องค์การอนามัยโลก

ออตตาวา 23 พ.ย.- แคนาดาแจ้งยืนยันพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรหรือเอ็มพ็อกซ์เคลดวัน (clade I) รายแรกของประเทศ ด้านองค์การอนามัยโลกยังคงให้เอ็มพ็อกซ์เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขต่อไป สำนักงานสาธารณสุขแคนาดาแถลงยืนยันเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า ผู้ป่วยรายนี้ติดเชื้อจากการเดินทาง เป็นเอ็มพ็อกซ์สายพันธุ์เคลดวันที่กำลังระบาดในอยู่ในแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันออก ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในแคนาดาหลังจากกลับมาได้ไม่นาน ขณะนี้อยู่ระหว่างการแยกกักตัว สำนักงานฯ กำลังประสานงานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในรัฐแมนิโทบา หลังจากห้องทดลองปฏิบัติการจุลชีววิทยาแห่งชาติแจ้งรัฐนี้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนว่า ตัวอย่างผู้ป่วยมีเชื้อเอ็มพ็อกซ์สายพันธุ์เคลดวันบี (clade Ib) นับเป็นผู้ป่วยเคลดวันคนแรกของแคนาดา เพราะที่ผ่านมาพบแต่ผู้ป่วยเคลดทู (clade II) มาตั้งแต่ปี 2565 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันองค์การอนามัยโลกหรือดับเบิลยูเอชโอ (WHO) ประกาศว่า จะคงระดับการเตือนภัยเอ็มพ็อกซ์ให้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขต่อไป เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นการตัดสินใจโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอิสระของดับเบิลยูเอชโอที่ประชุมกันที่สวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ ดับเบิลยูเอชโฮประกาศให้เอ็มพ็อกซ์เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี เมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้ หลังจากสายพันธุ์เคลดวันบีแพร่ระบาดจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกหรือดีอาร์คองโกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน.-820(814).-สำนักข่าวไทย

เจนีวา 14 ต.ค.- องค์การอนามัยโลกอนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษวานรหรือเอ็มพ็อกซ์ของบริษัทบาวาเรียนนอร์ดิกกับวัยรุ่นแล้ว หลังจากที่อนุมัติให้ใช้กับผู้ใหญ่ไปเมื่อเดือนกันยายน องค์การอนามัยโลกแถลงในวันนี้ว่า ได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนจีนนีโอส (Jynneos) ของบาวาเรียนนอร์ดิกที่เป็นบริษัทผู้ผลิตวัคซีนของเดนมาร์กกับวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม หลังจากสหภาพยุโรปอนุมัติให้ใช้กับวัยรุ่นเมื่อเดือนกันยายน ขณะที่สหรัฐให้ใช้กับผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น รอยเตอร์ระบุว่า เด็ก วัยรุ่น และผู้มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางเป็นพิเศษต่อการแพร่ระบาดของโรคเอ็มพ็อกซ์ที่สร้างความวิตกไปทั่วโลก เป็นการติดเชื้อไวรัสมีทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และเป็นผื่นที่มีตุ่มน้ำอยู่ข้างใน องค์การอนามัยโลกประกาศให้เอ็มพ็อกซ์เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขโลกเมื่อเดือนสิงหาคม นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี หลังจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้แพร่จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในทวีปแอฟริกา และได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนจีนนีโอสกับผู้ใหญ่เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน ขณะเดียวกันบาวาเรียนนอร์ดิกกำลังเตรียมการทดลองเชิงคลินิกเพื่อประเมินความปลอดภัยของการใช้วัคซีนกับเด็กอายุ 2-12 ขวบ คาดว่าจะเริ่มได้ในเดือนนี้.-814.-สำนักข่าวไทย

