
รัสเซียว่าสหรัฐเผยแพร่ข้อมูลเท็จเรื่องอาวุธเคมี
รัสเซียกล่าววันนี้ว่า คำกล่าวอ้างของสหรัฐและยูเครนที่ว่า รัสเซียอาจจะใช้อาวุธเคมีในยูเครนเป็นข้อมูลที่บิดเบือนเพราะว่า รัฐบาลมอสโกทำลายคลังอาวุธเคมีแห่งสุดท้ายไปแล้วในปี 2017
รัสเซียกล่าววันนี้ว่า คำกล่าวอ้างของสหรัฐและยูเครนที่ว่า รัสเซียอาจจะใช้อาวุธเคมีในยูเครนเป็นข้อมูลที่บิดเบือนเพราะว่า รัฐบาลมอสโกทำลายคลังอาวุธเคมีแห่งสุดท้ายไปแล้วในปี 2017
นายรัมซาน คาดีรอฟ ผู้นำเชชเนีย สาธารณรัฐปกครองตนเอง ในรัสเซีย กล่าวว่า นาวิกโยธินในกองทัพยูเครนมากกว่า 1,000 นายยอมจำนนในเมืองท่ามารีอูปอล ของยูเครนที่ถูกปิดล้อมอยู่ในขณะนี้ พร้อมกันนั้น เขาได้เรียกร้องให้กองกำลังที่เหลือและหลบซ่อนตัวอยู่ในโรงงานอาซอฟสตัล ให้ออกมามอบตัว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กล่าวเป็นครั้งแรกว่า การที่ใช้รัสเซียใช้กำลังทหารบุกรุกรานยูเครนนั้นเทียบได้กับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยูเครน
ในสงครามยูเครน ภูมิภาคดอนบาส กลายเป็นตัวแปรสำคัญของสงครามว่าใครจะช่วงชิงความได้เปรียบ ขณะนี้รัสเซียกำลังมุ่งสรรพกำลังไปยังพื้นที่นี้ และเมืองสำคัญอย่างมาริอูโพล ซึ่งล่าสุดเกิดข้อกล่าวหาการใช้อาวุธเคมีด้วย
มอสโก 12 เม.ย. – ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เดินทางไปยังแคว้นอามูร์ ทางตะวันออกไกลของรัสเซีย ในวันนี้เพื่อหารือกับประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ของเบลารุส โดยคาดว่ามีวาระสำคัญเกี่ยวกับสงครามยูเครนและความร่วมมือระหว่างรัสเซียกับเบลารุส สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีลูคาเชนโกจะเดินทางไปยังฐานปล่อยจรวดวอสโตชินี คอสโมโดรม (Vostochny Cosmodrome) ในแคว้นอามูร์ของรัสเซียเพื่อรำลึกถึงวันนักบินอวกาศ (Cosmonautics Day) ของรัสเซีย ซึ่งตรงกับวันที่ 12 เมษายนของทุกปี โดยเป็นวันที่รัสเซียได้ส่ง ยูริ กาการิน นักบินอวกาศชาวรัสเซีย ขึ้นสู่อวกาศเป็นคนแรกของโลกในปี 2504 ทั้งนี้ คาดว่าประธานาธิบดีปูตินและประธานาธิบดีลูคาเชนโกจะเดินเยี่ยมชมลานจอดยานอวกาศและพบปะกับเจ้าหน้าที่ของฐานปล่อยจรวด รวมถึงแถลงข่าวร่วมกันในเวลา 11.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช หรือตรงกับเวลา 18.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวของรัสเซียรายงานอ้างคำพูดของประธานาธิบดีปูตินที่กล่าวในงานดังกล่าวว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนจะบรรลุเป้าหมายสูงส่งอย่างไร้ข้อกังขา รัสเซียไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากการใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อปกป้องประเทศชาติและการปะทะกับกองกำลังต่อต้านรัสเซียในยูเครนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งยังระบุว่า เป้าหมายของปฏิบัติการทหารในครั้งนี้คือการปกป้องประชาชนในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งประกอบด้วยแคว้นดอเนสตก์และแคว้นลูฮันสก์ ทางตะวันออกของยูเครน และการใช้คำสั่งปฏิบัติการทางทหารในครั้งนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว.-สำนักข่าวไทย
