ชัวร์ก่อนแชร์: ฉีดวัคซีนซ้ำๆ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า จริงหรือ?

5 เมษายน 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Factcheck.org (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ข้อมูลเท็จ

บทสรุป:


  1. ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า จะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์หยุดการทำงานหลังถูกกระตุ้นด้วยแอนติเจนของเชื้อโรคอย่างต่อเนื่อง
  2. แต่การฉีดวัคซีนตามช่วงเวลาที่กำหนดไม่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้าแต่อย่างใด

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จที่อ้างว่าการฉัดวัคซีนซ้ำๆ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้าเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา โดย บิล มาร์ ดาวตลกและพิธีกรชาวอเมริกัน ให้สัมภาษณ์กับทางเว็บไซต์ Deadline ว่าการฉีดวัคซีนซ้ำๆ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า โดยอ้างงานวิจัยจากประเทศอิสราเอลที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ New York Times จนสื่อที่เผยแพร่แนวติดต่อต้านวัคซีนนำข้อความไปแชร์ต่อในวงกว้าง ส่วนเว็บไซต์ Children’s Health Defense ของ โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ นักเคลื่อนไหวต่อต้านวัคซีน ก็อ้างว่าองค์การยาของสหภาพยุโรป (EMA) ยอมรับในแถลงการณ์ว่า การฉีดวัคซีนซ้ำๆ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้าเช่นเดียวกัน

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


บทความจากหนังสือพิมพ์ New York Times เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมปี 2021 มีรายงานเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้าจากการฉีดวัคซีนซ้ำๆ ซึ่งประเด็นเริ่มมาจากการตั้งข้อสงสัยโดยสมาชิกบางรายในคณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนของรัฐบาลอิสราเอล ระหว่างการหารือเรื่องความเหมาะสมในการออกนโยบายฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 4 ให้กับประชาชน

อย่างไรก็ดี ดร.ทาล บรอช นิสสิมอฟ สมาชิกคณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนของอิสราเอลชี้แจงว่า ผู้เชี่ยวชาญที่ตั้งข้อสงสัยดังกล่าวไม่ใช่สมาชิกที่ร่วมกำหนดนโยบายของคณะที่ปรึกษา พวกเขานำเรื่องดังกล่าวไปพูดกับสื่อ แล้วจึงมาหารือกับคณะที่ปรึกษาในภายหลัง ซึ่งดร.ทาล บรอช นิสสิมอฟ มองว่า ปัจจุบันยังไม่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันได้ว่าการฉีดวัคซีนซ้ำๆ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า

ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า (immune system fatigue) ยังมีความหมายที่คลุมเครือ เนื่องจากไม่ใช่ศัพท์เทคนิกทางการแพทย์ ความหมายที่ใกล้เคียงคือความอ่อนล้าของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ (T cell exhaustion) ซึ่งเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทีเซลล์ซึ่งทำหน้าที่ตรวจหาและกำจัดแอนติเจนของเชื้อโรค ความอ่อนล้าของทีเซลล์จะทำให้ทีเซลล์หยุดการทำงานหรือทำงานผิดปกติ หลังจากถูกกระตุ้นด้วยแอนติเจนอย่างต่อเนื่อง ทั้งแอนติเจนจากไวรัสหรือเนื้องอก

เอ็ดเวิร์ด จอห์น แวร์รี ที่ 3 นักภูมิคุ้มกันวิทยาจากมหาวิทยาลัย University of Pennsylvania ผู้ศึกษาปรากฏการณ์ความอ่อนล้าของทีเซลล์อธิบายว่า T cell exhaustion จะเกิดขึ้นเมื่อการกระตุ้นจากแอนติเจนเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดพัก เช่นที่เกิดกับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่นไวรัสตับอักเสบซีหรือไวรัส HIV หรือในกรณีของผู้ป่วยมะเร็งที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถควบคุมหรือกำจัดแอนติเจนจากเนื้อร้ายได้

