ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ลงนามนำเข้าวัคซีน “โมเดอร์นา”
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ลงนามสัญญากับ ซิลลิค ฟาร์มา นำเข้าวัคซีนโควิด-19 “โมเดอร์นา” จำนวน 8 ล้านโดส ใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันในปี 2565
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ลงนามสัญญากับ ซิลลิค ฟาร์มา นำเข้าวัคซีนโควิด-19 “โมเดอร์นา” จำนวน 8 ล้านโดส ใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันในปี 2565
สนข.ลงนามจ้างที่ปรึกษา ศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น-ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการแลนด์บริจด์ พัฒนาระบบคมนาคมเชื่อมต่อ 2 ชายฝั่งทะเล อ่าวไทย-อันดามัน ผุดท่าเรือ-มอเตอร์เวย์-ทางรถไฟ (ชุมพร-ระนอง ) ก่อนหาเอกชนลงทุนแบบ PPP 1 แสนล้านบาท
กกท.ลงนามสมาคมฟุตบอลจัดลีกเยาวชน ขณะที่ ศบค.ผ่อนปรนให้มีผู้ชมเข้าชมในสนามได้ กกท.เตรียมกำหนดคู่มือส่งให้สมาคมกีฬาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
คณะบุคคล ร่วมลงนามถวายพระพรสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขอให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์โดยเร็ว
คณะบุคคล เดินทางไปลงนามถวายพระพรสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยความจงรักภักดี
ฮ่องกง 29 ธ.ค.- ตลาดในเอเชียส่วนใหญ่ปิดเพิ่มขึ้นวันนี้ หลังจากตลาดวอลล์สตรีทของสหรัฐสร้างสถิติใหม่ในการปิดตลาดวานนี้ นักลงทุนยินดีที่ผู้นำสหรัฐลงนามร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล ชดเชยความวิตกเรื่องมีผู้ติดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เพิ่มขึ้น ดัชนีนิกเกอิของญี่ปุ่นปิดที่ 27,568.15 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 สูงที่สุดในรอบ 30 ปีนับจากเดือนสิงหาคม 2533 หุ้นออสเตรเลียปิดเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.53 ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงเคลื่อนไหวที่ 26,563.55 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.95 หลังจากดัชนีหลักทั้งสามตัวของตลาดวอลล์สตรีทปิดทำสถิติใหม่เมื่อวานนี้ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,403.97 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,735.36 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 12,899.42 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียตของสหรัฐและน้ำมันดิบเบรนต์ของอังกฤษที่ปิดเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ที่บาร์เรลละ 47.81 ดอลลาร์สหรัฐ และ 51.07 ดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ.-สำนักข่าวไทย
นิวยอร์ก 28 ธ.ค.- ตลาดเงิน ตลาดทุนและตลาดทองปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามร่างกฎหมายมูลค่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 69 ล้านบาท) บรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และงบประมาณรายจ่าย ดัชนีเอสแอนด์พีฟิวเจอร์ของสหรัฐปรับขึ้นร้อยละ 0.4 ดัชนีนิกเกอิและโทปิกซ์ของญี่ปุ่นเปิดตลาดซื้อขายเช้าวันนี้ปรับขึ้นร้อยละ 0.31 และ 0.37 ตามลำดับ ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงเปิดตลาดปรับขึ้นร้อยละ 0.38 ขณะที่ราคาทองที่มีการส่งมอบทันทีหรือสปอตเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 1 บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปในทางบวก หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามร่างกฎหมายเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐ ทั้งที่ยืนยันไม่ลงนามและเรียกร้องให้รัฐสภาแก้ไขตั้งแต่รัฐสภาผ่านความเห็นชอบเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ทรัมป์ไม่ได้ชี้แจงว่าเหตุใดจึงเปลี่ยนใจ เพียงแต่ทวีตว่า มีข่าวดีเรื่องร่างกฎหมายบรรเทาโควิด จะมีข้อมูลเพิ่มเติมตามมา พบกันที่กรุงวอชิงตัน ดีซีวันที่ 6 มกราคม ประธานาธิบดีทรัมป์จะต้องส่งมอบตำแหน่งให้แก่นายโจ ไบเดนในวันที่ 20 มกราคม เขาไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะนับจากรัฐสภาผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว การลงนามร่างกฎหมายทำให้ชาวอเมริกัน 14 ล้านคนได้รับเงินสวัสดิการว่างงานฉุกเฉินที่หมดลงเมื่อวันเสาร์ต่อไป และหน่วยงานรัฐบาลไม่ต้องปิดทำการหรือชัตดาวน์บางส่วนตั้งแต่วันอังคารนี้.-สำนักข่าวไทย