ลอนดอน 12 เม.ย. – นายเจมส์ ฮีปปีย์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมอังกฤษ เผยวันนี้ว่า รัฐบาลอังกฤษกำลังเร่งสอบสวนว่ากองทัพรัสเซียนำอาวุธเคมีมาใช้ในสงครามยูเครนหรือไม่ หลังจากที่นางลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอังกฤษระบุเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ว่า อังกฤษกำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อตรวจสอบรายงานที่ชี้ว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธเคมีโจมตีเมืองมารีอูปอล เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของยูเครน นายฮีปปีย์เผยกับบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี ว่า อังกฤษได้รับรายงานเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่ารัสเซียใช้อาวุธเคมีโจมตีเมืองมารีอูปอลที่ถูกปิดล้อมผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของยูเครน แต่หน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมอังกฤษและกระทรวงกลาโหมยูเครนยังไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้อย่างอิสระ ขณะนี้ อังกฤษกำลังเร่งสอบสวนว่ารัสเซียนำอาวุธเคมีมาใช้ในยูเครนจริงหรือไม่ หากมีหลักฐานยืนยันว่ารัสเซียใช้อาวุธเคมีจริง นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ และบรรดาผู้นำรัฐบาลต่าง ๆ ทั่วโลกก็พร้อมออกมาตรการตอบโต้ทุกวิถีทางต่อรัสเซีย ทั้งยังระบุว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ต้องตระหนักถึงผลเสียจากการใช้อาวุธเคมี เนื่องจากอาวุธประเภทนี้ไม่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ก่อนหน้านี้ นางทรัสส์ระบุเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ว่า อังกฤษกำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อตรวจสอบรายงานที่ชี้ว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธเคมีโจมตีเมืองมารีอูปอล เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของยูเครนที่ถูกปิดล้อมมานานเกือบ 7 สัปดาห์ จนทำให้คาดว่ามีพลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยในวันเดียวกันว่า รัสเซียอาจนำอาวุธเคมีมาใช้โจมตียูเครน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นต่อรัสเซียเพื่อขัดขวางการใช้อาวุธเหล่านี้.-สำนักข่าวไทย
รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย กังวลเกี่ยวกับรายงานการใช้อาวุธเคมีของรัสเซีย หากข้อมูลดังกล่าวได้รับการยืนยันถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติ
มารีอูปอล 12 เม.ย. – นายกเทศมนตรีของเมืองมารีอูปอล เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของยูเครนที่ถูกรัสเซียปิดล้อม เผยว่า มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 10,000 รายที่เมืองมารีอูปอลนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ขณะที่อังกฤษเตือนว่า การสู้รบในภาคตะวันออกของยูเครนมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในอีก 2-3 สัปดาห์หน้า นายวาดิม บอยเชนโก นายกเทศมนตรีเมืองมารีอูปอล เผยกับสำนักข่าวเอพีเมื่อวันจันทร์จากพื้นที่นอกเมืองมารีอูปอลว่า มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 10,000 รายที่เมืองมารีอูปอล และยังคงมีพลเรือนราว 120,000 คนติดค้างอยู่ในเมืองดังกล่าว โดยที่ประชาชนเหล่านี้ต้องการอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรคโดยด่วน เขายังได้รับรายงานว่า กองทัพรัสเซียกำลังเก็บศพพลเรือนและนำไปแช่ไว้ในตู้เย็นของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในเมือง รวมถึงการนำศพไปใส่ตู้คอนเทนเนอร์ท้ายรถบรรทุกแล้วจุดไฟเผา อย่างไรก็ดี บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี ยังไม่สามารถตรวจสอบข้อกล่าวหาดังกล่าวของนายบอยเชนโกได้อย่างอิสระ ในขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมของอังกฤษเตือนว่า การสู้รบในภาคตะวันออกของยูเครนมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในอีก 2-3 สัปดาห์หน้า เนื่องจากรัสเซียยังคงตั้งเป้าบุกโจมตีพื้นที่ดังกล่าวต่อไป ขณะนี้ กองทัพรัสเซียได้มุ่งโจมตีพื้นที่ใกล้แคว้นโดเนสตก์และแคว้นลูฮันสก์ ทางตะวันออกของยูเครน รวมถึงพื้นที่รอบเมืองเคอร์ซันและเมืองไมโคลาอีฟ ทางตอนใต้ของยูเครน กระทรวงกลาโหมอังกฤษยังระบุเพิ่มเติมว่า กองทัพรัสเซียยังคงใช้เส้นทางเดินทัพผ่านเบลารุสเพื่อเพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองของอังกฤษเผยว่า รัสเซียยังตั้งเป้าโจมตีเมืองครามาตอร์สก์ ทางตะวันออกของยูเครน หลังมีพลเรือนเสียชีวิตหลายสิบรายจากการยิงจรวดถล่มสถานีรถไฟของเมืองดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อน.-สำนักข่าวไทย
นายกรัฐมนตรีลิทัวเนีย เดินทางเยือนเมืองโบโรเดียนกาที่ยูเครนยึดคืนได้จากรัสเซีย พร้อมเจรจาเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางทหารและมนุษยธรรมแก่ยูเครน
กองทัพไต้หวันเผยแพร่คู่มือการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเป็นครั้งแรกในวันนี้ โดยเป็นการให้คำแนะนำแก่ประชาชนเกี่ยวกับการอยู่รอดในภาวะสงคราม นำกรณีรัสเซียใช้กำลังบุกยูเครนเป็นแนวทางในการกำหนดวิธีการที่ไต้หวันควรจะรับมือแรงกดดันจากจีนอย่างไร
ประธานาธิบดียูเครนเรียกร้องให้ใช้มาตรการคว่ำบาตรขั้นรุนแรงต่อรัสเซีย เพื่อป้องกันการใช้อาวุธเคมีในยูเครน
เคียฟ 12 เม.ย. – บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษ หรือบีบีซี เปิดเผยคำให้การครั้งแรกของสตรีชาวยูเครนและพบหลักฐานที่ชี้ว่า สตรีชาวยูเครนถูกทหารรัสเซียข่มขืนในขณะที่นำกำลังบุกโจมตียูเครน ขณะที่เจ้าหน้าที่ของรัสเซียออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง บีบีซีรายงานว่า แอนนา (นามสมมติ) สตรีชาวยูเครน วัย 50 ปี ที่อาศัยอยู่ในย่านชนบทห่างจากกรุงเคียฟไปทางตะวันตกราว 70 กิโลเมตร ระบุว่า เธออยู่กับสามีในบ้านเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่ทหารรัสเซียบุกรุกเข้ามาในบ้านของเธอ ทหารนายหนึ่งใช้ปืนจี้และพาเธอไปยังบ้านอีกหลังที่อยู่ใกล้กัน เขาสั่งให้เธอถอดเสื้อผ้าออก ไม่เช่นนั้นเขาจะยิงเธอ เขาขู่ฆ่าเธออยู่หลายครั้ง หากเธอไม่ทำที่เขาสั่ง และทหารนายนี้ก็เริ่มข่มขืนเธอในเวลาต่อมา แอนนาเผยว่า ผู้ที่ขืนใจเธอเป็นทหารของสาธารณรัฐเชเชน หรือเชชเนีย ที่เป็นพันธมิตรกับรัสเซียและเข้าร่วมในสงครามยูเครน อย่างไรก็ดี ขณะที่ทหารนายนี้กำลังข่มขืนเธอ มีทหารอีกสี่นายเข้ามาและจับตัวทหารที่ข่มขืนเธอออกไป เธอเชื่อว่าทหารรัสเซียอีกหน่วยได้เข้ามาช่วยเธอไว้ แอนนายังเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นโดยไม่หยุดร่ำไห้ว่า เธอกลับไปที่บ้านและพบว่าสามีถูกยิงที่ท้องหลังจากที่เขาพยายามวิ่งตามไปช่วยเธอจากการถูกข่มขืน เธอและสามีได้ไปหาที่ซ่อนตัวในบ้านของเพื่อนบ้าน ทำให้ไม่สามารถพาสามีไปรักษาในโรงพยาบาลได้ เนื่องจากเกิดการสู้รบดุเดือดจนกระทั่งสามีของเธอเสียชีวิตจากแผลถูกยิงในอีก 2 วันต่อมา ในขณะเดียวกัน ซิมา บาฮูส เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น กล่าวในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เมื่อวันจันทร์ว่า แม้ข้อกล่าวหาทั้งหมดของทหารรัสเซียจะต้องได้รับการสืบสวนอย่างอิสระเสียก่อน แต่ความโหดร้ายทารุณที่พลเรือนยูเครนต้องประสบนั้นอยู่ในระดับอันตรายแล้ว […]