กาซาซิตี 7 เม.ย.- องค์การอนามัยโลกเผยแพร่ภาพความเสียหายภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในฉนวนกาซาที่ถูกกองกำลังพิเศษของอิสราเอลบุกค้นหาสมาชิกกลุ่มฮามาสเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และมีศพเน่าส่งกลิ่นคละคลุ้ง องค์การอนามัยโลกเผยว่า ทีมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลอัล-ชีฟาในเมืองกาซาซิตีเมื่อวันที่ 5 เมษายน โรงพยาบาลที่เคยใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซาแห่งนี้ตกอยู่ในสภาพเสียหายยับเยินทั้งภายนอกและภายใน ไม่มีสิ่งใดหลงเหลือ มีแต่กลิ่นน้ำเสียและกลิ่นศพคละคลุ้งรอบตัว ลานของโรงพยาบาลได้กลายเป็นหลุมฝังศพของผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตี บางศพได้รับการฝัง บางศพยังคงถูกทิ้งไว้และเน่าท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่แผดเผา ทีมงานพบศพอย่างน้อย 5 ศพ หัวหน้าทีมงานที่ลงพื้นที่ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นน่ากลัวเกินจะคาดคิด สงครามในกาซาจะต้องยุติได้แล้ว สถานการณ์ด้านสาธารณสุขในกาซาทั้งหมดน่าสลดใจและวิบัติมาก ขอให้ทุกคนร่วมกันให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะในกาซาซิตีและพื้นที่ทางตอนเหนือ.-814.-สำนักข่าวไทย

ดูไบ 12 ก.พ.- ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกย้ำข้อเรียกร้องเรื่องหยุดยิงในฉนวนกาซา และแสดงความกังวลเป็นพิเศษที่อิสราเอลโจมตีเมืองราฟาห์ที่มีผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ดร.ทีดรอส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวต่อที่ประชุมสุดยอดรัฐบาลโลก (World Government Summit) ที่ดูไบในวันนี้ว่า ขณะนี้โรงพยาบาลในกาซาที่ยังสามารถดำเนินการได้เพียงบางส่วนหรือขั้นต่ำมีเพียง 15 แห่งจากทั้งหมด 36 แห่ง เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์กำลังทำงานอย่างเต็มที่ในสภาพการณ์ที่ยากจะเป็นไปได้ องค์การอนามัยโลกยังคงเรียกร้องให้เปิดทางที่ปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์และสิ่งของช่วยเหลือ เรียกร้องให้ฮามาสปล่อยตัวประกัน และเรียกร้องให้หยุดยิง ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าวด้วยว่า มีความกังวลเป็นพิเศษที่มีการโจมตีเมืองราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองที่คนส่วนใหญ่ในกาซาหนีการสู้รบมาอาศัยอยู่ และว่าจนถึงขณะนี้องค์การอนามัยโลกจัดส่งเวชภัณฑ์เข้าไปในกาซาแล้ว 447 ตัน ถือเป็นเพียงหยดน้ำในทะเล เพราะมีความต้องการใช้เวชภัณฑ์เพิ่มมากขึ้นทุกวัน.-814.-สำนักข่าวไทย

องค์การอนามัยโลกกล่าววันนี้เรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ปฎิบัติต่อบุหรี่ไฟฟ้าเหมือนกับบุหรีมวนทั่ว ๆ ไป และต้องการให้ห้ามการใช้กลิ่นและรสชาติในบุหรี่ด้วย

เยรูซาเล็ม 5 ธ.ค.- กองทัพอิสราเอลปฏิเสธว่า ไม่ได้แจ้งให้องค์การอนามัยโลกย้ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ออกจากโกดังทางตอนใต้ของกาซา เพื่อให้อิสราเอลสามารถเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินในพื้นที่ดังกล่าวเนื่องจากเป็นพื้นที่ไม่ได้ใช้งาน หน่วยงานประสานงานกิจกรรมการรัฐบาลในดินแดนยึดครองหรือโคแกต (COGAT) สังกัดกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลโพสต์ผ่านเอ็กซ์ (X) ในวันนี้ว่า ความจริงคืออิสราเอลไม่ได้ขอให้องค์การอนามัยโลกย้ายของออกจากโกดัง และได้แจ้งอย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังผู้แทนของสหประชาชาติที่เกี่ยวข้อง หวังว่าเจ้าหน้าที่ยูเอ็นจะมีความถูกต้องแม่นยำมากกว่านี้ ก่อนหน้านี้ ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกโพสต์ผ่านเอ็กซ์เมื่อวันจันทร์ว่า องค์การอนามัยโลกได้รับแจ้งจากกองกำลังป้องกันอิสราเอลว่า ควรย้ายสิ่งของออกจากโกดังทางการแพทย์ทางตอนใต้ของกาซาภายใน 24 ชั่วโมง เนื่องจากปฏิบัติการภาคพื้นดินจะถือว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้งาน องค์การอนามัยโลกขอร้องให้อิสราเอลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และใช้มาตรการที่เป็นไปได้ทุกอย่างในการปกป้องพลเรือนและสาธารณูปโภค รวมถึงโรงพยาบาลและสถานที่ด้านมนุษยธรรม กองทัพอิสราเอลส่งรถถังจำนวนหนึ่งเข้าไปทางตอนใต้ของกาซาเมื่อวันจันทร์ อันเป็นส่วนหนึ่งของการขยายการใช้ปฏิบัติการต่อฮามาส ขณะที่การสื่อสารในกาซาที่ถูกปิดล้อมถูกตัดขาดทั้งหมด องค์การอนามัยโลกเผยว่า โรงพยาบาลในกาซาที่ยังสามารถดำเนินการได้มีจำนวนลดลงจาก 36 แห่งเหลือ 18 แห่งภายในเวลาไม่ถึง 60 วัน โดยมีเพียง 3 แห่งที่สามารถให้การปฐมพยาบาลในระดับพื้นฐาน ที่เหลือสามารถให้บริการเพียงบางส่วนเท่านั้น การเพิ่มปฏิบัติการทางทหารทางตอนใต้ของกาซาจะทำให้คนจำนวนมากเสี่ยงไม่ได้รับการดูแลด้านสาธารณสุข ดังที่เกิดขึ้นมาแล้วกับตอนเหนือของกาซา.-814.-สำนักข่าวไทย

