใบรับรองผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นลบก่อนขึ้นเครื่องบิน ทั้งยังระบุว่า แม้รัฐควีนส์แลนด์พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่แพร่เชื้อเร็วเพียงรายเดียวในนครบริสเบน แต่เชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม ดังนั้น ทางการจึงต้องใช้มาตรการรับมือที่แตกต่างไปจากเดิมเช่นกัน ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 28,500 คน และผู้เสียชีวิตราว 900 คน ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการใช้มาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างพรมแดนที่เข้มงวดตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกในประเทศ.-สำนักข่าวไทย