สิงคโปร์

ปักกิ่ง 30 ธ.ค.- พยาบาลสิงคโปร์วัย 46 ปีได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทคเป็นคนแรกของประเทศในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์แถลงว่า ซาราห์ ลิม พยาบาลอาวุโส ศูนย์โรคติดเชื้อแห่งชาติอยู่ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ 30 คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกในวันนี้ และจะรับการฉีดเข็มที่สองในวันที่ 20 มกราคม ลิมเผยว่า ดีใจมากและขอบคุณที่เธอได้เป็นคนแรกของประเทศ หวังว่าจะช่วยให้คนอื่นอยากฉีดเช่นกัน สิงคโปร์เป็นประเทศแรกในเอเชียที่อนุมัติให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นอกจากนี้ยังลงนามสั่งซื้อล่วงหน้าและจ่ายเงินมัดจำให้แก่วัคซีนอีกหลายขนาน คาดว่าจะมีวัคซีนสำหรับประชากรทั้งประเทศ 5.7 ล้านคน ภายในไตรมาสสามของปีหน้า เป็นการฉีดโดยสมัครใจและไม่คิดค่าจ่าย สิงคโปร์ดำเนินการทันทีที่พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ครั้งแรก แม้มียอดผู้ป่วยสะสม 58,529 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างชาติที่อาศัยในหอพักแออัด แต่มีผู้เสียชีวิตเพียง 29 คนเท่านั้น นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุงวัย 68 ปี ประกาศว่า เขาและคณะรัฐมนตรีจะรับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก ๆ.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์ 23 ธ.ค.- ชาวสิงคโปร์บางส่วนรู้สึกลังเลขณะที่ทางการเตรียมฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้ประชาชนทั่วประเทศแบบสมัครใจและไม่คิดค่าใช้จ่าย หลังจากได้รับวัคซีนจากไฟเซอร์/ไบออนเทคเป็นประเทศแรกในเอเชีย ช่างภาพชายวัย 39 ปีเผยว่า จะฉีดแน่นอน เพราะเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ต้องออกไปทำงานข้างนอกทุกวัน จึงต้องรับผิดชอบต่อคนใกล้ตัว ขณะที่สตรีวัย 40 ปีมองว่า สิงคโปร์ควบคุมการระบาดได้ดีอยู่แล้ว ยอดผู้ป่วยใหม่และเสียชีวิตแทบไม่เพิ่มขึ้น จึงไม่คิดว่าจำเป็นต้องฉีดวัคซีน ผู้จัดการขายคนหนึ่งกล่าวว่า จะรอจนกว่าคนร้อยละ 80 รับวัคซีนไปแล้วไม่มีผลข้างเคียง ในระหว่างนี้เขายินดีสวมหน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดไปก่อน นักวิชาการคณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ชี้ว่า ชาวสิงคโปร์รับวัคซีนตั้งแต่เด็กมากถึงร้อยละ 90 อยู่แล้ว จึงไม่ต่อต้านการฉีดวัคซีน แต่วัคซีนโควิดที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ใช้เวลาพัฒนาและอนุมัติเร็วกว่าปกติทำให้คนกังวล หนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทมส์ของสิงคโปร์สำรวจผู้อ่านเมื่อต้นเดือน ร้อยละ 48 ตอบว่าจะรับวัคซีนเมื่อพร้อมใช้ ขณะที่ร้อยละ 34 จะขอรอดูไปก่อน 6-12 เดือน รอยเตอร์มองว่า รัฐบาลสิงคโปร์หวังว่า วัคซีนจะช่วยให้เปิดเศรษฐกิจได้มากขึ้น เพราะต้องพึ่งพาการเดินทางและการค้า อีกทั้งยังเตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีเวทีเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ในปีหน้า นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง วัย 68 […]

