โจฮันเนสเบิร์ก 27 ส.ค.- เผยคณะนักวิทยาศาสตร์ในแอฟริกาที่กำลังศึกษาโรคฝีดาษลิง หรือ เอ็มพ็อกซ์ (mpox) สายพันธุ์ใหม่ ยังคงทำงานแบบมืดบอด ไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับเชื้อไวรัสที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก
นพ.ดีมี โอโกอีนา ประธานคณะกรรมการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเอ็มพ็อกซ์ชาวไนจีเรีย เผยว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ยังคงทำงานแบบมืดบอดในแอฟริกา เนื่องจากไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของเชื้อ การแพร่เชื้อ และปัจจัยเสี่ยง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้เข้าใจโรค เพื่อนำมาซึ่งการพัฒนา หรือออกแบบวิธีการป้องกันโรค นพ.โอโกอีนา ระบุว่า เชื้อไวรัสเอ็มพ็อกซ์มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ไวรัสสายพันธุ์เคลด 2 (clade 2) เปลี่ยนแปลงไปเป็นสายพันธุ์ใหม่ คือ เคลด 2 บี (clade 2 บี) ในช่วง 5 ปี และขณะนี้ไวรัสสายพันธุ์เคลด 1 (clade 1) ก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปเป็นสายพันธุ์ใหม่ คือ เคลด 1 บี (clade Ib)
ด้านนายซาลิม อับดุล คาริม ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาเอ็มพ็อกซ์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแอฟริกา ซึ่งเป็นนักระบาดวิทยาชาวแอฟริกาใต้ แสดงความกังวลว่า ขณะนี้โรคนี้เป็นการติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ และที่ผ่านมาการติดเชื้อแบบนี้สามารถแพร่ระบาดได้เร็วมากในทวีปแอฟริกา จึงต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดกรณีที่เลวร้ายที่สุด
เอ็มพ็อกซ์ สายพันธุ์เคลด 1 บี แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้องค์การอนามัยโลกต้องประกาศให้เป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขครั้งใหม่ จนถึงขณะนี้พบผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้ว 222 คน ใน 4 ประเทศในแอฟริกา และผู้ป่วยในสวีเดนและไทย ประเทศละ 1 ราย ทั้ง 2 คนมีประวัติเดินทางไปแอฟริกา.-814.-สำนักข่าวไทย