ชัวร์ก่อนแชร์:เดินวิ่ง ปั่นจักรยานที่สาธารณะ แพร่เชื้อโควิดไกล 10 เมตรจริงหรือ?

21 กรกฎาคม 2564 ตรวจสอบข้อเท็จจริง/เรียบเรียง โดย : ภริตพร สุธีพิเชฐภัณฑ์/พีรพล อนุตรโสตถิ์


ตามที่มีการแชร์คลิปวิดีโอโดยระบุว่า การออกกำลังกายนอกบ้านสามารถแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ไกลถึง 10 เท่า และการเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานในสวนสาธารณะ สามารถแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ไกลถึง 10 เมตร พร้อมแนะนำว่าควรออกกำลังกายให้อยู่เหนือลมเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และดีที่สุดในขณะนี้ ควรออกกำลังกายภายในบ้าน ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วพบว่า จริงบางส่วน ยังไม่ควรแชร์

บทสรุป : จริงบางส่วน ยังไม่ควรแชร์


  • คลิปวิดีโอหรือข้อความที่ระบุว่า การเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ในสวนสาธารณะและที่โล่งแจ้ง สามารถแพร่เชื้อโควิด-19 ได้ไกล 10 เมตร ไม่ใช่เรื่องจริง
  • ข้อมูลที่แชร์เป็นการทดสอบในระบบจำลอง โดยปริมาณละอองฝอยที่ไปไกลได้ถึงขนาดนั้น ไม่ได้มีจำนวนมากพอ ที่จะทำให้สามารถติดเชื้อได้
  • ออกกำลังกายเหนือลมเป็นเรื่องที่ดี แต่ในความเป็นจริงไม่สามารถทำได้ตลอด ฉะนั้นควรเว้นระยะห่างการออกกำลังกายในพื้นที่สาธารณะ โดยห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร
  • การออกกำลังกายภายในบ้านเป็นเรื่องที่ดี แต่หากจะออกกำลังกายในสวนสาธารณะต้องปฏิบัติตนตามวิถีใหม่อย่างเคร่งครัด

ข้อมูลที่ถูกแชร์

คลิปวิดีโอความยาว 1.17 นาที ถูกแชร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์แห่งหนึ่ง มีผู้กดถูกใจวิดีโอดังกล่าวจำนวน 267 คน และมีการแชร์คลิปวิดีโอดังกล่าวออกไปมากถึง 168 ครั้ง (ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2564) โดยเนื้อหาในคลิประบุว่า การออกกำลังกายนอกบ้านทำให้เชื้อไวรัสโควิด-19 แพร่กระจายได้ไกลกว่าเดิมมากถึง 10 เท่า และมีการอ้างผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของเบลเยี่ยมและดัตซ์ เกี่ยวกับเรื่องการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่ง การปั่นจักรยานแบบช้าๆ สามารถแพร่เชื้อได้ไกลกว่า 10 เมตร โดยคลิปวิดีโอดังกล่าว ได้ถูกส่งเข้ามาสอบถามข้อเท็จจริงกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์” เป็นจำนวนมาก

 Fact Check : ตรวจสอบข้อมูล 


ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ตรวจสอบข้อมูลกับ นพ.อุดม อัศวุตมางกุร ผู้อำนวยการกองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้คำตอบดังนี้

Q : การออกกำลังกายนอกบ้านสามารถแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ไกลกว่าเดิม 10 เท่า จริงหรือไม่?
A : ไม่จริง เพราะการแชร์ข้อมูลว่าเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ไกลกว่าเดิมถึง 10 เท่านั้น เป็นการทดสอบในระบบจำลองว่าละอองฝอยสามารถแพร่กระจายได้ไกลสูงสุดเพียงใด แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย เช่น ความแรงของลม, ทิศทางลม และปริมาณของเชื้อไวรัสที่อยู่ ณ บริเวณนั้น อย่างไรก็ตามการไอหรือจามเชื้อจะอยู่ได้ในระยะ 1-2 เมตร แต่หากเชื้อจะแพร่กระจายไกลกว่าเดิม 10 เท่า มีความเป็นไปได้น้อยมาก น้อยจนไม่สามารถทำให้เกิดการก่อโรคได้ ถ้าบอกว่าเชื้อสามารถแพร่กระจายได้ถึง 10 เมตร แล้วทำให้ก่อโรคได้นั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะการจะติดเชื้อไวรัสนั้น มีสิ่งที่ต้องพิจารณาสำคัญ 2 อย่าง คือ1.ปริมาณของเชื้อที่รับ ถ้าเชื้อมีปริมาณน้อย ก็ไม่สามารถทำให้เกิดโรคได้ 2. ระยะเวลาในการสัมผัสเชื้อ เช่น การอยู่ร้านกาแฟประมาณครึ่งชั่วโมง, การชมโรงภาพยนตร์ในเวลา 2 ชั่วโมง หรือการนั่งเครื่องบิน 6 ชั่วโมง ฉะนั้นความเสี่ยงจะเป็นอย่างไร ต้องพิจารณาจากระยะเวลาในการสัมผัสเชื้อกับปริมาณของเชื้อที่ได้รับ คลิปวิดีโอที่มีการแชร์มา เป็นการจำลองเหตุการณ์และระบุเพียงว่าเชื้อสามารถแพร่กระจายไปได้ไกลเท่าไหร่ แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำให้เกิดการติดเชื้อ