สิงคโปร์ 22 ธ.ค.- สิงคโปร์เปิดพื้นที่บางส่วนของท่าอากาศยานชางงีให้คนพักแรมช่วงปลายปี แทนการไปท่องเที่ยวต่างประเทศที่ไม่สามารถทำได้เพราะสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แพร่ระบาด การพักแบบใหม่เรียกว่า glamping มาจากคำว่า glamourous camping หรือพักแรมแบบตื่นเต้นผจญภัย ให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การนอนในเต็นท์หรูบนที่นอนควีนไซส์ ประดับไฟคริสต์มาสสวยงามในพื้นที่ส่วนร้านค้าและพักผ่อนของท่าอากาศยานชางงี พร้อมคูปองส่วนลดสินค้าและกล่องสำหรับปิกนิก คิดราคาทั้งหมด 360 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 8,130 บาท) ต่อการพัก 1 คืน ไม่รวมของใช้ส่วนตัวในห้องอาบน้ำ เปิดให้พักจนถึงวันที่ 28 ธันวาคม และขณะนี้ถูกจองหมดแล้ว สตรีคนหนึ่งเล่าว่า ปกติจะยกครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศทุกเทศกาลวันหยุด แต่ปีนี้ไปไหนไม่ได้ อีกทั้งเป็นช่วงปิดภาคเรียน จึงพาลูก ๆ มาทำกิจกรรมที่แปลกไปจากเดิม ด้านสามีเสริมว่า รู้สึกดีที่ได้ออกนอกบ้าน เพราะที่ผ่านเป็นช่วงเวลาที่ลำบากมากสำหรับทุกคน จึงอยากมีประสบการณ์ใหม่ ๆ บ้าง บรรยากาศในสนามบินชางงีที่มีทั้งสวนติดเครื่องปรับอากาศ น้ำตกในอาคาร และเส้นทางเดินป่าเล็ก ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่กลางแจ้ง แต่ไม่ต้องเผชิญกับแมลง ความชื้นและฝนตกเฉอะแฉะ.-สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์ 15 ธ.ค. – สิงคโปร์เตรียมเปิดโครงการทราเวลบับเบิลหรือการจับคู่เดินทางเฉพาะนักธุรกิจ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้เดินทางที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูงจากทุกประเทศทั่วโลกตั้งแต่เดือนมกราคม เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ทางการสิงคโปร์ใช้งบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อปกป้องเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากภาวะตกต่ำครั้งรุนแรงที่สุด และพยายามเปิดการเดินทางระหว่างประเทศอีกครั้ง เนื่องจากสิงคโปร์เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของเวทีเศรษฐกิจโลก (WEF) ในปีหน้า ซึ่งจะมีนักธุรกิจชั้นแนวหน้าและผู้นำทางการเมืองจากทั่วโลกเดินทางเข้าร่วม แถลงการณ์ของกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ระบุว่า ผู้เดินทางกลุ่มแรกจะเดินทางมาถึงสิงคโปร์ในช่วงครึ่งหลังของเดือนมกราคมปีหน้าผ่านโครงการทราเวลบับเบิลแบบใหม่ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้เดินทางสามารถพำนักในสิงคโปร์เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ได้สูงสุด 14 วัน โครงการดังกล่าวจะเสริมข้อตกลงการเดินทางเพื่อธุรกิจที่สิงคโปร์ทำร่วมกับจีน เยอรมนี และอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ผู้เดินทางภายใต้โครงการนี้จะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาและมาตรการสาธารณสุขที่เข้มงวด รวมถึงการเข้าพักภายในสถานที่เฉพาะที่รัฐบาลจัดไว้ เช่น หากผู้เดินทางได้รับอนุญาตให้พบปะผู้มาเยี่ยมที่เป็นชาวสิงคโปร์ ทั้งคู่จะพบกันผ่านที่กั้นความสูงระดับพื้นถึงฝ้าเพดาน. -สำนักข่าวไทย

สิงคโปร์ 9 ธ.ค. – บริษัทรอยัล แคริบเบียน ผู้ให้บริการเรือสำราญรายใหญ่ของสิงคโปร์เผยว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 บนเรือสำราญที่ออกเดินทางในโครงการ “ล่องเรือสำราญไม่ไปไหน” กัปตันของเรือสำราญควอนตัมออฟเดอะซีส์ (Quantum of the Seas) กล่าวกับผู้โดยสารผ่านเครื่องกระจายเสียงในคลิปวิดีโอที่ได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่า แขกบนเรือคนหนึ่งรู้สึกไม่สบายและมีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวก จึงขอให้ทุกคนเก็บตัวอยู่ในห้องพักเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งระบุว่า เรือสำราญจะเดินทางกลับไปยังสิงคโปร์ 1 วันก่อนครบกำหนดเดินทางเดิมที่มี 4 วัน ขณะที่บริษัทรอยัล แคริบเบียนออกแถลงการณ์ยืนยันว่า แขกคนดังกล่าวมีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวกจริง ส่วนผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยมีผลตรวจหาเชื้อเป็นลบ ผู้อำนวยการฝ่ายการล่องเรือสำราญของการท่องเที่ยวสิงคโปร์กล่าวว่า ได้เตรียมแผนรับมือฉุกเฉินที่เป็นไปตามมาตรการของทางการสิงคโปร์ไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการกักตัวผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยติดเชื้อทันที การติดตามผู้สัมผัส และการทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อไวรัสโคโรนาบนเรือสำราญ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า จะอนุญาตให้ผู้โดยสารออกจากเรือสำราญเมื่อเดินทางกลับมาถึงสิงคโปร์ได้ และพร้อมให้การสนับสนุนทางการแพทย์หากมีความจำเป็น ก่อนหน้านี้ โครงการ “ล่องเรือสำราญไม่ไปไหน” ของรอยัล แคริบเบียนออกเดินทางจากสิงคโปร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นโครงการนำร่อง ที่เปิดรับเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์เท่าน้ัน ถือเป็นการเปิดให้บริการล่องเรือสำราญครั้งแรกของบริษัทนับตั้งแต่ปิดบริการในเดือนมีนาคม เนื่องจากเผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19. -สำนักข่าวไทย