DSI จ่อออกหมายเรียก 40 วิศวกรสอบปากคำ คดีตึก สตง.ถล่ม

ศูนย์ราชการ 24 เม.ย.-DSI เผยคดีนอมินี ตึก สตง. พบเอกสารแก้ไขแบบก่อสร้างรวม 9 ครั้ง เตรียมออกหมายเรียก 40 วิศวกรสอบปากคำ เริ่ม 28 เม.ย.นี้ เหตุอาจถูกอ้างชื่อควบคุมงาน ขีดเส้น 30 วัน แก้ข้อกล่าวหา “3 นอมินีไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ” หากไม่ยื่นเอกสารชี้แจง ถือว่าสละสิทธิ์

นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีพิเศษที่อยู่ในความสนใจของประชาชน


โดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า สำหรับคดีตึกถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ได้มีผู้มาร้องขอให้ดีเอสไอสอบสวนเป็นคดีพิเศษ ซึ่งขณะนี้ดีเอสไอสอบสวนอยู่ 4 เรื่อง โดยรับไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว 3 เรื่อง คือ 1.ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือนอมินี 2.เรื่องฮั้วประมูล และ 3.เรื่องใบกำกับภาษีปลอมของบริษัทจำหน่ายเหล็ก ขณะที่เรื่องมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (เหล็กตกมาตรฐาน) และเรื่องฝุ่นแดงจากโรงงาน อยู่ระหว่างการสืบสวน ดังนั้น ในคดีพิเศษที่ 32/2568 กรณี คดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด นั้น ดีเอสไอได้สอบสวนและขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องแล้ว 5 หมายจับ คือ 3 กรรมการคนไทยของบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ได้แก่ นายประจวบ (สงวนนามสกุล) นายมานัส (สงวนนามสกุล) นายโสภณ (สงวนนามสกุล) และกรรมการคนจีน คือ นายชวนหลิง จาง ส่วนนิติบุคคล คือ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด นอกจากนี้ ในเรื่องการฮั้วประมูลนั้น ดีเอสไอก็ดูเรื่องของการเสนอราคา ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องรายละเอียด

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า ผู้ต้องหามีสิทธิจะให้การหรือไม่ให้การอย่างไรก็ได้ และคำพูดของเขา เราไม่สามารถใช้ยืนยันอะไรได้มากนัก เรามีหน้าที่รวบรวมหลักฐานอื่น แต่เขาพูดอะไรเราก็รับฟังได้ แต่ถ้าจะต้องดำเนินคดี ขยายผล เราก็ไม่อาจรับฟังเพียงคำให้การของผู้ต้องหาเพียงอย่างเดียว


ด้าน ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ กล่าวว่า ทั้งหมดที่ดีเอสไอได้สืบสวนสอบสวนขยายผล จนจับกุมผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว 4 ราย และ 1 นิติบุคคล ล้วนมีความเกี่ยวพันกันเป็นทอด ๆ จากเรื่องความผิดการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จะขยายไปต่อในเรื่องฮั้วประมูลได้ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ เบื้องต้นเมื่อ 4 ผู้ต้องหาได้เข้าสู่กระบวนการแล้ว ดีเอสไอก็เหลือเวลาเร่งให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันในส่วนของคดีนอมินี ส่วนหลังจากนั้นจะได้นำผลมาดูต่อเนื่องในส่วนของคดีฮั้วประมูล ทั้งนี้ ภายใน 30 วันจะมีผู้ต้องหาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มี แต่เราต้องทำให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา นับจากวันจับกุมผู้ต้องหาคนแรก หากนับจากตรงนี้ก็มีเวลาประมาณ 3 ผัด หรือประมาณ 30 วันโดยประมาณ และภายหลังจากที่ศาลได้อนุญาตปล่อยชั่วคราวทั้ง 4 ราย จากนี้จะมีบางรายที่ต้องชี้แจงเป็นเอกสารเพื่อแก้ข้อกล่าวหาภายใน 30 วัน หรือจะเดินทางมาด้วยตัวเองก็ได้ คือ นายประจวบ นายมานัส และนายโสภณ โดยจะต้องชี้แจงเรื่องที่ไม่ได้ตอบในชั้นสอบสวน ได้แก่ เป็นการถือหุ้นแทนใคร เอาเงินที่ใดมาลงทุน เป็นต้น แต่ถ้าหากไม่ส่งคำชี้แจงก็ถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ ส่วนนายชวนหลิง จาง ได้ให้การไว้ค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่นายจาง ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกบริษัท วีล มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , บริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บอกเพียงว่าเกี่ยวข้องกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เท่านั้น ส่วนกรณีของนายบินลิง วู ตอนนี้เรายังคงดำเนินการสอบสวน โดยไล่ดูกลุ่มบริษัทที่ใกล้ชิดกับเขา ที่มีการใช้ 3 คนไทยไปเป็นกรรมการถือหุ้นเหมือนกัน

