
ผลศึกษาในไทย “ซิโนแวค” ฉีดครบ 2 เข็ม ป้องกันปอดอักเสบ 85%
WHO รับรองคุณภาพ วัคซีน “ซิโนแวค” ผลการศึกษาในไทยพบฉีดครบ 2 เข็ม ป้องกันปอดอักเสบได้ 85%
WHO รับรองคุณภาพ วัคซีน “ซิโนแวค” ผลการศึกษาในไทยพบฉีดครบ 2 เข็ม ป้องกันปอดอักเสบได้ 85%
องค์การอนามัยโลกเรียกร้องอินโดนีเซียใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เคร่งครัดและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อควบคุมการติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังจากผู้นำอินโดนีเซียแสดงท่าทีว่าจะผ่อนคลายมาตรการจำกัด
ปักกิ่ง 22 ก.ค. – จีนไม่เห็นด้วยกับแผนการสืบสวนที่มาของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด -19 ระยะที่สองขององค์การอนามัยโลก (WHO) รวมถึงสมมติฐานที่ว่าเชื้อโควิดอาจหลุดออกมาจากห้องปฏิบัติการทดลองของจีน นายเจิ้ง อี้ซิน รัฐมนตรีช่วยของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) กล่าวว่า จีนจะไม่ยอมรับแผนการสืบสวนที่มาของโรคโควิดระยะที่สองขององค์การอนามัยโลก เนื่องจากมีบางแง่มุมที่ขาดสามัญสำนึกและขัดต่อหลักวิทยาศาสตร์ เขารู้สึกตกใจเมื่อได้อ่านแผนงานดังกล่าวขององค์การอนามัยโลกครั้งแรก เพราะมีสมมติฐานว่าจีนละเมิดระเบียบการที่ใช้ในห้องปฏิบัติการจนทำให้เชื้อโควิดหลุดออกมาสู่โลกภายนอกในระหว่างดำเนินการวิจัย นายเจิ้งยังเน้นย้ำถึงจุดยืนของจีนที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลบางส่วนเนื่องจากเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัว ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า จีนหวังว่าองค์การอนามัยโลกจะทบทวนข้อพิจารณาและข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของจีนอย่างจริงจัง ติดตามที่มาของโรคโควิดตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างจริงใจ และกำจัดการแทรกแซงทางการเมือง โดยที่จีนขอต่อต้านการโยงเรื่องนี้เข้ากับการเมือง ในขณะเดียวกัน หัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญของจีนในโครงการสืบสวนที่มาของโรคโควิดร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกได้เรียกร้องให้องค์การอนามัยโลกขยายขอบเขตการสืบเรื่องดังกล่าวนอกเหนือจากจีนให้ครอบคลุมไปยังประเทศอื่น ๆ ทั้งยังระบุว่า จีนเชื่อว่าสมมติฐานเรื่องเชื้อโควิดหลุดจากห้องปฏิบัติการเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่ง และคงไม่จำเป็นต้องลงทุนลงแรงให้มากไปกว่านี้ แต่ควรศึกษาเรื่องที่มาของโรคโควิดในสัตว์มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศที่มีประชากรค้างคาวอยู่มาก อย่างไรก็ดี เขากล่าวว่า ยังไม่อาจทิ้งสมมติฐานเรื่องเชื้อโควิดหลุดออกจากห้องปฏิบัติการไปได้ทั้งหมด พร้อมแนะนำว่า หากมีหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับสมมติฐานดังกล่าว ประเทศอื่น ๆ ก็ควรตรวจสอบความเป็นไปได้ที่จะเกิดการรั่วไหลจากห้องปฏิบัติการเช่นกัน. -สำนักข่าวไทย
ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวสนับสนุนการเดินหน้าจัดแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก เพื่อพิสูจน์ให้ทั่วโลกเห็นถึงความสำเร็จจากการวางแผนและการใช้มาตรการที่เหมาะสมท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
ดร. ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การสืบสวนที่มาของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในจีนถูกปิดกั้น เนื่องจากขาดข้อมูลดิบในช่วงแรกของการระบาด และเรียกร้องความโปร่งใสที่มากขึ้นจากจีนในการสืบที่มาของโรค
นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำขององค์การอนามัยโลกเตือนว่า อย่าฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ข้ามชนิดกัน ในขณะที่ยังไม่แน่ใจในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
องค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ยังไม่มีหลักฐานมากเพียงพอว่า จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และขอให้ประเทศร่ำรวยบริจาควัคซีนให้ประเทศยากจนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนให้ประชาชนเลย แทนการนำไปใช้เป็นเข็มที่ 3
องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้ยาแอกเทมรา (Actemra) ของโรช บริษัทเวชภัณฑ์ของสวิตเซอร์แลนด์ และยาเคฟซารา (Kevzara) ของซาโนฟี บริษัทเวชภัณฑ์ของฝรั่งเศสที่เป็นยารักษาโรคข้ออักเสบ รวมถึงคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroids) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ ในผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
จีนผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลกให้เป็นประเทศปลอดเชื้อมาลาเรีย หลังใช้ความพยายามถึง 70 ปีในการกำจัดโรคไข้มาลาเรียที่มียุงก้นปล่องเป็นพาหะ
องค์การอนามัยโลกกล่าววานนี้ว่า จะหารือเรื่องการจัดการความเสี่ยงการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กับเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นและคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ ไอโอซี หลังจากผู้จัดการแข่งขันโอลิมปิก ที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพในเดือนหน้าประกาศว่า จะอนุญาตให้มีผู้ชมบางส่วนเข้าชมการแข่งขันในสนาม
WHO แถลงวานนี้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ในแถบแอฟริกาทวีความรุนเเรงขึ้น จึงเรียกร้องให้ทุกชาติในแอฟริกาพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อมิให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปกว่านี้
เจนีวา, 1 มิ.ย. (ซินหัว) — องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศรับรอง “โคโรนาแวค” (CoronaVac) วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่พัฒนาโดยซิโนแวค ไบโอเทค (Sinovac Biotech) บริษัทเภสัชภัณฑ์สัญชาติจีน สำหรับการใช้งานในกรณีฉุกเฉินแล้ว แถลงการณ์จากองค์การฯ ซึ่งเผยแพร่วันอังคาร (1 มิ.ย.) ระบุว่าองค์การฯ แนะนำการใช้งานวัคซีนโคโรนาแวคกับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยมีกำหนดฉีด 2 โดส แต่ละโดสเว้นระยะห่างกัน 2-4 สัปดาห์ คณะที่ปรึกษายุทธศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกัน (SAGE) ขององค์การฯ เผยว่าวัคซีนของซิโนแวคป้องกันโรคที่แสดงอาการในผู้รับวัคซีนร้อยละ 51 รวมถึงป้องกันอาการป่วยรุนแรงจากโรคโควิด-19 และการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในประชากรกลุ่มศึกษาร้อยละ 100 ข้อมูลข่าวจาก Xinhuathai อ่านข่าว > https://www.xinhuathai.com/high/205526_20210601 https://worldhealthorganization.cmail19.com/t/ViewEmail/d/0104A200C64742492540EF23F30FEDED/E2316D0E08A2AFC03EDEEDC46EB9B960 (ทั้งนี้การเผยแพร่ข่าวดังกล่าว เป็นไปตามความร่วมมือ สำนักข่าวไทย อสมท และ สำนักข่าวซินหัว)