ดินถล่มเหมืองหยกเมียนมา เสียชีวิตแล้ว 3 ราย

ย่างกุ้ง 23 ธ.ค. – เจ้าหน้าที่กู้ภัยของเมียนมาพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 รายจากเหตุดินถล่มเหมืองหยกผิดกฎหมายในพื้นที่ทางตอนเหนือของเมียนมาเมื่อวันพุธ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 3 ราย และสูญหายอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยของเมียนมาพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 รายในทะเลสาบที่อยู่ใกล้เหมืองหยกดังกล่าวในวันนี้ ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 3 ราย หลังจากที่เมื่อวานนี้พบผู้เสียชีวิต 1 ราย แต่ต้องยุติปฏิบัติการค้นหา เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศที่มีหมอกหนาจัดและฝนตกในช่วงกลางคืน ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยคาดว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 70 คนหลังเกิดเหตุดินถล่มเหมืองหยกเมื่อช่วงเช้ามืดวันพุธ แต่ระบุในเวลาต่อมาว่ายังไม่ทราบตัวเลขผู้สูญหายที่แน่ชัด เจ้าหน้าที่กู้ภัยขององค์กรกู้ภัยเมียนมาร์ กล่าวว่า สภาพอากาศในวันนี้แจ่มใส และมีทีมกู้ภัย 6 ทีมที่กำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต ทั้งยังระบุว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้มีสาเหตุจากกองดินและหินที่กวาดแรงงานตกลงไปในทะเลสาบที่ตั้งอยู่ใกล้เหมืองหยก. -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมใหญ่มาเลเซีย ยอดตายพุ่ง 27 ราย

กัวลาลัมเปอร์ 22 ธ.ค. – มาเลเซียพบผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 27 ราย ในขณะที่ทางการเร่งทำความสะอาดพื้นที่ประสบภัยและประเมินความเสียหายจากภัยพิบัติดังกล่าว เหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้หลายเมืองของมาเลเซียถูกน้ำท่วม ถนนหลักหลายเส้นถูกตัดขาด และประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปอยู่ที่ปลอดภัย ขณะที่รัฐสลังงอร์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรหนาแน่นและร่ำรวยที่สุดของมาเลเซีย เป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดแห่งหนึ่งจากภัยพิบัติในครั้งนี้ ส่วนประชาชนหลายคนที่ติดค้างอยู่ที่บ้านในนครชาห์อาลัมของรัฐสลังงอร์ต้องอดอาหารเป็นเวลาหลายวันกว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยจะนำเรือเข้ามาช่วยอพยพออกจากบ้าน ขณะนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมในมาเลเซียเพิ่มขึ้นเป็น 27 ราย ในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิต 20 รายที่รัฐสลังงอร์ และมีผู้เสียชีวิต 7 รายที่รัฐปะหัง รวมถึงยอดผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่งที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก ในขณะเดียวกัน นายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย เรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซียเปิดประชาพิจารณ์หลังมีเสียงตำหนิแนวทางรับมือน้ำท่วมของรัฐบาลอย่างกว้างขวาง ส่วนนายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ ของมาเลเซีย ออกมากล่าวยอมรับเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลมาเลเซียมีข้อบกพร่องในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ แต่ให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงการทำงานต่อไปในอนาคต. -สำนักข่าวไทย

อังกฤษมีคนตายเพราะโอไมครอนแล้ว 12 คน

ลอนดอน 20 ธ.ค.- นายโดมินิก ราบ รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษเผยว่า อังกฤษมีผู้เสียชีวิตเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนแล้ว 12 คน แต่ไม่ยอมตอบว่ารัฐบาลจะเข้มงวดมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมก่อนคริสต์มาสหรือไม่ นายราบเผยกับสถานีวิทยุไทมส์เรดิโอในวันนี้ว่า นอกจากผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีผู้กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ 104 คน ต่อข้อถามเรื่องรัฐบาลจะออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้นกว่าเดิมในช่วงก่อนคริสต์มาสหรือไม่ นายราบตอบว่า ไม่สามารถรับประกันได้อย่างหนักแน่นและทันที เพราะรัฐบาลประเมินสถานการณ์โดยอาศัยข้อมูลจริงเป็นหลัก และต้องใช้เวลาในการประเมินเรื่องความรุนแรงของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ทางการอังกฤษเคยเตือนเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ยอดผู้เข้าโรงพยาบาลอาจแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ และยังไม่เห็นผลกระทบเต็มตัวของการระบาดระลอกล่าสุด รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า การออกมาตรการจำกัดการรวมกลุ่มช่วงคริสต์มาสอาจส่งผลเสียทางการเมืองต่อนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ที่กำลังถูกสังคมตั้งคำถามว่า เขาและเจ้าหน้าที่ฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์เมื่อปีก่อนหรือไม่ ซึ่งเป็นช่วงที่สถานการณ์การระบาดรุนแรง นอกจากนี้การออกมาตรการเข้มงวด เช่น สั่งให้คนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ รัฐบาลจะต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากพรรคฝ่ายค้านด้วย.-สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมครั้งใหญ่รอบ 100 ปีของมาเลเซีย เสียชีวิต 5 ราย