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวต่อว่า กรณีที่นายจาง มีการอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจจากจีนมาลงทุนในไทยนั้น ก่อนหน้านี้ได้มีตัวแทนมาพบดีเอสไอแล้ว มีการนำหนังสือรับรองมายืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจของบริษัทโดยที่รัฐถือหุ้น เพื่อมาลงทุนในไทยจริง และยังให้การปฏิเสธเรื่องนอมินี โดยบอกว่ามันคือการที่เขามาลงทุนร่วมกับคนไทย

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวอีกว่า กรณีของบริษัท ไชน่าฯ ที่ได้ประมูลงานโครงการรัฐไปจำนวนมาก และหลายโครงการยังไม่ได้ดำเนินการนั้น จะต้องมีการประสานรัฐบาลยกเลิกสัญญาหรือไม่ เช่น โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา หรือสร้างอาคารพักอาศัยต่าง ๆ นั้น ตนขอเรียนว่าบริษัทได้โครงการรัฐไปทั้งหมด 27 สัญญา แต่ยังไม่ได้มีการประสานเช่นนั้น เพราะต้องสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน ส่วนว่ามีการใช้กลอุบายมาอำพรางตัวเองว่าเป็นคนต่างด้าวหรือไม่ ก็หากชัดเจน เราก็จะได้ประสานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป


ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อมูลที่มีทางตัวแทนของ สตง. เข้ามาชี้แจงกับดีเอสไอนั้น เบื้องต้นมีการประสานขอข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง สตง. ก็ได้มีการทยอยส่งมาแล้ว โดยเราจะดูเรื่องการได้มาซึ่งสัญญาของรัฐ รวมถึงการแก้ไขแบบแปลนด้วย

ส่วนกรณีของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ที่เข้าพบดีเอสไอก่อนหน้านี้เนื่องจากถูกปลอมลายเซ็นและแอบอ้างชื่อควบคุมงานก่อสร้างนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า เราได้สอบถามนายสมเกียรติ 3 ครั้ง โดยให้เขาเข้ามาดูเอกสาร ที่เราไปตรวจค้นได้จากบริษัทผู้ควบคุมงาน ซึ่งได้มีการชี้ว่าเอกสารใดที่ไม่ใช่ของเจ้าตัว แล้วก็ได้ดูเอกสารที่มีการแก้ไข และได้ชี้ว่าส่วนใดไม่ใช่ของเขาบ้าง ซึ่งเราจะได้รวบรวมส่งสถาบันนิติวิทย์ โดยเอกสารที่เราได้ตรวจสอบมี 16 รายการ และอยู่ในแบบแปลน 3-4 รายการ ที่เขาชี้ในเอกสารจากทั้งหมด 12 ลัง แต่ขอดูแค่ 2 ลัง ส่วนว่าใครเป็นผู้ปลอมลายเซ็นและแอบอ้างชื่อนายสมเกียรตินั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนี้ สำหรับบรรดา 51 วิศวกรที่พบว่าอาจเกี่ยวข้องกับการถูกแอบอ้างว่าควบคุมงานตึก สตง.นั้น เราได้ออกหมายเรียกพยานไปแล้ว 40 ราย โดยจะเริ่มสอบสวนปากคำพยานวันที่ 28 เม.ย.นี้ เพื่อถามเรื่องมีการควบคุมงานทิพย์หรือไม่ และตนยังไม่ขอระบุว่าเป็นวิศวกรที่อยู่ในบริษัทหรือกิจการร่วมค้าใด

