ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีนโควิดป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ จึงไม่นับเป็นวัคซีน จริงหรือ?

31 มีนาคม 2565
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Science Feedback (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ

ประเภทข่าวปลอม: พิสูจน์ไม่ได้

บทสรุป:

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนชนิดไหนป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ 100%
แต่วัคซีนสามารถยับยั้งและยุติการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางเว็บไซต์ในสหรัฐอเมริกา โดย ไมเคิล แมคเคนนา คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ Washington Times แสดงความเห็นโจมตีวัคซีนโควิด 19 ทางเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์เมื่อวันที่ 5 มกราคมปี 2022 โดยอ้างว่าหน้าที่ของวัคซีนคือการป้องกันการติดเชื้อและแพร่เชื้อ ดังนั้นวัคซีนโควิด 19 ที่ฉีดกันตลอดทั้งปีที่ผ่านมาไม่นับเป็นวัคซีน เป็นแค่การรักษาเชิงป้องกัน เพราะไม่สามารถยับยั้งการติดเชื้อและแพร่เชื้อได้

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:

ความหมายของวัคซีนตามนิยามของ แอนดรูว์ โพลลาร์ด และ เอลเซ่ เบเกอร์ จากคณะวิจัย Oxford Vaccine Group ที่ตีพิมพ์ทางวารสาร Nature Reviews Immunology ระบุว่าวัคซีนคือผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันอย่างปลอดภัย สำหรับป้องกันการติดเชื้อและ/หรือป้องกันการป่วยจากการสัมผัสกับเชื้อโรค

นิยามดังกล่าว คล้ายคลึงกับการทำงานของวัคซีนโควิด 19 ที่ใช้ส่วนหนึ่งของไวรัสโควิด 19 หรือชุดคำสั่งสำหรับผลิตโปรตีนของไวรัสโควิด 19 เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้เรียนรู้การรับมือจากการติดเชื้อโควิด 19 ในอนาคต ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันที่ปลอดภัยมากกว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อโควิด 19 โดยตรง

ข้อมูลของหน่วยงานป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่าในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคมปี 2021 ผู้ไม่ฉีดวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อสูงกว่า 5 เท่าและมีโอกาสรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากโควิด 19 สูงกว่า 10 เท่า ส่วนการติดเชื้อของผู้ที่ฉีดวัคซีน อาการป่วยจะน้อยกว่าผู้ไม่ฉีดวัคซีนอย่างมาก

แม้การอุบัติของไวรัสโอไมครอนซึ่งสามารถหลบเลี่ยงระบบภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ทำให้คนที่ฉีดวัคซีนกลับมาติดเชื้อเป็นจำนวนมาก แต่ประสิทธิผลของวัคซีนยังคงอยู่

ข้อมูลจากรัฐนิวยอร์กพบว่า ในช่วงเดือนธันวาคมที่ไวรัสโอไมครอนเริ่มแพร่ระบาดในสหรัฐฯ จำนวนการติดเชื้อโควิด 19 หลังฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า การรักษาโควิด 19 ในโรงพยาบาลหลังฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แต่ผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีนยังมีความเสี่ยงติดเชื้อมากกว่า 6 เท่า และเสี่ยงรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่า 14 เท่า เมื่อเทียบกับคนที่ฉีดวัคซีน

การโจมตีว่าวัคซีนโควิด 19 ไม่ใช่วัคซีนเพราะมีคนติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนเป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะวัคซีนส่วนใหญ่ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100%

ซาราห์ แคดดี นักวิจัยด้านภูมิคุ้มกันวิทยาและไวรัสวิทยา จากมหาวิทยาลัย University of Cambridge อธิบายผ่านบทความของเว็บไซต์ The Conversation ว่าภูมิคุ้มกันที่ป้องกันการติดเชื้อ 100% คือ Sterilizing Immunity หรือภูมิคุ้มกันขั้นสมบูรณ์ ซึ่งร่างกายสามารถหยุดการแบ่งตัวของไวรัสหรือการเข้าสู่เซลล์โดยสิ้นเชิง แต่วัคซีนส่วนใหญ่ที่ใช้ในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิผลถึงขั้นนั้น และเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะมีวัคซีนชนิดไหนสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้อย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ดี แม้วัคซีนส่วนใหญ่จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้ออย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถยับยั้งการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นวัคซีนโรตาไวรัส ช่วยลดการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโรตาไวรัสได้ถึง 90% ส่วนวัคซีนโปลิโอที่แม้ประสิทธิผลจะไม่ถึง 100% แต่ก็ช่วยให้การแพร่ระบาดของโรคโปลิโอแทบจะหมดไปจากโลกในปัจจุบัน

ข้อมูลอ้างอิง:

https://healthfeedback.org/claimreview/contrary-to-claim-in-washington-times-oped-covid-19-shots-meet-definition-of-vaccine-michael-mckenna/