กัวลาลัมเปอร์ 20 ธ.ค. – เหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบ 100 ปีของมาเลเซียช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 รายในรัฐสลังงอร์และรัฐปะหังของมาเลเซีย และมีผู้สูญหาย 8 คน ตำรวจของนครชาห์อาลัม ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐสลังงอร์ เผยวันนี้ว่า พบผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วม 3 รายที่นครชาห์อาลัม ขณะที่สำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซีย หรือเบอร์นามา รายงานว่า พบผู้เสียชีวิต 1 รายที่นครกวนตันในรัฐปะหัง และอีก 1 รายที่เมืองกัมปุงเจมปากาของรัฐสลังงอร์ นอกจากนี้ ยังได้รับแจ้งว่ามีผู้สูญหายอีก 8 คนในรัฐปะหัง โดยคาดว่าทั้งหมดถูกกระแสน้ำพัดหาย สำนักข่าวเบอร์นามารายงานอ้างคำพูดของเลขาธิการกระทรวงสิ่งแวดล้อมและน้ำของมาเลเซียว่า ปกติกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียมีปริมาณน้ำฝนต่อปีที่ 2,400 มม. แต่ปริมาณน้ำฝนเมื่อวันศุกร์วันเดียวกลับสูงกว่าค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำฝนต่อเดือน ซึ่งเป็นสิ่งที่เกินคาดหมายและมักเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบ 100 ปี นอกจากนี้ เหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ยังทำให้ประชาชนกว่า 41,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว และมีหลายคนที่ติดอยู่ในรถยนต์และที่อยู่อาศัย ขณะที่สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของมาเลเซียระบุว่า มี 7 รัฐ และ 1 ดินแดนที่รัฐบาลกลางปกครองโดยตรงที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ ได้แก่ รัฐกลันตัน […]

ยอดเสียชีวิตจากไต้ฝุ่นราอีในฟิลิปปินส์เกิน 200 คนแล้ว

มะนิลา 20 ธ.ค.- สื่อฟิลิปปินส์รายงานอ้างตำรวจว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นราอี (Rai) พัดถล่มเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 208 คน บาดเจ็บ 239 คน และสูญหายอยู่ 52 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยบรรยาสภาพพื้นที่ประสบภัยว่า เสียหายยับเยิน แต่ยังไม่ทราบขอบเขตความเสียหายที่แท้จริงเพราะหลายพื้นที่ถูกตัดขาดการสื่อสาร คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีกเพราะมีน้ำท่วมและดินถล่มในวงกว้าง สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศได้ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินมูลค่า 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 737 ล้านบาท) เพื่อใช้ในการบรรเทาทุกข์ระยะยาว ขณะที่ทางการฟิลิปปินส์ส่งทหาร หน่วยยามฝั่ง และนักดับเพลิงลงพื้นที่เพื่อค้นหาและกู้ภัยแล้ว ด้านประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตออกสำรวจความเสียหายทางอากาศ คนสนิทของเขาโพสต์ภาพมุมสูงเห็นความเสียหายในวงกว้างทีจังหวัดซีอาร์เกา ดินากัต และมินดาเนา สำนักงานบริการด้านบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์ของฟิลิปปินส์หรือปากาซา (PAGASA) จัดให้ราอีเป็นไต้ฝุ่น เพราะมีความเร็วลมขณะขึ้นฝั่ง 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่สื่อตะวันตกหลายแห่งรายงานว่าเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นที่เป็นพายุรุนแรงที่สุดที่กระหน่ำฟิลิปปินส์ในปีนี้ บรรษัทกระจายเสียงอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) ระบุว่า ซูเปอร์ไต้ฝุ่นราอีเกิดขึ้นช้ากว่าปกติ เพราะฤดูไต้ฝุ่นในภูมิภาคมักเกิดขึ้นช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม นักวิทยาศาสตร์เตือนมานานแล้วว่า อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากกิจกรรมส่วนใหญ่ของคน กำลังทำให้ไต้ฝุ่นมีความรุนแรงมากขึ้นและทวีกำลังเร็วยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้อาคารในนครโอซากาของญี่ปุ่น-ตายแล้ว 19 ราย

