จีนตกลงให้ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นเยือนซินเจียง

หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานวันนี้ว่า จีนตกลงอนุญาตให้ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เดินทางเยือนเขตซินเจียงได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันโอลิมปิก ฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งจะเป็นเจ้าภาพในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์

ทูตพิเศษเมียนมาของยูเอ็นร้องประกาศหยุดยิงในเมียนมา

สิงคโปร์ 28 ธ.ค. – ดร. โนลีน เฮย์เซอร์ ทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาคนใหม่ของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุเมื่อวันจันทร์ว่า เธอรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในเมียนมา และเรียกร้องให้ใช้ประกาศหยุดยิงในช่วงปีใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ดร. เฮย์เซอร์ ระบุในแถลงการณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาของยูเอ็นเมื่อสองสัปดาห์ก่อนว่า เธอขอให้ยุติการสู้รบทั่วประเทศ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายดำเนินการโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติมากขึ้น และเคารพต่อข้อผูกพันตามสัญญาภายใต้กฎหมายด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนเพื่อปกป้องพลเรือน การเดินทางอย่างปลอดภัยเมื่อจำเป็น และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่จำเป็น ซึ่งรวมถึงผู้ที่ถูกบังคับให้หลบหนีความรุนแรง ดร. เฮย์เซอร์ ยังระบุว่า ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในเมียนมาทำให้พลเรือนหลายแสนคนต้องพลัดถิ่นฐาน ซึ่งรวมถึงสตรีและเด็ก ในจำนวนนี้ มีหลายคนกำลังหาที่หลบภัยโดยการข้ามพรมแดนเพื่อขอความคุ้มครองและความช่วยเหลือ ในขณะที่อีกหลายคนยังคงติดค้างอยู่ในเมียนมา ขณะนี้ เธอกำลังปรึกษากับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในด้านการสนับสนุนและช่วยเหลือเมียนมา โดยจะยังคงให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างประเทศที่สอดคล้องกันบนพื้นฐานของความสามัคคีในภูมิภาค แถลงการณ์ของ ดร. เฮย์เซอร์ มีขึ้นหลังเกิดเหตุสังหารหมู่และเผาคนในวันคริสต์มาสอีพที่รัฐกะยา ทางตะวันออกของเมียนมา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย โดยที่กลุ่มเฝ้าระวังและสื่อท้องถิ่นของเมียนมากล่าวหาว่า รัฐบาลทหารเมียนมาเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้. -สำนักข่าวไทย

มาเลเซียจะของบยูเอ็นพัฒนาแผนหลังประสบอุทกภัย

กัวลาลัมเปอร์ 27 ธ.ค.- มาเลเซียจะของบประมาณจากกองทุนสภาพภูมิอากาศสีเขียวหรือจีซีเอฟ (GCF) ของสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) เพื่อพัฒนาแผนการปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลังจากเผชิญกับอุทกภัยใหญ่อยู่ในขณะนี้ มาเลเซียมีฝนตกหนักตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม ทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง มีผู้เสียชีวิตแล้ว 48 คน ใน 8 รัฐ และมีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลต้องปรับปรุงการเตรียมตัวเพื่อรับมือกับสภาพอากาศรุนแรงในอนาคต ปลัดกระทรวงสิ่งแวดล้อมและน้ำของมาเลเซียตอบข้อถามสื่อเป็นลายลักษณ์อักษรเรื่องแผนการปรับตัวกับสภาพภูมิอากาศว่า กระทรวงจะของบประมาณ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 100 ล้านบาท) จากจีซีเอฟ เพื่อนำมาพัฒนาแผนการปรับตัวแห่งชาติภายในสิ้นปี 2565 แผนนี้จะให้ความสำคัญเรื่องน้ำ การเกษตร ความมั่นคงด้านอาหาร สาธารณสุข ป่าไม้และโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้กระทรวงยังมีแผนระยะยาวที่จะของบประมาณจากกองทุนนี้มาดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย อย่างไรก็ดี งบประมาณสำหรับวางแผนการปรับตัวดังกล่าวถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับงบประมาณ 2,330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 78,100 ล้านบาท) ที่รัฐบาลมาเลเซียจัดสรรไว้ดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัย เช่น สร้างทำนบกั้นน้ำ สร้างพื้นที่รับน้ำ ขุดลอกแม่น้ำ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มไคลมาแอกชันมาเลเซียชี้ว่า การปรับตัวต้องใช้งบประมาณสูงมากเมื่อเทียบกับการบรรเทาภัย เพราะต้องยกเครื่องการวางผังเมืองทั้งหมด ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้เงินมหาศาล.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นเรียกร้องรัฐบาลทหารเมียนมาสอบเหตุสังหารหมู่