Q : การเดิน วิ่ง ปั่นจักยาน สามารถแพร่เชื้อได้ไกลมากกว่าการยืนอยู่เฉยๆ จริงหรือไม่?
A :
เหมือนกับที่ระบุไปในตอนต้น เรื่องนี้เป็นการทดสอบในระบบจำลอง ซึ่งการติดเชื้อสามารถปรับเปลี่ยนได้ ถ้าเราอยู่ใกล้ หรืออยู่หลังผู้ที่มีเชื้อโดยตรง ก็จะมีความเสี่ยง แต่หากมีการเว้นระยะห่างประมาณ 2 เมตรก็จะปลอดภัย และถ้าสามารถเว้นระยะห่างได้มากกว่านั้น ก็จะปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

Q : การเว้นระยะห่าง 2 เมตรในการออกกำลังกายในที่สาธารณะจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่?
A :
กรณีนี้จะพูดถึงสวนสาธารณะหรือที่โล่งแจ้งในหมู่บ้าน ยังเป็นสถานที่ที่ประชาชนสามารถมาออกกำลังกายได้ เนื่องจากเป็นสถานที่เปิดโล่ง โดยผู้ให้บริการสถานที่และผู้ใช้บริการสถานที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

ผู้ให้บริการสถานที่ : 1.ต้องมีการคัดกรองผู้เข้าใช้บริการ 2.ต้องออกแบบเพื่อลดความแออัดของสวนสาธารณะ 3. ต้องมีป้ายคำแนะนำในการปฏิบัติตนขณะใช้สถานที่ และ 4. ต้องดูแลความสะอาดโดยเฉพาะจุดสัมผัสร่วมอย่างสม่ำเสมอ 

ผู้ใช้บริการสถานที่ : ต้องตรวจสอบว่าตนเองป่วยหรือมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ หากมีความเสี่ยงสูง ไม่ควรมาใช้บริการสวนสาธารณะ หากไม่พบอาการป่วยหรือไม่มีความเสี่ยงสูง สามารถใช้บริการสวนสาธารณะได้ แต่ต้องปฏิบัติตนตามวิถีใหม่ โดยสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่างในการออกกำลังกาย และล้างมือบ่อยๆ ส่วนการออกกำลังกายโดยวิธีการวิ่ง ร่างกายจะต้องการปริมาณออกซิเจนจำนวนมาก สามารถถอดหน้ากากได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างให้ดี แต่หากเป็นการเดิน ก็ไม่จำเป็นต้องถอดหน้ากาก และที่สำคัญต้องเข้าใจว่าในสถานการณ์เช่นนี้ สวนสาธารณะยังเป็นสถานที่ที่ใช้ในการออกกำลังกาย ไม่ควรนั่งจับกลุ่มพูดคุย หรือรับประทานอาหารร่วมกัน ควรกลับบ้านทันทีหลังออกกำลังกาย เพื่อลดความเสี่ยงของตัวเอง ลดความแออัด และเปิดพื้นที่ให้ผู้อื่นได้ใช้บริการ โดยผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการต้องรู้หน้าที่ของตนเองและปฏิบัติตามข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดก็จะสามารถลดความเสี่ยงได้มาก 