เหตุเพลิงไหม้อาคารแห่งหนึ่งในนครโอซากาของญี่ปุ่นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ตำรวจญี่ปุ่นกำลังอยู่ในระหว่างสอบปากคำผู้ต้องสงสัยที่เป็นมือวางเพลิง

ไฟไหม้อาคารในนครโอซากาของญี่ปุ่น-หวั่นเสียชีวิต 27 ราย

โอซากา 17 ธ.ค. – เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารแห่งหนึ่งในนครโอซากาของญี่ปุ่นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของญี่ปุ่นหวั่นวิตกว่าเหตุดังกล่าวอาจทำให้ผู้ที่ติดอยู่ข้างในอาคารเสียชีวิต 27 ราย สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานว่า หน่วยงานดับเพลิงของนครโอซากาได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้ที่ชั้นสี่ของอาคารแห่งหนึ่งใกล้สถานีรถไฟโอซากาเมื่อเวลา 10.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 08.45 น. ตามเวลาประเทศไทย จากนั้น เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงได้เมื่อเวลาประมาณ 10.45 น. โดยที่ไฟได้เผาไหม้พื้นที่ของอาคารไปราว 20 ตารางเมตร ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเผยว่า เห็นเปลวเพลิงสีส้มพวยพุ่งออกมาจากหน้าต่างบริเวณชั้นสี่ของอาคารดังกล่าว และมีผู้หญิงคนหนึ่งโบกมือขอความช่วยเหลือจากหน้าต่างบริเวณชั้นหกของอาคารเดียวกัน ส่วนพนักงานคนหนึ่งที่ทำงานในร้านอาหารใกล้อาคารที่เกิดเหตุเพลิงไหม้กล่าวว่า เห็นควันไฟลอยออกมาจากอาคารดังกล่าว มีรถพยาบาลและรถดับเพลิงจอดอยู่ด้านหน้าอาคารเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องช่วยผู้ที่ติดอยู่ในอาคารด้วยรถดับเพลิงที่มีบันไดยาว และเกิดเหตุไฟดับในละแวกใกล้เคียง.-สำนักข่าวไทย

ออสเตรเลียเร่งสอบเหตุลมพัดปราสาทเป่าลมลอยขึ้นฟ้า

แทสเมเนีย 17 ธ.ค. – ตำรวจออสเตรเลียระบุวันนี้ว่า กำลังดำเนินการสืบสวนเหตุเครื่องเล่นเด็กที่เป็นปราสาทเป่าลมถูกลมแรงพัดลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าในวันฉลองจบการศึกษาที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐแทสเมเนีย ทำให้มีเด็กร่วงลงมาเสียชีวิตเพิ่มเป็น 5 ราย รวมถึงประเด็นที่ว่าปราสาทเป่าลมถูกยึดไว้บนพื้นดินหรือไม่ สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า โศกนาฏกรรมดังกล่าวทำให้มีเด็กเสียชีวิต 5 ราย ในจำนวนนี้ มีนักเรียนชาย 3 ราย นักเรียนหญิงวัย 12 ปี 1 ราย และนักเรียนหญิงวัย 11 ปี 1 ราย หลังลมแรงได้พัดปราสาทเป่าลมที่มีเด็ก ๆ กำลังเล่นอยู่ข้างในลอยขึ้นไปในอากาศสูงถึง 10 เมตรที่โรงเรียนในเมืองเดวอนพอร์ตที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐแทสเมเนีย นอกจากนี้ ยังมีเด็กอีก 3 คนที่ยังคงรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในโรงพยาบาล นายปีเตอร์ กัตไวน์ มุขมนตรีรัฐแทสเมเนีย กล่าวในวันนี้ว่า โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นเรื่องยากที่จะทำใจยอมรับได้ และเป็นเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจและหดหู่อย่างยิ่ง ขณะที่ตำรวจออสเตรเลียระบุว่า จะดำเนินการสืบสวนว่าปราสาทเป่าลมถูกลมพัดลอยขึ้นไปในอากาศสูงแค่ไหน เด็กที่บาดเจ็บทั้งหมดกำลังเล่นอยู่ข้างในปราสาทลมหรือไม่ รวมถึงทิศทางลมด้วย.-สำนักข่าวไทย

