DSI จ่อออกหมายเรียก 40 วิศวกรสอบปากคำ คดีตึก สตง.ถล่ม

ศูนย์ราชการ 24 เม.ย.-DSI เผยคดีนอมินี ตึก สตง. พบเอกสารแก้ไขแบบก่อสร้างรวม 9 ครั้ง เตรียมออกหมายเรียก 40 วิศวกรสอบปากคำ เริ่ม 28 เม.ย.นี้ เหตุอาจถูกอ้างชื่อควบคุมงาน ขีดเส้น 30 วัน แก้ข้อกล่าวหา “3 นอมินีไทย บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ” หากไม่ยื่นเอกสารชี้แจง ถือว่าสละสิทธิ์

นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีพิเศษที่อยู่ในความสนใจของประชาชน


โดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยว่า สำหรับคดีตึกถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว ได้มีผู้มาร้องขอให้ดีเอสไอสอบสวนเป็นคดีพิเศษ ซึ่งขณะนี้ดีเอสไอสอบสวนอยู่ 4 เรื่อง โดยรับไว้เป็นคดีพิเศษแล้ว 3 เรื่อง คือ 1.ความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือนอมินี 2.เรื่องฮั้วประมูล และ 3.เรื่องใบกำกับภาษีปลอมของบริษัทจำหน่ายเหล็ก ขณะที่เรื่องมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (เหล็กตกมาตรฐาน) และเรื่องฝุ่นแดงจากโรงงาน อยู่ระหว่างการสืบสวน ดังนั้น ในคดีพิเศษที่ 32/2568 กรณี คดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด นั้น ดีเอสไอได้สอบสวนและขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องแล้ว 5 หมายจับ คือ 3 กรรมการคนไทยของบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ได้แก่ นายประจวบ (สงวนนามสกุล) นายมานัส (สงวนนามสกุล) นายโสภณ (สงวนนามสกุล) และกรรมการคนจีน คือ นายชวนหลิง จาง ส่วนนิติบุคคล คือ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด นอกจากนี้ ในเรื่องการฮั้วประมูลนั้น ดีเอสไอก็ดูเรื่องของการเสนอราคา ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องรายละเอียด

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า ผู้ต้องหามีสิทธิจะให้การหรือไม่ให้การอย่างไรก็ได้ และคำพูดของเขา เราไม่สามารถใช้ยืนยันอะไรได้มากนัก เรามีหน้าที่รวบรวมหลักฐานอื่น แต่เขาพูดอะไรเราก็รับฟังได้ แต่ถ้าจะต้องดำเนินคดี ขยายผล เราก็ไม่อาจรับฟังเพียงคำให้การของผู้ต้องหาเพียงอย่างเดียว


ด้าน ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ กล่าวว่า ทั้งหมดที่ดีเอสไอได้สืบสวนสอบสวนขยายผล จนจับกุมผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว 4 ราย และ 1 นิติบุคคล ล้วนมีความเกี่ยวพันกันเป็นทอด ๆ จากเรื่องความผิดการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จะขยายไปต่อในเรื่องฮั้วประมูลได้ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ เบื้องต้นเมื่อ 4 ผู้ต้องหาได้เข้าสู่กระบวนการแล้ว ดีเอสไอก็เหลือเวลาเร่งให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันในส่วนของคดีนอมินี ส่วนหลังจากนั้นจะได้นำผลมาดูต่อเนื่องในส่วนของคดีฮั้วประมูล ทั้งนี้ ภายใน 30 วันจะมีผู้ต้องหาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มี แต่เราต้องทำให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา นับจากวันจับกุมผู้ต้องหาคนแรก หากนับจากตรงนี้ก็มีเวลาประมาณ 3 ผัด หรือประมาณ 30 วันโดยประมาณ และภายหลังจากที่ศาลได้อนุญาตปล่อยชั่วคราวทั้ง 4 ราย จากนี้จะมีบางรายที่ต้องชี้แจงเป็นเอกสารเพื่อแก้ข้อกล่าวหาภายใน 30 วัน หรือจะเดินทางมาด้วยตัวเองก็ได้ คือ นายประจวบ นายมานัส และนายโสภณ โดยจะต้องชี้แจงเรื่องที่ไม่ได้ตอบในชั้นสอบสวน ได้แก่ เป็นการถือหุ้นแทนใคร เอาเงินที่ใดมาลงทุน เป็นต้น แต่ถ้าหากไม่ส่งคำชี้แจงก็ถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ ส่วนนายชวนหลิง จาง ได้ให้การไว้ค่อนข้างครบถ้วนแล้ว แต่นายจาง ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกบริษัท วีล มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด , บริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บอกเพียงว่าเกี่ยวข้องกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ เท่านั้น ส่วนกรณีของนายบินลิง วู ตอนนี้เรายังคงดำเนินการสอบสวน โดยไล่ดูกลุ่มบริษัทที่ใกล้ชิดกับเขา ที่มีการใช้ 3 คนไทยไปเป็นกรรมการถือหุ้นเหมือนกัน