แต่จอห์น แวร์รี ยืนยันว่าการฉีดวัคซีนซ้ำๆ ตามช่วงเวลาที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นการฉีดวัคซีนประจำปี หรือแม้แต่ฉีดวัคซีนทุก 4 เดือน จะไม่ก่อให้เกิดความอ่อนล้าในระบบภูมิคุ้มกัน และไม่มีหลักฐานว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมีส่วนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเกิดความอ่อนล้า เหมือนที่หนังสือพิมพ์ New York Times รายงาน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบว่า ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันอ่อนแอที่ติดเชื้อโควิด 19 จนป่วยโควิดเรื้อรังเป็นเวลาหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน อาจทำให้ภูมิคุ้มกันเกิดการอ่อนล้าได้ ดังนั้นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นน่าจะเป็นการป้องกันการอ่อนล้าของระบบภูมิคุ้มกันได้อีกทางหนึ่ง

สิ่งที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนถี่เกินไป คือการได้รับประสิทธิผลจากวัคซีนลดลง

ฟรานเซส อี. ลุนด์ ผู้อำนวยการสถาบันภูมิคุ้มกันวิทยา มหาวิทยาลัย University of Alabama ชี้แจงว่า หากฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถี่เกินไป เช่นฉีดทุกหนึ่งเดือน จะไม่ก่อให้เกิดการอ่อนล้าของระบบภูมิคุ้มกัน แต่จะทำให้การฉีดวัคซีนไม่ได้ผลเต็มที่ เนื่้องจาก mRNA ซึ่งเป็นโปรตีนของไวรัสจะถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว จึงไม่ช่วยให้การฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เพียงพอ การฉีดวัคซีนถี่เกินไปจึงไม่ช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคเพิ่มขึ้น แต่ย้ำว่าระยะห่างในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นเวลา 4 ถึง 6 เดือน ถือเป็นระยะห่างที่เหมาะสม และไม่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเกิดความอ่อนล้าหรือไม่ตอบสนองต่อแอนติเจนแต่อย่างใด

ส่วนข้ออ้างของ Children’s Health Defense ที่บอกว่าองค์การยาของสหภาพยุโรป (EMA) เตือนเรื่องการฉีดวัคซีนซ้ำๆ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้า เป็นการบิดเบือนความเห็นของ มาร์โค คาวาเลรี หัวหน้าฝ่ายวางแผนวัคซีนของ EMA ที่แสดงความกังวลว่า หากมีการกำหนดให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถี่เกินไป เช่นฉีดทุกๆ 4 เดือน อาจจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองไม่ดีเท่าที่คาดหวัง เนื่องจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นกระชั้นเกินไป จะทำให้การกระตุ้นระดับแอนติบอดีในการฉีดวัคซีนแต่ละครั้งลดต่ำลง

โฆษกของ EMA ชี้แจงว่า มาร์โค คาวาเลรี ให้ความเห็นว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นถี่เกินไปอาจทำให้ประสิทธิผลของวัคซีนลดลง ไม่ได้บอกว่าระบบภูมิคุ้มกันจะอ่อนล้าลง และมาร์โค คาวาเลรียังสนับสนุนให้ชาวยุโรปเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด 19 เข็มที่ 3 อีกด้วย

แม้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนล้าจากการฉีดวัคซีนจะไม่ใช่สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กังวล แต่ปัญหาที่ยังเป็นที่ถกเถียงคือ จำนวนการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ที่เหมาะสมควรอยู่ที่จำนวนกี่เข็ม

ประเทศอิสราเอลอนุมัติการฉีดวัคซีน Pfizer/BioNTech เข็มที่ 4 ให้กับประชานกลุ่มเสี่ยง แต่รัฐบาลหลายประเทศและนักวิทยาศาสตร์อีกหลายคนยังคิดว่าเร็วเกินไปที่จะประกาศให้มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 2 ยกเว้นผู้ป่วยที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง

จอห์น แวร์รี ชี้แจงว่าสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือประโยชน์และความเสี่ยง เพราะความสำคัญของวัคซีนเข็มที่ 4 น้อยกว่าวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 อย่างมาก โดยเฉพาะกับหนุ่มสาวที่มีสุขภาพแข็งแรง เพราะประโยชน์ของการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 คือการลดตัวเลขผู้ติดเชื้อและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่การฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 คือการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากการติดเชื้อ จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงประโยชน์ของวัคซีนที่ต้องแลกกับอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4