ไต้ฝุ่น “ราอี” อ่อนกำลังหลังพัดถล่มฟิลิปปินส์

มะนิลา 17 ธ.ค. – พายุไต้ฝุ่นราอี ซึ่งเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุดลูกหนึ่งในปีนี้ที่ขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์ ได้อ่อนกำลังลงหลังพัดถล่มหลายพื้นที่ทางภาคกลางและภาคใต้ของประเทศ และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานวันนี้ว่า อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นราอีที่ทวีกำลังเป็นพายุรุนแรงระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อวานนี้ ทำให้เสาไฟฟ้าและเสาโทรคมนาคมหักโค่น บ้านเรือนได้รับความเสียหาย และประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ในขณะที่พายุดังกล่าวได้พัดผ่านพื้นที่หมู่เกาะวิซายัสและเกาะปาลาวันที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของฟิลิปปินส์ ขณะที่เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศของฟิลิปปินส์เผยกับสถานีวิทยุท้องถิ่นว่า ไต้ฝุ่นราอีได้อ่อนกำลังลงในขณะที่พัดผ่านภูเขาหลายลูกบนเกาะวิซายัส อย่างไรก็ดี ทางการฟิลิปปินส์ยังคงประกาศแจ้งเตือนภัยจากพายุที่มีความรุนแรงระดับ 3 และ 4 ในบางพื้นที่บนเกาะวิซายัสที่ยังคงมีกระแสลมแรง ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์รายงานว่า พบผู้เสียชีวิต 1 รายที่มีความเชื่อมโยงกับพายุไต้ฝุ่นราอี แต่ยังไม่ได้รับรายละเอียดเพิ่มเติม ทรอปิคอล สตอร์ม ริสก์ (Tropical Strom Risk) เว็บไซต์ติดตามสถานะพายุ ระบุว่า ไต้ฝุ่นราอี ซึ่งมีความเร็วลมสูงสุดถึง 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก่อนขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์เมื่อวานนี้ ได้ลดความรุนแรงลงเป็นพายุระดับ 3 แล้ว และคาดว่าจะเคลื่อนตัวออกจากฟิลิปปินส์ผ่านทางจังหวัดปาลาวันภายในวันเสาร์นี้ ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดโบโฮลของฟิลิปปินส์ได้ออกมาเรียกร้องความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางผ่านสถานีวิทยุท้องถิ่น เนื่องจากจังหวัดโบโฮลกำลังประสบปัญหาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม.-สำนักข่าวไทย

เด็กออสเตรเลียตกจากปราสาทเป่าลมที่ถูกลมแรงพัด ตาย 4 ราย

แทสเมเนีย 16 ธ.ค. – เครื่องเล่นเด็กที่เป็นปราสาทเป่าลมถูกกระแสลมแรงพัดลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าในวันฉลองจบการศึกษาที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในรัฐแทสมาเนีย ทางตอนใต้ของออสเตรเลีย ทำให้มีเด็กร่วงลงมาเสียชีวิต 4 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 4 คน เจ้าหน้าที่ของเมืองเดวอนพอร์ตในรัฐแทสเมเนียเผยวันนี้ว่า มีเด็กชาย 2 รายและเด็กหญิง 2 รายที่เรียนอยู่ในชั้นปีสุดท้ายของโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองเดวอนพอร์ตเสียชีวิตหลังจากร่วงตกลงมาจากเครื่องเล่นเด็กที่เป็นปราสาทเป่าลมขนาดใหญ่และเป็นสไลเดอร์ขนาดยักษ์ที่ถูกกระแสลมแรงพัดลอยสู่ท้องฟ้าสูงราว 10 เมตรเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลา 06.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ขณะที่เด็กอีก 5 คนถูกส่งตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลแล้ว ในจำนวนนี้ มีเด็ก 4 คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะนี้ ยังไม่มีข้อมูลยืนยันแน่ชัดว่าเพราะเหตุใดเครื่องเล่นดังกล่าวจึงลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เจ้าหน้าที่คาดว่าเด็กที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บมีอายุ 10-11 ปี ในขณะเดียวกัน นายปีเตอร์ กัตไวน์ มุขมนตรีรัฐแทสเมเนีย กล่าวว่า เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่น่าตกใจเช่นนี้ และให้คำมั่นว่าจะดำเนินการสืบสวนอุบัติเหตุดังกล่าวอย่างถี่ถ้วน ขณะที่นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าเศร้าใจและหดหู่อย่างยิ่ง เขารู้สึกใจสลายที่ในวันนี้เด็ก ๆ ควรได้ใช้เวลาสนุกสนานร่วมกับครอบครัว แต่กลับจบลงด้วยโศกนาฏกรรมดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