ส่วนกรณีของนายพิมล เจริญยิ่ง วิศวกรอายุ 85 ปี ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า วานซืนที่ผ่านมา สน.บางซื่อ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ร่วมกันสอบปากคำนายพิมลเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการทำงานร่วมกัน แต่สอบคนละสำนวนกัน ซึ่งเจ้าตัวได้ให้การคร่าวๆ ไว้แล้วว่าเป็นเพียงที่ปรึกษาของบริษัท

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า ตึก สตง. ตามเอกสารพบว่ามีการแก้ไขแบบทั้งหมด 9 ครั้ง แต่ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาจะอยู่ในการแก้ไขแบบครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 4 และครั้งที่ 6 ซึ่งเราจะไปลงรายละเอียดต่อไปว่ามีประเด็นใดบ้าง ส่วนการแก้ไขแบบที่มีปัญหาจริง ๆ คือ การขอแก้ไขครั้งที่ 4 และครั้งที่ 6 ที่ปรากฏชื่อลายเซ็นของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ซึ่งมันมีการแก้ไขเรื่องโครงสร้าง เป็นปัญหาเรื่องปล่องลิฟต์ ตามที่เป็นข่าว

ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค เผยว่า สำหรับการลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เราได้ประสานการปฏิบัติกับพนักงานสอบสวนตำรวจและสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รวมถึงกรมโยธาธิการและผังเมือง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรุงเทพมหานคร เพราะหลังจากตึกถล่ม ในช่วง 10 วันแรกจะเป็นเรื่องของการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ แต่พอได้เข้าพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องแล้ว เราก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานในบริเวณตึกถล่ม เพื่อประกอบการพิจารณาตามประเด็นสำคัญ 2 ส่วน คือ 1.เรื่องเหล็กที่ใช้ก่อสร้างมีการตกมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้ ดีเอสไอ และ สมอ. ได้ร่วมกันเข้าเก็บตัวอย่างเหล็ก ซึ่งการเก็บตัวอย่างมาจาก 2 ส่วน ได้แก่ 1)เป็นเหล็กที่อยู่ในโครงสร้าง ที่มีการพังทลายแล้ว กับ 2)เป็นเหล็กชนิดเดียวกันที่อยู่ในไซต์งานแต่ยังไม่ถูกใช้งาน เพื่อนำไปเปรียบเทียบตรวจทั้งสองส่วน ตามวิธีการทางเทคนิคของ สมอ. เพื่อจะได้นำไปตรวจสอบว่าหากเป็นกรณีเหล็กตกมาตรฐานแล้วถูกใช้ก่อสร้าง ทาง สมอ. จะได้มีหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษมายังดีเอสไอต่อไป ทั้งนี้ เรื่องที่ 2 คือ เรื่องปูนซีเมนต์ โดยส่วนสำคัญที่สุดคือกรมโยธาธิการฯ ซึ่งทำหน้าที่ตอบเชิงวิศวกรรมว่าตึกถล่มเพราะเหตุอะไร แล้วเกี่ยวข้องกับวัสดุหรือไม่ ทั้งนี้ เรายังคงมีการส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปร่วมเก็บตัวอย่างทั้งหมดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งตรวจพิสูจน์แล้วนำมาประกอบการทำงานกับทางกรมโยธาธิการฯ เพื่อตรวจเรื่องการถล่มทางวิศวกรรม

พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า ส่วนตัวเลขตัวอย่างเหล็กเส้นและคอนกรีตที่ได้เก็บจากตัวอาคารทั้ง 4 โซน (ZONE : A B C D) ดังนี้ ตัวเหล็กมีการเก็บทั้งหมด 240 ตัวอย่าง ส่วนคอนกรีตบริเวณโซน บี ซี และดี ได้มีการเก็บปูนเป็นก้อนไปแล้ว 59 ตัวอย่าง จากทั้งหมด 299 ตัวอย่าง (ตัวเลข ณ วันที่ 24 เม.ย.68) ทั้งนี้ พื้นที่ที่จัดเก็บคอนกรีตไม่ได้เลย คือ บริเวณโซนเอ เพราะเป็นพื้นที่ถล่มค่อนข้างเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ทำงาน ทำให้บริเวณนั้นเสื่อมสภาพไปพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ทำ

พ.ต.ต.วรณัน เผยต่อว่า สำหรับเรื่องการตรวจสอบปูนนั้น หน่วยงานที่จัดเก็บ คือ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง และกรมโยธาฯ ซึ่งปูน บางส่วนมันใช้พิสูจน์เรื่องอาคารพังถล่มได้ โดยใช้หลักทางวิศวกรรม และใช้สนับสนุนสำนวนของตำรวจได้ ว่าตึกพังเพราะเหตุจากประมาทหรือไม่ หรือเกิดจากการก่อสร้างไม่ถูกต้องหรือไม่ หรือวัสดุที่ใช้มีผลต่อการถล่มหรือไม่ ทั้งนี้ เป็นการเก็บตัวอย่างปูนตามหลักกรมโยธาธิการฯ เก็บทั้งเสา ทั้งพื้น เป็นต้น

พ.ต.ต.วรณัน เผยด้วยว่า ส่วนกรณีบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด จังหวัดระยอง ซึ่งดีเอสไอได้เข้าตรวจค้นร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น เรื่องบริษัทนี้ มีอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่ามีเหล็กของบริษัทนี้ถูกนำมาใช้กับตึก สตง. ทราบว่า สมอ. ที่เข้าไปเก็บหลักฐาน หากพบความผิดจะได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษมายังดีเอสไอให้ดำเนินการ ส่วนที่สอง คือ เรื่องเหล็กที่คณะทำงานรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าตรวจค้นโรงงานแล้วพบเหล็กอาจตกมาตรฐาน ซึ่งทราบว่ากำลังทำรายงาน หากมีเกณฑ์เข้าเป็นคดีพิเศษ ก็อาจกล่าวโทษมายังดีเอสไอ รับดำเนินการต่อได้ ส่วนเรื่องที่ดีเอสไอรับสืบสวนไว้แล้วนั้น คือ เรื่องฝุ่นแดงประมาณเกือบ 50,000 ตัน ที่เป็นผลผลิตจากการผลิตเหล็ก ว่าเป็นการผลิตถูกต้องหรือไม่ โดยมีการทำหนังสือมาถึงอธิบดีดีเอสไอแล้ว เพื่อขอความร่วมมือสืบสวนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม และอธิบดีฯ ได้อนุมัติการสืบสวนเรื่องฝุ่นแดงแล้ว มีการตั้งคณะทำงานสืบสวนโดยมีตนเองเป็นหัวหน้าคณะฯ โดยจะได้นัดหมายกระทรวงอุตสาหกรรมหารือร่วมกันต่อไป

ด้าน นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม ระบุว่า สำหรับจำนวนผู้ต้องหาในคดีมอมินีจะมีเพิ่มเติมหรือไม่ เราต้องให้เวลาพวกเขาในการให้ปากคำ หรือให้เขาได้หาพยานหลักฐานมาแสดงตามที่ได้อ้างไว้ จึงเชื่อว่าจะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย

ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับบ้านพร้อมหน้า

อุบลราชธานี 8 ส.ค. – ฝนชะล้างความเศร้า ชาวบ้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับเข้าบ้านเรือนเกือบหมดแล้ว ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งในรอบกว่า 2 สัปดาห์ นับตั้งแต่เกิดเหตุไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา .-สำนักข่าวไทย

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]