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวต่อว่า กรณีที่นายจาง มีการอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจจากจีนมาลงทุนในไทยนั้น ก่อนหน้านี้ได้มีตัวแทนมาพบดีเอสไอแล้ว มีการนำหนังสือรับรองมายืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจของบริษัทโดยที่รัฐถือหุ้น เพื่อมาลงทุนในไทยจริง และยังให้การปฏิเสธเรื่องนอมินี โดยบอกว่ามันคือการที่เขามาลงทุนร่วมกับคนไทย

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวอีกว่า กรณีของบริษัท ไชน่าฯ ที่ได้ประมูลงานโครงการรัฐไปจำนวนมาก และหลายโครงการยังไม่ได้ดำเนินการนั้น จะต้องมีการประสานรัฐบาลยกเลิกสัญญาหรือไม่ เช่น โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา หรือสร้างอาคารพักอาศัยต่าง ๆ นั้น ตนขอเรียนว่าบริษัทได้โครงการรัฐไปทั้งหมด 27 สัญญา แต่ยังไม่ได้มีการประสานเช่นนั้น เพราะต้องสอบสวนให้แล้วเสร็จก่อน ส่วนว่ามีการใช้กลอุบายมาอำพรางตัวเองว่าเป็นคนต่างด้าวหรือไม่ ก็หากชัดเจน เราก็จะได้ประสานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป


ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อมูลที่มีทางตัวแทนของ สตง. เข้ามาชี้แจงกับดีเอสไอนั้น เบื้องต้นมีการประสานขอข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง สตง. ก็ได้มีการทยอยส่งมาแล้ว โดยเราจะดูเรื่องการได้มาซึ่งสัญญาของรัฐ รวมถึงการแก้ไขแบบแปลนด้วย

ส่วนกรณีของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ประธานคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ที่เข้าพบดีเอสไอก่อนหน้านี้เนื่องจากถูกปลอมลายเซ็นและแอบอ้างชื่อควบคุมงานก่อสร้างนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า เราได้สอบถามนายสมเกียรติ 3 ครั้ง โดยให้เขาเข้ามาดูเอกสาร ที่เราไปตรวจค้นได้จากบริษัทผู้ควบคุมงาน ซึ่งได้มีการชี้ว่าเอกสารใดที่ไม่ใช่ของเจ้าตัว แล้วก็ได้ดูเอกสารที่มีการแก้ไข และได้ชี้ว่าส่วนใดไม่ใช่ของเขาบ้าง ซึ่งเราจะได้รวบรวมส่งสถาบันนิติวิทย์ โดยเอกสารที่เราได้ตรวจสอบมี 16 รายการ และอยู่ในแบบแปลน 3-4 รายการ ที่เขาชี้ในเอกสารจากทั้งหมด 12 ลัง แต่ขอดูแค่ 2 ลัง ส่วนว่าใครเป็นผู้ปลอมลายเซ็นและแอบอ้างชื่อนายสมเกียรตินั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากนี้ สำหรับบรรดา 51 วิศวกรที่พบว่าอาจเกี่ยวข้องกับการถูกแอบอ้างว่าควบคุมงานตึก สตง.นั้น เราได้ออกหมายเรียกพยานไปแล้ว 40 ราย โดยจะเริ่มสอบสวนปากคำพยานวันที่ 28 เม.ย.นี้ เพื่อถามเรื่องมีการควบคุมงานทิพย์หรือไม่ และตนยังไม่ขอระบุว่าเป็นวิศวกรที่อยู่ในบริษัทหรือกิจการร่วมค้าใด