เจนีวา 25 พ.ย.- องค์การอนามัยโลกหรือดับเบิลยูเอชโอ (WHO) แสดงความกังวลต่อชะตากรรมของผู้อำนวยการโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดของกาซา ซึ่งถูกกองกำลังอิสราเอลควบคุมตัวตามที่กล่าวหาว่าโรงพยาบาลให้ฮามาสใช้เป็นฐานปฏิบัติการ ดับเบิลยูเอชโอแถลงเมื่อวันศุกร์ว่า นายโมฮัมหมัด อาบู ซัลมิยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอัล-ชีฟา (Al-Shifa) ถูกควบคุมตัวตั้งแต่วันพุธพร้อมกับบุคลากรทางการแพทย์อีก 5 คนของสมาคมเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์และกระทรวงสาธารณสุขกาซา ในระหว่างที่กำลังอพยพผู้ป่วยตามภารกิจของสหประชาชาติ หลังจากนั้นมีรายงานว่า มีบุคลากรได้รับการปล่อยตัวแล้ว 2 คน แต่ยังไม่มีข้อมูลของอีก 4 คนที่เหลือ ซึ่งรวมถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลด้วย ขอเรียกร้องให้ผู้ควบคุมตัวเคารพสิทธิทางกฎหมายและสิทธิมนุษยชนของบุคคลเหล่านี้ ด้านโฆษกกองทัพอิสราเอลแถลงวันนี้ว่า กำลังสอบปากคำนายอาบู ซัลมิยา เนื่องจากเขาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่บนฐานปฏิบัติการของเครือข่ายก่อการร้าย เหตุใดเขาจึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่กล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลบันทึกภาพตัวประกันที่ถูกนำตัวเข้ามาในโรงพยาบาล กองทัพอิสราเอลที่บุกค้นโรงพยาบาลเมื่อสัปดาห์ก่อนกล่าวหาว่า นักรบฮามาสใช้อุโมงค์ลับใต้โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นฐานปฏิบัติการโจมตีอิสราเอล แต่โรงพยาบาลและฮามาสปฏิเสธ สื่อสากลมักอ้างนายอาบู ซัลมิยาเป็นแหล่งข่าวในการรายงานสภาพการณ์ภายในโรงพยาบาลที่กลายเป็นเป้าหมายหลักของอิสราเอลในการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินในกาซา นับจากสงครามเริ่มขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม.-สำนักข่าวไทย