นิวยอร์ก 27 ธ.ค. – เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า รู้สึกตกใจกับรายงานข่าวพบพลเรือนเมียนมากว่า 35 ศพถูกเผาเกรียมในเมียนมา และเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาสืบสวนเรื่องดังกล่าว นายมาร์ติน กริฟฟิทส์ รองเลขาธิการยูเอ็นด้านมนุษยธรรม ระบุในแถลงการณ์ว่า เขาขอประณามผู้ก่อเหตุการณ์อันเลวร้ายในครั้งนี้และการโจมตีพลเรือนเมียนมาทั้งหมด พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาเร่งสืบสวนเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียดถี่ถ้วนและโปร่งใส ขณะที่เจ้าหน้าที่ 2 คนของเซฟเดอะชิลเดรน (Save the Children) ซึ่งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือเด็ก ยังคงหายตัวไร้ร่องรอย หลังจากรถโดยสารของพวกเขาเป็นหนึ่งในยานพาหนะที่อยู่ในที่เกิดเหตุสังหารหมู่และเผาคนในวันคริสต์มาสอีฟที่รัฐกะยาทางตะวันออกของเมียนมา โดยที่กลุ่มเฝ้าระวังและสื่อท้องถิ่นของเมียนมากล่าวหาว่ารัฐบาลทหารเมียนมาเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้ เมียนมา วิตเนสส์ (Mynmar Witness) องค์กรเฝ้าระวังไม่แสวงหาผลกำไรที่ตรวจสอบเรื่องปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในเมียนมา ได้ยืนยันกับสื่อท้องถิ่นและผู้เห็นเหตุการณ์ที่เป็นนักสู้ท้องถิ่นว่า พบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย ในจำนวนนี้ มีเด็กและผู้หญิงที่ถูกเผาเกรียมจนเสียชีวิตโดยกองทัพเมียนมาในวันที่ 24 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันคริสต์มาสอีฟ ที่เมืองพะยูโซในรัฐกะยา ส่วนข้อมูลจากดาวเทียมแสดงให้เห็นว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่จุดเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันศุกร์. -สำนักข่าวไทย

สหประชาชาติวอนช่วยเหยื่อไต้ฝุ่นฟิลิปปินส์

องค์การสหประชาชาติ และสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมในฟิลิปปินส์ วิงวอนชาติสมาชิกให้ช่วยกันบริจาคเงิน 107.2 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุไต้ฝุ่นราอี

เกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพประชุมรักษาสันติภาพแบบออนไลน์

เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเกาหลีใต้กล่าววันนี้ว่า การประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ ซึ่งมีกำหนดจะจัดขึ้นที่กรุงโซล นครหลวงของเกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้า จะจัดแบบออนไลน์ เนื่องจากความกังวัลเรื่องเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์โอไมครอน

ดร.วิลาวรรณ ได้รับเลือกตั้งจาก UN เป็น กมธ.กฎหมายระหว่างประเทศ

ดร.วิลาวรรณ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ผู้สมัครสตรีคนแรกของไทย ได้รับเลือกตั้งจากสหประชาชาติ เป็นคณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศ

นักเคลื่อนไหวขอให้ยูเอ็นแทรกแซงในเมียนมา

กลุ่มปกป้องสิทธิพลเมืองมากกว่า 500 กลุ่ม เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดการประชุมหารือเพื่อหาทางยุติปฎิบัติการทางทหาร

เมิร์คไฟเขียวแจกสูตรยา “โมลนูพิราเวียร์” ให้ประเทศยากจน

วอชิงตัน 29 ต.ค. – เมิร์ค แอนด์ โค บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐ เผยเมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่นว่า ได้ลงนามในข้อตกลงด้านสิทธิบัตรยากับองค์การจัดการสิทธิบัตรยา (MPP) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เพื่อเปิดทางให้บริษัทยาในประเทศรายได้ต่ำถึงปานกลาง 105 ประเทศเข้าถึงยาโมลนูพิราเวียร์ เมิร์คและองค์การจัดการสิทธิบัตรยาระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า บริษัทยาในประเทศรายได้ต่ำถึงปานกลาง 105 ประเทศสามารถยื่นเรื่องขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตยาโมลนูพิราเวียร์โดยไม่เสียค่าสิทธิบัตรตราบเท่าที่องค์การอนามัยโลกยังคงจัดให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี องค์การแพทย์ไร้พรมแดน หรือเอ็มเอสเอฟ ได้แสดงความผิดหวังเกี่ยวกับการให้สิทธิบัตรยาดังกล่าวอย่างจำกัดของเมิร์ค เนื่องจากไม่นับรวมประชากรอีกเกือบครึ่งหนึ่งของโลกและประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูงที่มีกำลังการผลิตยาสูง เช่น บราซิลและจีน ขณะนี้ สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ หรือเอฟดีเอ กำลังพิจารณาอนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นกรณีฉุกเฉิน โดยที่ผลการทดลองทางคลินิกระบุว่า ยาดังกล่าวช่วยลดอัตราป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้ร้อยละ 50 ในกลุ่มผู้ป่วยโควิดที่ได้รับยาตั้งแต่เนิ่น ๆ.-สำนักข่าวไทย