ส่วนกรณีของนายพิมล เจริญยิ่ง วิศวกรอายุ 85 ปี ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า วานซืนที่ผ่านมา สน.บางซื่อ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ร่วมกันสอบปากคำนายพิมลเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการทำงานร่วมกัน แต่สอบคนละสำนวนกัน ซึ่งเจ้าตัวได้ให้การคร่าวๆ ไว้แล้วว่าเป็นเพียงที่ปรึกษาของบริษัท

ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า ตึก สตง. ตามเอกสารพบว่ามีการแก้ไขแบบทั้งหมด 9 ครั้ง แต่ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาจะอยู่ในการแก้ไขแบบครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 4 และครั้งที่ 6 ซึ่งเราจะไปลงรายละเอียดต่อไปว่ามีประเด็นใดบ้าง ส่วนการแก้ไขแบบที่มีปัญหาจริง ๆ คือ การขอแก้ไขครั้งที่ 4 และครั้งที่ 6 ที่ปรากฏชื่อลายเซ็นของนายสมเกียรติ ชูแสงสุข ซึ่งมันมีการแก้ไขเรื่องโครงสร้าง เป็นปัญหาเรื่องปล่องลิฟต์ ตามที่เป็นข่าว

ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค เผยว่า สำหรับการลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เราได้ประสานการปฏิบัติกับพนักงานสอบสวนตำรวจและสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รวมถึงกรมโยธาธิการและผังเมือง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรุงเทพมหานคร เพราะหลังจากตึกถล่ม ในช่วง 10 วันแรกจะเป็นเรื่องของการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ แต่พอได้เข้าพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องแล้ว เราก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานในบริเวณตึกถล่ม เพื่อประกอบการพิจารณาตามประเด็นสำคัญ 2 ส่วน คือ 1.เรื่องเหล็กที่ใช้ก่อสร้างมีการตกมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้ ดีเอสไอ และ สมอ. ได้ร่วมกันเข้าเก็บตัวอย่างเหล็ก ซึ่งการเก็บตัวอย่างมาจาก 2 ส่วน ได้แก่ 1)เป็นเหล็กที่อยู่ในโครงสร้าง ที่มีการพังทลายแล้ว กับ 2)เป็นเหล็กชนิดเดียวกันที่อยู่ในไซต์งานแต่ยังไม่ถูกใช้งาน เพื่อนำไปเปรียบเทียบตรวจทั้งสองส่วน ตามวิธีการทางเทคนิคของ สมอ. เพื่อจะได้นำไปตรวจสอบว่าหากเป็นกรณีเหล็กตกมาตรฐานแล้วถูกใช้ก่อสร้าง ทาง สมอ. จะได้มีหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษมายังดีเอสไอต่อไป ทั้งนี้ เรื่องที่ 2 คือ เรื่องปูนซีเมนต์ โดยส่วนสำคัญที่สุดคือกรมโยธาธิการฯ ซึ่งทำหน้าที่ตอบเชิงวิศวกรรมว่าตึกถล่มเพราะเหตุอะไร แล้วเกี่ยวข้องกับวัสดุหรือไม่ ทั้งนี้ เรายังคงมีการส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอไปร่วมเก็บตัวอย่างทั้งหมดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งตรวจพิสูจน์แล้วนำมาประกอบการทำงานกับทางกรมโยธาธิการฯ เพื่อตรวจเรื่องการถล่มทางวิศวกรรม