กาซาซิตี้ 20 พ.ย.- แพทย์ชาวปาเลสไตน์อพยพทารกคลอดก่อนกำหนดจำนวน 31 คนออกจากโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในเมืองกาซาซิตี้เมื่อวันอาทิตย์ เนื่องจากสถานการณ์ในโรงพยาบาลเลวร้ายลง ผู้อำนวยการใหญ่ที่ดูแลโรงพยาบาลในกาซาเผยว่า ทารกคลอดก่อนกำหนด 31 คนได้รับการอพยพออกจากโรงพยาบาลอัล-ชีฟาแล้ว และอยู่ระหว่างเตรียมส่งตัวไปยังอียิปต์ต่อไป องค์การอนามัยโลกหรือดับเบิลยูเอชโอ (WHO) แถลงว่า รถพยาบาลของสภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ได้นำทารกเหล่านี้ไปยังโรงพยาบาลทางใต้ของกาซาเพื่อประเมินสภาพร่างกายและให้การรักษา เพราะในจำนวนนี้ 11 คนอาการวิกฤต แพทย์พบว่า ทารกทุกคนกำลังติดเชื้อรุนแรงเพราะโรงพยาบาลอัล-ชีฟาขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทารกเหล่านี้ได้รับการอพยพโดยไม่มีคนในครอบครัวตามไปด้วยเนื่องจากทางการไม่สามารถตามหาตัวได้ และมีทารก 2 คนเสียชีวิตระหว่างรอการอพยพ กระทรวงสาธารณสุขกาซาเผยว่า หลังจากโรงพยาบาลไม่มีเชื้อเพลิงใช้ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน มีทารก 8 คนเสียชีวิตเพราะตู้อบทารกไม่มีไฟฟ้าใช้ ดับเบิลยูทีโอเผยด้วยว่า มีคนไข้มากกว่า 250 คน และบุคลากรสาธารณสุข 20 คนตกค้างอยู่ในโรงพยาบาลอัล-ชีฟา ขณะนี้กำลังเตรียมแผนการอพยพพวกเขาอยู่ โดยจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกแก่ผู้ป่วยล้างไต 22 คน และผู้ป่วยบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง 50 คน ก่อนหน้านี้ดับเบิลยูทีโอระบุหลังจากส่งทีมไปประเมินโรงพยาบาลอัล-ชีฟาเมื่อวันเสาร์ว่า โรงพยาบาลแห่งนี้ได้กลายเป็นเขตมรณะแล้ว.-สำนักข่าวไทย

กาซาซิตี้ 19 พ.ย.- องค์การอนามัยโลกหรือดับเบิลยูเอชโอ (WHO) ประกาศแผนการอพยพคนออกจากโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา เนื่องจากโรงพยาบาลแห่งนี้ได้กลายเป็นเขตมรณะไปแล้ว การประเมินดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ดับเบิลยูเอชโอและเจ้าหน้าที่สหประชาชาติหรือยูเอ็นตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลอัล-ชีฟา (Al-Shifa) ที่ถูกทหารอิสราเอลบุกค้นเมื่อต้นสัปดาห์ อิสราเอลกล่าวหากลุ่มฮามาสว่า ใช้โรงพยาบาลเป็นศูนย์บัญชาการ แต่กลุ่มฮามาสและบุคลากรทางการแพทย์ปฏิเสธ ดับเบิลยูเอชโอเผยว่า ทีมประเมินของยูเอ็นพบเขตมรณะที่โรงพยาบาล เป็นหลุมศพหมู่บริเวณทางเข้าโรงพยาบาลที่ฝังศพไว้มากกว่า 80 ศพ ดับเบิลยูเอชโอและหุ้นส่วนกำลังเร่งจัดทำแผนการอพยพเร่งด่วนคนไข้เกือบ 300 คน บุคลากรทางการแพทย์ 25 คน และครอบครัวที่ยังตกค้างอยู่ในโรงพยาบาล ขณะที่โรงพยาบาลใกล้เคียงก็อยู่ในภาวะตึงตัวแล้ว ขอเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที เพราะคนในกาซากำลังเดือดร้อนแสนสาหัส ส่วนเมื่อวันเสาร์ คนไข้ บุคลากรทางการแพทย์ และคนพลัดถิ่นจำนวนมากพากันเดินเท้าออกจากโรงพยาบาลอัล-ชีฟาตามคำสั่งของกองทัพอิสราเอล ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังสนั่นรอบโรงพยาบาล ขณะที่อิสราเอลปฏิเสธว่า ไม่ได้สั่งอพยพ แต่ทำตามคำขอของผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ต้องการให้พลเรือนออกจากโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ด้านองค์กรแพทย์ไร้พรมแดนเผยว่า ขบวนรถอพยพเจ้าหน้าที่ขององค์กรและครอบครัวถูกโจมตีเมื่อวันเสาร์ ทั้งที่ได้ประสานงานกับทั้งอิสราเอลและฮามาสแล้ว ทำให้มีคนเสียชีวิต 1 คน.-สำนักข่าวไทย