วอชิงตัน 27 ธ.ค.- ชาวอเมริกันหลายล้านคนจะไม่ได้รับสวัสดิการว่างงานฉุกเฉินที่จะสิ้นสุดลงในวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ลงนามร่างกฎหมายบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และงบประมาณรายจ่าย ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ลงนามร่างกฎหมาย 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 69 ล้านล้านบาท) ที่ประกอบด้วยเงินบรรเทาผลกระทบโควิด 892,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 26.76 ล้านล้านบาท) ที่ครอบคลุมถึงการขยายสวัสดิการว่างงานฉุกเฉินที่จะหมดอายุในวันที่ 26 ธันวาคมตามเวลาสหรัฐ และงบประมาณรายจ่ายรัฐบาลตามปกติ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 42 ล้านล้านบาท) ข้อมูลของกระทรวงแรงงานระบุว่า จะมีชาวอเมริกันว่างงาน 14 ล้านคนไม่ได้รับสวัสดิการว่างงานฉุกเฉิน ขณะที่การปิดที่ทำการรัฐบาลหรือชัตดาวน์บางส่วนจะเริ่มในวันที่ 29 ธันวาคมตามเวลาสหรัฐ เสี่ยงกระทบต่อรายได้ของลูกจ้างของรัฐบาล ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตว่า ที่ไม่ลงนามเพราะต้องการให้ประชาชนได้รับเงินช่วยเหลือจากร่างนี้คนละ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 60,000 บาท) ไม่ใช่ 600 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18,000 บาท) เท่านั้น ด้านโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ […]
วอชิงตัน 23 ธ.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตำหนิร่างกฎหมายบรรเทาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 มูลค่าเกือบ 900,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 27 ล้านล้านบาท) ว่า น่าอดสู แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะไม่ลงนามเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์คลิปในทวิตเตอร์ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องน่าอดสูอย่างยิ่ง ขอให้รัฐสภาเร่งกำจัดสิ่งที่ไร้ประโยชน์และไม่จำเป็นออกจากร่างกฎหมายนี้ทันที แล้วส่งร่างที่เหมาะสมมาให้เขา ขอให้สภาแก้ไขร่างและเพิ่มเงินช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ต่ำอย่างน่าขำจาก 600 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 18,130 บาท) เป็น 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 60,430 บาท) หรือ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 120,860 บาท) สำหรับหนึ่งคู่สมรส เป็นการแสดงท่าทีชัดเจนว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ยอมรับร่างกฎหมายบรรเทาผลกระทบจากโรคโควิด-19 ที่ผ่านความเห็นชอบจากทั้งสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภาเมื่อวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ หลังจากถกเถียงและกล่าวโทษกันอย่างดุเดือด แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเขาจะไม่ลงนาม เอเอฟพีธิบายเพิ่มเติมว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามล่าช้าจะเกิดผลเสียหายติดตามมา ผู้ว่างงานหลายล้านคนจะได้รับเงินช่วยเหลือล่าช้า ขณะที่สวัสดิการการว่างงานใกล้จะหมดลงในเร็ว ๆ นี้ เช่นเดียวกับธุรกิจขนาดเล็กที่จะได้รับสินเชื่อจากรัฐบาลล่าช้า.-สำนักข่าวไทย
อิสราเอลสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการกับภูฏาน โดยพิธีลงนามมีขึ้นที่สถานทูตอิสราเอลประจำกรุงนิวเดลีของอินเดีย
นายกรัฐมนตรีร่วมยินดีลงนามความตกลง RCEP ชี้เป็นความตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะทำให้ประเทศสมาชิกมีความสามารถและความยืดหยุ่นในการรับมือกับปัญหาความท้าทายทางเศรษฐกิจได้มากขึ้นในอนาคต
ฮานอย 15 พ.ย.- สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรืออาร์เซ็ป (RCEP) แล้วในวันนี้ เป็นเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลกที่ไม่มีสหรัฐเข้าร่วม ผู้นำ 15 ประเทศเป็นประธานในพิธีลงนามอาร์เซ็ป นอกรอบการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 37 ที่จัดแบบประชุมทางไกล เพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยมีเวียดนามเป็นเจ้าภาพ ผู้นำแต่ละประเทศยืนอยู่ด้านหลังรัฐมนตรีการค้าของตนเองที่ผลัดกันลงนามทีละประเทศแล้วชูต่อหน้ากล้อง นายกรัฐมนตรีเหงียน ซวน ฟุกของเวียดนาม กล่าวว่า ประเทศผู้ลงนามจะให้สัตยาบันโดยเร็วเพื่อให้มีผลบังคับใช้ และช่วยฟื้นเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาร์เซ็ปครองสัดส่วนเศรษฐกิจโลกร้อยละ 30 สัดส่วนประชากรร้อยละ 30 และเข้าถึงผู้บริโภคมากถึง 2,200 ล้านคน กระทรวงการคลังจีนแถลงว่า อาร์เซ็ปจะขจัดภาษีบางอย่างภายในกลุ่ม มีทั้งมีผลทันทีและมีผลภายใน 10 ปี และเป็นครั้งแรกที่จีนและญี่ปุ่นบรรลุความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์เพราะมีการลดภาษีระหว่างกัน รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า อาร์เซ็ปถือเป็นเขตการค้าเสรีแรกที่สามประเทศใหญ่ในเอเชียอย่างจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ลงนามร่วมกัน ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดของประเภทสินค้าและรายชื่อประเทศที่จะลดภาษีทันที ส่วนสหรัฐที่ผลักดันข้อตกลงนี้ในสมัยรัฐบาลบารัค โอบามา ถูกรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนออกในปี 2560 […]