พ.ต.ต.วรณัน เผยอีกว่า ส่วนตัวเลขตัวอย่างเหล็กเส้นและคอนกรีตที่ได้เก็บจากตัวอาคารทั้ง 4 โซน (ZONE : A B C D) ดังนี้ ตัวเหล็กมีการเก็บทั้งหมด 240 ตัวอย่าง ส่วนคอนกรีตบริเวณโซน บี ซี และดี ได้มีการเก็บปูนเป็นก้อนไปแล้ว 59 ตัวอย่าง จากทั้งหมด 299 ตัวอย่าง (ตัวเลข ณ วันที่ 24 เม.ย.68) ทั้งนี้ พื้นที่ที่จัดเก็บคอนกรีตไม่ได้เลย คือ บริเวณโซนเอ เพราะเป็นพื้นที่ถล่มค่อนข้างเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ทำงาน ทำให้บริเวณนั้นเสื่อมสภาพไปพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ทำ

พ.ต.ต.วรณัน เผยต่อว่า สำหรับเรื่องการตรวจสอบปูนนั้น หน่วยงานที่จัดเก็บ คือ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง และกรมโยธาฯ ซึ่งปูน บางส่วนมันใช้พิสูจน์เรื่องอาคารพังถล่มได้ โดยใช้หลักทางวิศวกรรม และใช้สนับสนุนสำนวนของตำรวจได้ ว่าตึกพังเพราะเหตุจากประมาทหรือไม่ หรือเกิดจากการก่อสร้างไม่ถูกต้องหรือไม่ หรือวัสดุที่ใช้มีผลต่อการถล่มหรือไม่ ทั้งนี้ เป็นการเก็บตัวอย่างปูนตามหลักกรมโยธาธิการฯ เก็บทั้งเสา ทั้งพื้น เป็นต้น

พ.ต.ต.วรณัน เผยด้วยว่า ส่วนกรณีบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด จังหวัดระยอง ซึ่งดีเอสไอได้เข้าตรวจค้นร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น เรื่องบริษัทนี้ มีอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่ามีเหล็กของบริษัทนี้ถูกนำมาใช้กับตึก สตง. ทราบว่า สมอ. ที่เข้าไปเก็บหลักฐาน หากพบความผิดจะได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษมายังดีเอสไอให้ดำเนินการ ส่วนที่สอง คือ เรื่องเหล็กที่คณะทำงานรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมได้เข้าตรวจค้นโรงงานแล้วพบเหล็กอาจตกมาตรฐาน ซึ่งทราบว่ากำลังทำรายงาน หากมีเกณฑ์เข้าเป็นคดีพิเศษ ก็อาจกล่าวโทษมายังดีเอสไอ รับดำเนินการต่อได้ ส่วนเรื่องที่ดีเอสไอรับสืบสวนไว้แล้วนั้น คือ เรื่องฝุ่นแดงประมาณเกือบ 50,000 ตัน ที่เป็นผลผลิตจากการผลิตเหล็ก ว่าเป็นการผลิตถูกต้องหรือไม่ โดยมีการทำหนังสือมาถึงอธิบดีดีเอสไอแล้ว เพื่อขอความร่วมมือสืบสวนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม และอธิบดีฯ ได้อนุมัติการสืบสวนเรื่องฝุ่นแดงแล้ว มีการตั้งคณะทำงานสืบสวนโดยมีตนเองเป็นหัวหน้าคณะฯ โดยจะได้นัดหมายกระทรวงอุตสาหกรรมหารือร่วมกันต่อไป

ด้าน นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม ระบุว่า สำหรับจำนวนผู้ต้องหาในคดีมอมินีจะมีเพิ่มเติมหรือไม่ เราต้องให้เวลาพวกเขาในการให้ปากคำ หรือให้เขาได้หาพยานหลักฐานมาแสดงตามที่ได้อ้างไว้ จึงเชื่อว่าจะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]