ชัวร์ก่อนแชร์: ภูมิคุ้มกันธรรมชาติดีกว่าวัคซีน จริงหรือ?

6 เมษายน 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Factcheck.org (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


  1. เป็นการอ้างผลวิจัยก่อนการระบาดของไวรัสโอไมครอน และก่อนการอนุมัติการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
  2. งานวิจัยเบื้องต้นหลายชิ้นยืนยันว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันการติดเชื้อดีกว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทางสื่อโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกา โดย แรนด์ พอล วุฒิสมาชิกรัฐเคนตักกี จากพรรครีพับลิกัน ให้สัมภาษณ์กับรายการข่าว Fox News เพื่อยืนยันว่าภูมิธรรมชาติจากการติดเชื้อโควิด 19 มีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อที่ดีกว่าการฉีดวัคซีน โดยอ้างผลการศึกษาของหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC)

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


เป็นจริงที่ว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติมีประสิทธิผลป้องกันติดเชื้อโควิด 19 มากกว่าการฉีดวัคซีนในยุคที่ไวรัสเดลต้าระบาด แต่ในยุคที่ไวรัสโอไมครอนซึ่งมีคุณสมบัติหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันเริ่มระบาดตั้งแต่ปลายปี 2021 ผู้เชี่ยวชาญต่างยืนยันว่าการฉีดวัคซีนบูสเตอร์เป็นเข็มที่ 3 สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ดีกว่าการมีภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

ดีพทา พัททาชาร์ยา นักภูมิคุ้มกันวิทยา จากมหาวิทยาลัย University of Arizona อธิบายว่าระดับภูมิคุ้มกันขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัส ก่อนการระบาดของไวรัสเดลต้า ระดับของภูมิคุ้มกันจากวัคซีนและภูมิคุ้มกันธรรมชาติจากการติดเชื้อแทบไม่มีความแตกต่างกัน แต่ในยุคที่ไวรัสเดลต้าระบาด ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติจากการติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน จะมีระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ชนิด mRNA ครบ 2 โดส แม้จะไม่เท่ากับการฉีดเข็มกระตุ้นก็ตาม

แต่ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนครบ 2 โดสหรือเคยติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์เดลต้าหรือสายพันธุ์ไหนๆ มาก่อน ภูมิคุ้มกันก็ไม่เพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการจากไวรัสโอไมครอนไปได้ เนื่องจากโอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างจากโควิด 19 สายพันธุ์อื่นๆ กระนั้น การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 หรือการฉีดวัคซีนหลังการติดเชื้อโควิด 19 จะช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโอไมครอนได้อย่างดี โดยเฉพาะป้องกันการป่วยหนักจากการติดเชื้อ

ข้อมูลที่ แรนด์ พอล อ้างว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 ดีกว่าวัคซีน นำมาจากผลวิจัยของ CDC ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 19 มกราคมปี 2022 ซึ่งเป็นการสำรวจการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด 19 ของประชากรในรัฐนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนีย ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2021 โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนปี 2021 พบว่าอัตราการเสียชีวิตจากโควิด 19 ในนิวยอร์กและแคลิฟอร์เนียคิดเป็นอัตราการเสียชีวิตถึง 1 ใน 6 ของสหรัฐอเมริกา

รายงานพบว่ากลุ่มที่รักษาตัวในโรงพยาบาลมากที่สุด ได้แก่ผู้ไม่ฉีดวัคซีนและไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ไวรัสเดลต้ายังไม่แพร่ระบาด กลุ่มผู้ที่ฉีดวัคซีนได้รับการป้องกันดียิ่งกว่ากลุ่มผู้ติดเชื้อแล้วฉีดวัคซีน และเป็นช่วงที่พบว่าอัตราการติดเชื้อและรักษาตัวในโรงพยาบาลของกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประชากรกลุ่มอื่นๆ

แต่ในช่วงเดือนตุลาคมที่ไวรัสเดลต้าระบาดในสหรัฐฯ กลุ่มคนที่เคยติดเชื้อโควิด 19 กลับมีอัตราการติดเชื้อเดลต้าต่ำกว่ากลุ่มคนที่ฉีดวัคซีน เนื่องจากเป็นช่วงที่ประสิทธิผลของวัคซีนเริ่มลดลงและไวรัสเดลต้ามีคุณสมบัติหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้า