ยูเอ็นเตือนโลกร้อนขึ้น 2.7 องศาเซลเซียส

รายงานของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า ความมุ่งมั่นของประเทศต่าง ๆ ในขณะนี้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทำให้โลกมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 2.7 องศาเซลเซียสในศตวรรษนี้ โดยที่รายงานดังกล่าวมีขึ้นก่อนเปิดฉากการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศของยูเอ็น (COP26) ในสัปดาห์หน้า

ยูเอ็นแต่งตั้งชาวสิงคโปร์เป็นทูตพิเศษเมียนมาคนใหม่

นิวยอร์ก 26 ต.ค. – นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประกาศแต่งตั้งนางโนลีน เฮย์เซอร์ นักสังคมวิทยาชาวสิงคโปร์ เป็นทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาคนใหม่ของยูเอ็น นางเฮย์เซอร์ วัย 73 ปี ระบุในแถลงการณ์ที่ส่งให้สำนักข่าวซีเอ็นเอของสิงคโปร์ว่า เธอรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาของยูเอ็น และจะเข้ารับตำแหน่งดังกล่าวในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ เธอหวังว่าจะได้รับฟังความปรารถนาและมุมมองของทุกฝ่ายในการแก้ปัญหาทางการเมืองในเมียนมาโดยสันติเพื่ออนาคตที่ดีขึ้นของชาวเมียนมาทุกคน ทั้งนี้ นางเฮย์เซอร์จะเข้ารับตำแหน่งทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาต่อจากนางคริสติน ชราเนอร์ เบอร์กเนอร์ นักการทูตชาวสวิส วัย 58 ปี ที่ดำรงตำแหน่งนี้มาเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง ก่อนหน้านี้ นางเฮย์เซอร์เคยดำรงตำแหน่งระดับสูงของยูเอ็นมาแล้วหลายตำแหน่ง เช่น เลขาธิการคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจและสังคมประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกหรือเอสแคป ในปี 2550-2557 และที่ปรึกษาพิเศษประจำติมอร์-เลสเตในปี 2556-2558 นอกจากนี้ เธอยังเคยทำงานอย่างใกล้ชิดกับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน และทางการเมียนมาในด้านการพัฒนาและการลดปัญหาความยากจน. -สำนักข่าวไทย

รบ. ทหารเมียนมาว่าตัวแทนยูเอ็นมีอคติและแทรกแซงภายใน

เนปิดอว์ 25 ต.ค. – รัฐบาลทหารเมียนมาระบุว่า รายงานเกี่ยวกับเมียนมาของสองตัวแทนจากสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ใช้แหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือที่ทำให้เกิดข้อกล่าวหาอย่างกว้างขวางและละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศ กระทรวงต่างประเทศของรัฐบาลทหารเมียนมากล่าวโต้แย้งเมื่อวันอาทิตย์ว่า รายงานและข้อคิดเห็นล่าสุดเกี่ยวกับเมียนมาโดยนางคริสติน ชราเนอร์ เบอร์กเนอร์ ทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมา และนายทอม แอนดรูวส์ ผู้รายงานพิเศษของยูเอ็น ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริงและสะท้อนให้เห็นอคติของยูเอ็น เมียนมาไม่ยอมรับวัตถุประสงค์ของยูเอ็นในการกำหนดเป้าหมายต่อเมียนมา และใช้ประเด็นสิทธิมนุษยชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อแทรกแซงกิจการภายใน กระทรวงต่างประเทศเมียนมาระบุในแถลงการณ์ว่า นางชราเนอร์ เบอร์กเนอร์ รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ไม่น่าเชื่อถือ กล่าวหารัฐบาลทหารโดยไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน ลดทอนความรุนแรงที่เกิดจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเกินจริง และไม่กล่าวถึงสาเหตุของการยึดอำนาจการปกครองว่ามีที่มาจากการทุจริตการเลือกตั้ง ขณะที่คำปราศรัยของนายแอนดรูวส์เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่กล่าวหาว่ารัฐบาลทหารเมียนมาทรมาน กักขัง ลักพาตัว และขับไล่ประชาชนจำนวนมากออกจากพื้นที่นั้นเป็นการอ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัด ก่อนหน้านี้ นางชราเนอร์ เบอร์กเนอร์ ซึ่งลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวหลังทำงานมากว่า 3 ปี เผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า กองทัพเมียนมาไม่ได้สนใจที่จะหาโอกาสใช้การประนีประนอมหรือการเจรจากับประชาคมระหว่างประเทศเพื่อให้เมียนมากลับไปสู่หนทางที่ถูกต้อง. -สำนักข่าวไทย

1 7 8 9 10 11 37
...