รถบรรทุกน้ำมันระเบิดในเฮติ ตายเพิ่มเป็น 75 ราย

แคป-เฮเตียน 15 ธ.ค. – เหตุรถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำและระเบิดในเฮติมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 75 ราย ขณะที่แพทย์เฮติกำลังเร่งรักษาผู้บาดเจ็บจำนวนมากที่แห่เข้าไปรุมตักน้ำมันจากรถคันดังกล่าว สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบศพผู้เสียชีวิต 61 รายหลังเกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำและระเบิดในเมืองแคป-เฮเตียน ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเฮติ เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหลักของเมืองแคป-เฮเตียนเผยว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 14 รายในขณะที่เข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้พยายามช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่โรงพยาบาลมีขีดความสามารถไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้บาดเจ็บจำนวนมากขนาดนี้ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า ปัญหาขาดแคลนน้ำมันในเฮติทำให้ประชาชนขาดความระมัดระวังและไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันด้านน้ำมันเชื้อเพลิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุรถบรรทุกน้ำมันระเบิดครั้งใหญ่เมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ทำให้อาคารบ้านเรือน ร้านค้า รถยนต์ และรถจักรยานยนต์เสียหายเป็นจำนวนมาก ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า รถบรรทุกน้ำมันคันดังกล่าวประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำหลังคนขับพยายามหักหลบรถจักรยานยนต์ และมีชาวเฮติจำนวนหนึ่งมารุมตักน้ำมันจากรถบรรทุก แม้คนขับจะเตือนไม่ให้ทุกคนเข้าใกล้รถจนกระทั่งเกิดเหตุระเบิดรุนแรงในเวลาต่อมา.-สำนักข่าวไทย

เรือพลิกคว่ำนอกชายฝั่งมาเลเซีย เสียชีวิต 10 ราย

กัวลาลัมเปอร์ 15 ธ.ค. – เรือเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำนอกชายฝั่งใกล้ชายหาดของเมืองตันจัง บาเลา ในรัฐยะโฮร์ของมาเลเซีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตที่คาดว่าเป็นแรงงานต่างชาตินอกระบบ 10 รายลอยเกยหาด และมีผู้สูญหายอีก 29 คน โฆษกหน่วยดับเพลิงและกู้ภัยของรัฐยะโฮร์ระบุว่า เรือดังกล่าวบรรทุกผู้โดยสาร 60 คนก่อนประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ และมีผู้พบเห็นเรือลอยอยู่นอกชายฝั่งของเมืองตันจัง บาเลา ราว 20 เมตรเมื่อเวลา 07.40 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โฆษกคนดังกล่าวระบุว่า พบศพผู้เสียชีวิตถูกคลื่นพัดมาเกยหาด 10 ราย เป็นผู้หญิง 4 ราย และผู้ชาย 6 ราย แต่สามารถช่วยชีวิตผู้โดยสารบนเรือไว้ได้ 21 คน และยังมีผู้สูญหายอีก 29 คน ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังเร่งปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตต่อไป ในขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเลของมาเลเซีย หรือเอ็มเอ็มอีเอ เผยว่า คาดว่าผู้โดยสารบนเรือลำดังกล่าวลักลอบเข้ามาในน่านน้ำมาเลเซียโดยผิดกฎหมายก่อนที่เรือประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ เนื่องจากสภาพอากาศย่ำแย่ ทั้งนี้ เขาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของเอ็มเอ็มอีเอลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อช่วยค้นหาผู้สูญหายอีก 29 คนแล้ว.-สำนักข่าวไทย

1 7 8 9 10 11 35
...