ผลสำรวจการติดเชื้อในรอบสัปดาห์เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมปี 2021 พบว่าเมื่อเทียบกับอัตราการติดเชื้อของกลุ่มผู้ไม่ฉีดวัคซีนและไม่เคยติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน กลุ่มผู้ฉีดวัคซีนและไม่เคยติดเชื้อมาก่อนในแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก ติดเชื้อโควิด 19 น้อยกว่า 6 เท่าและ 5 เท่า ส่วนกลุ่มผู้ไม่ฉีดวัคซีนและเคยติดเชื้อมาก่อนในแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก ติดเชื้อโควิด 19 น้อยกว่า 29 เท่าและ 15 เท่า ส่วนกลุ่มผู้ฉีดวัคซีนและเคยติดเชื้อมาก่อนซึ่งมีภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า Hybrid Immunity ทั้งในแคลิฟอร์เนียและนิวยอร์ก ต่างติดเชื้อโควิด 19 น้อยกว่าถึง 33 เท่าและ 20 เท่า

ผลการสำรวจแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของภูมิคุ้มกันธรรมชาติ แต่ผลสำรวจดังกล่าวยังไม่ได้ศึกษาถึงประสิทธิผลที่ภูมิคุ้มกันธรรมชาติมีต่อไวรัสโอไมครอน และยังไม่มีการเปรียบเทียบกับภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอีกด้วย

งานวิจัยเบื้องต้นจากนักวิจัยของสถาบัน Ragon Institute โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Harvard University, Massachusetts Institute of Technology และ โรงพยาบาล Massachusetts General Hospital ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นป้องกันการติดเชื้อโอไมครอนได้ดีกว่าภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

โดยงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ที่วารสารการแพทย์ Cell เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมปี 2021 เป็นการศึกษาจากตัวอย่างเลือดของผู้รับวัคซีนโควิด 19 มากกว่า 200 ราย พบว่าผู้ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นชนิด mRNA จะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ต่อไวรัสโอไมครอนต่ำกว่าไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ดั้งเดิมเพียงเล็กน้อย

อเลฮานโดร บาลาซ์ส นักวิจัยหลักจากสถาบัน Ragon Institute ซึ่งศึกษาการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโอไมครอนและโควิด 19 สายพันธุ์อื่นๆ ยืนยันว่ากลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ชนิด mRNA 3 เข็ม และไม่เคยติดเชื้อโควิด 19 มาก่อน มีระดับแอนติบอดีสูงกว่ากลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติหรือคนที่เคยติดเชื้อแล้วไปฉีดวัคซีน mRNA 2 เข็มอีกด้วย จึงไม่มีเหตุผลที่ผู้คนจะพยายามไปติดเชื้อเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันธรรมชาติ

ดร.วิลเฟรโด การ์เซีย เบลทราน นักวิจัยจากสถาบัน Ragon Institute ชี้แจงว่าผู้ที่ได้ฉีดวัคซีนจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์สูงกว่าคนที่เคยติดเชื้อโควิด 19 และไม่เคยฉีดวัคซีน โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อและมีอาการไม่รุนแรงจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ที่ต่ำมาก

ผลการศึกษาของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Rockefeller University ซึ่งผ่านการพิชญพิจารณ์ (Peer Review) หรือการประเมินความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิชาการ และตีพิมพ์ทางวารสาร New England Journal of Medicine เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมปี 2021 บรรยายถึงการศึกษาพลาสม่าจากกลุ่มตัวอย่าง 47 คน ซึ่งพบว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด 19 ครบ 2 โดสหรือผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด 19 แทบจะไม่มีแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อโอไมครอน แต่กลุ่มที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นชนิด mRNA เป็นเข็มที่ 3 หรือกลุ่มที่เคยติดเชื้อโควิด 19 แล้วฉีดวัคซีน จะมีแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ในระดับสูง

พอล บีเนียสซ์ นักไวรัสวิทยาและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Rockefeller University ชี้แจงว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไม่เพียงกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันที่ลดลงหลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แต่ยังยกระดับการทำงานของแอนติบอดีและเซลล์ความทรงจำในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการติดเชื้อ แม้กับสายพันธุ์ที่ร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกันมาก่อน