ข้อสันนิฐานที่ จอห์น แวร์รี มีต่อวัคซีนเข็มกระตุ้น คือวัคซีนที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งโดยเฉพาะ (immune imprinting) เมื่อฉีดไปมากๆ อาจทำให้ร่างกายลดประสิทธิภาพในการสร้างแอนติบอดีเพื่อรับมือกับไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ในอนาคต โดยยกตัวอย่างว่า หากอนาคตมีการผลิตวัคซีนสำหรับสายพันธุ์โอไมครอนโดยเฉพาะได้สำเร็จ การฉีดวัคซีนชนิดนั้นๆ ซ้ำๆ อาจทำให้ร่างกายขาดความสามารถในการปรับตัวเมื่อต้องเผชิญกับสายพันธุ์ที่คล้ายกับไวรัสเดลต้าซึ่งอาจแพร่ระบาดในอนาคต แม้จะเป็นข้อสันนิฐานที่ยังไม่มีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม

จอห์น แวร์รี ย้ำว่าตนเองสนับสนุนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือโดสที่ 3 เนื่องจากธรรมชาติของวัคซีน mRNA มักจะได้ผลเมื่อฉีดครบ 3 โดส แต่การฉีดวัคซีน mRNA เป็นเข็มที่ 4 ยังจำเป็นต้องศึกษาประโยชน์และความเสี่ยงต่อไป ปัจจัยขึ้นอยู่กับอัตราการแพร่เชื้อในสังคม, การอุบัติของสายพันธุ์ที่น่ากังวล รวมถึงการผลิตวัคซีนที่กระตุ้นประสิทธิภาพของเซลล์ความทรงจำชนิดทีเซลล์และบีเซลล์ มากกว่าให้ความสำคัญกับระดับแอนติบอดีเท่านั้น

ข้อมูลจากหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) เมื่อเดือนธันวาคมปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่ไวรัสโอไมครอนเริ่มแพร่ระบาดในสหรัฐฯ พบว่าชาวอเมริกันอายุ 50 ปีขึ้นไปที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีน มีอัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะติดเชื้อโควิด 19 มากกว่าคนที่ฉีดวัคซีน 2 โดสถึง 18 เท่า

สำหรับผู้ไม่ฉีดวัคซีนที่มีอายุระหว่าง 50 ถึง 64 ปี ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่าผู้ฉีดวัคซีน 3 โดสถึง 46 เท่า ส่วนผู้ไม่ฉีดวัคซีนอายุมากกว่า 65 ปี ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่าคนที่ฉีดวัคซีน 3 โดสถึง 52 เท่า

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.factcheck.org/2022/02/scicheck-covid-19-booster-enhances-protection-contrary-to-immune-fatigue-claims/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยึดรถบอสดิไคอน

ตำรวจยึดรถ “บอสพอล-บอสกันต์” เพิ่มเติมรวม 4 คัน

ตำรวจยึดรถ “บอสพอล-บอสกันต์” เพิ่มเติมรวม 4 คัน ขณะที่พนักงานสอบสวนชุดเล็กประชุมสรุปรายงานผลการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เตรียมรายงานคณะทำงานชุดใหญ่พรุ่งนี้

ระเบิดสะพานโจร

“ระเบิดสะพานโจร” ทำลายสายส่งเคเบิลขนาดใหญ่ ลักลอบพาดสายบนสะพานข้ามโขง

กสทช. จับมือตำรวจ สานต่อยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” ทำลายสายส่งเคเบิลขนาดใหญ่ ลักลอบพาดสายบนสะพานข้ามโขง อย่างอุกอาจ เอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ว.วชิรเมธี

พระพยอมชี้ ท่าน ว.วชิรเมธี นั่งบนหิมะ ไม่ผิดวินัยสงฆ์

เพจดังลงภาพท่าน ว.วชิรเมธี นั่งสมาธิบนหิมะที่ญี่ปุ่น ด้านพระพยอมชี้ ไม่ผิดวินัยสงฆ์ คิดว่าท่าน ว.วชิรเมธี คงอยากทดสอบความอดทน

ข่าวแนะนำ

ต่างชาติประทับใจซ้อมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

วันนี้มีการซ้อมใหญ่เสมือนจริง ครั้งที่ 2 ขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งไม่เพียงแต่คนไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ประทับใจกับความงดงาม

“พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” ยันไม่ปล่อยผ่านคดีตากใบ เร่งตามผู้ต้องหาก่อนหมดอายุความ

ผบ.ตร.เผยคดีตากใบ เร่งติดตามตัวผู้ต้องหาก่อนหมดอายุความ เข้าตรวจค้น 29 ครั้ง เฝ้าจุดระวังติดตามกว่า 180 ครั้ง ยันไม่ปล่อยผ่าน