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเบื้องต้นที่ศึกษาระดับภูมิคุ้มกันธรรมชาติที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโอไมครอนอีกด้วย

งานวิจัยของ Africa Health Research Institute ในประเทศแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นผลงานก่อนการตีพิมพ์ (Preprint) ได้ศึกษาพลาสม่าจากกลุ่มตัวอย่าง 15 คน โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ฉีดวัคซีนและไม่ฉีดวัคซีน โดยคนทั้งสองกลุ่มต่างติดเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์โอไมครอน ซึ่้งผู้วิจัยพบว่าระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ต่อไวรัสโอไมครอนและเดลต้าจะเพิ่มขึ้นหลังผู้ติดเชื้อแสดงอาการไปจนถึง 2 สัปดาห์หลังติดเชื้อ ซึ่งผลการศึกษาพบว่ากลุ่มผู้ฉีดวัคซีนจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ต่อไวรัสเดลต้าที่สูงกว่า ส่วนกลุ่มที่ไม่ฉีดวัคซีนจะมีระดับแอนติบอดี้ชนิดลบล้างฤทธิ์ที่ไม่แน่นอน

ผลการศึกษาของ CDC ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 21 มกราคมปี 2022 ซึ่งเป็นการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนต่อการป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโอไมครอนใน 10 รัฐของสหรัฐฯ โดยพบว่า หลังจากฉีดวัคซีน mRNA เข็มที่ 2 เป็นเวลา 6 เดือนหรือนานกว่านั้น ประสิทธิผลของวัคซีนจะลดลงเหลือ 57% แต่เมื่อฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไปแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วัน ประสิทธิผลของวัคซีนจะเพิ่มขึ้นถึง 90% และยังพบว่ากลุ่มผู้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมีอัตราการติดเชื้อโควิด 19 ต่ำกว่ากลุ่มผู้ไม่ฉีดวัคซีนและกลุ่มผู้ฉีดวัคซีน 2 เข็มอีกด้วย

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.factcheck.org/2022/01/scicheck-studies-show-boosted-immunity-against-omicron-with-booster-doses/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยึดรถบอสดิไคอน

ตำรวจยึดรถ “บอสพอล-บอสกันต์” เพิ่มเติมรวม 4 คัน

ตำรวจยึดรถ “บอสพอล-บอสกันต์” เพิ่มเติมรวม 4 คัน ขณะที่พนักงานสอบสวนชุดเล็กประชุมสรุปรายงานผลการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เตรียมรายงานคณะทำงานชุดใหญ่พรุ่งนี้

ระเบิดสะพานโจร

“ระเบิดสะพานโจร” ทำลายสายส่งเคเบิลขนาดใหญ่ ลักลอบพาดสายบนสะพานข้ามโขง

กสทช. จับมือตำรวจ สานต่อยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” ทำลายสายส่งเคเบิลขนาดใหญ่ ลักลอบพาดสายบนสะพานข้ามโขง อย่างอุกอาจ เอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ว.วชิรเมธี

พระพยอมชี้ ท่าน ว.วชิรเมธี นั่งบนหิมะ ไม่ผิดวินัยสงฆ์

เพจดังลงภาพท่าน ว.วชิรเมธี นั่งสมาธิบนหิมะที่ญี่ปุ่น ด้านพระพยอมชี้ ไม่ผิดวินัยสงฆ์ คิดว่าท่าน ว.วชิรเมธี คงอยากทดสอบความอดทน

ข่าวแนะนำ

ต่างชาติประทับใจซ้อมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

วันนี้มีการซ้อมใหญ่เสมือนจริง ครั้งที่ 2 ขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งไม่เพียงแต่คนไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ประทับใจกับความงดงาม

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” ยันไม่ปล่อยผ่านคดีตากใบ เร่งตามผู้ต้องหาก่อนหมดอายุความ

ผบ.ตร.เผยคดีตากใบ เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาก่อนหมดอายุความ เข้าตรวจค้น 29 ครั้ง เฝ้าจุดระวังติดตามกว่า 180 ครั้ง ยันไม่ปล่อยผ่าน