“สวนสาธารณะและสถานที่เปิดโล่งของหมู่บ้าน ยังเป็นที่ที่ควรจะเปิดให้บริการตามมาตรการวิถีแบบ New Normal อย่างเคร่งครัด เพราะสถานที่ดังกล่าวมีประโยชน์ ทำให้ประชาชนได้ออกกำลังกาย ได้รับอากาศบริสุทธิ์ และลดความตึงเครียดจากการกักตัวอยู่ในห้องเพียงอย่างเดียว” นพ.อุดม ระบุ  

Q : ในคลิปวิดีโอยังระบุว่า เดิม การไอ จาม สามารถแพร่เชื้อได้ 2 เมตร แต่มีผลวิจัยออกมาว่า หากเดินออกกำลังกายสามารถแพร่เชื้อได้ไกล 4-5 เมตร?
A : อย่างที่ระบุไว้ตอนต้น ข้อมูลที่แชร์เป็นการทดสอบในระบบจำลอง แต่ละอองฝอยที่ไปไกลได้ถึงขนาดนั้น ไม่ได้มีจำนวนมากพอ ที่จะทำให้สามารถติดเชื้อได้ และเราสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการรักษาระยะห่าง

Q : คลิปวิดีโอยังระบุต่อไปว่า การวิ่ง หรือ ปั่นจักยานแบบช้าๆ สามารถแพร่เชื้อได้ไกล 10 เมตร รวมถึงหากปั่นจักรยานเร็วมากๆ สามารถแพร่เชื้อได้ไกล 20 เมตรจริงหรือไม่?
A : เรื่องนี้เป็นคำตอบในกลุ่มเดียวกันซึ่งเป็นการทดสอบในระบบจำลอง แต่เชื้อที่สามารถไปได้ไกลถึงขนาดนั้น ไม่ได้มีปริมาณมากพอ ที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ รวมถึงการเดิน การปั่นจักรยาน การวิ่งเป็นการทดสอบในระบบจำลอง และไม่ได้นำปัจจัยอื่นๆ มาประมวลผล เช่น ทิศทางลม ความแรงของลม รวมถึงปริมาณของเชื้อที่แพร่กระจายไปไกลขนาดนั้น ไม่ได้มีปริมาณเพียงพอที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้

Q : การออกกำลังกายในที่สาธารณะควรเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลเท่าใด? 
A : การออกกำลังกายในที่สาธารณะยังมีความจำเป็น แต่ควรเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร 

Q : ในคลิปวิดีโอยังมีการแนะนำว่า ควรออกกำลังกายอยู่เหนือลมเพื่อป้องกันการติดโรค?
A : หากสามารถออกกำลังกายอยู่เหนือลมได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี แต่เวลาที่เราออกกำลังกายในสวนสาธารณะ เราไม่สามารถอยู่เหนือลมได้ตลอด เพราะฉะนั้นควรใช้หลักในการเลี่ยงความแออัด รักษาระยะห่าง หากเป็นเพียงการเดินเฉยๆ ไม่ได้เหนื่อยมาก ก็ขอให้สวมหน้ากากอนามัย แต่ถ้าเป็นการออกกำลังกายที่เหนื่อยมาก เช่น การวิ่งก็สามารถถอดหน้ากากได้ แต่ต้องเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร

Q :  คลิปวิดีโอแนะนำว่า ดีที่สุดควรออกกำลังกายในบ้านก่อนช่วงนี้?
A : มีส่วนจริง เพราะปัจจุบันเราอาจมีข้อจำกัดในการใช้สวนสาธารณะ ถ้าเราปรับตัวและมีการออกกำลังกายในบ้านหรือในคอนโด ก็ยังมีคลิปวีดีโอแนะนำการออกกำลังกายที่ดีอยู่จำนวนมาก เช่น การแอโรบิกภายในบ้าน การเล่นโยคะภายในบ้าน หรือการฝึกซ้อมคีตะมวยไทยภายในบ้าน ทั้งนี้การออกกำลังกายในบ้านก็เป็นสิ่งที่ดี แต่บางคนก็ยังชอบที่จะออกกำลังกายภายนอกหรือ Out door  ซึ่งไม่ได้เป็นข้อห้าม แต่ต้องปฏิบัติอย่างเหมาะสมตามมาตรการที่ได้กล่าวไป

Q : สรุปแล้วคลิปที่มีการแชร์กันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ สามารถแชร์ต่อได้หรือไม่?
A : เรื่องนี้จริงบางส่วน แต่ยังไม่ควรแชร์ เพราะเป็นการทดสอบในระบบจำลอง และในคลิปวิดีโอไม่ได้ระบุว่าละอองฝอยที่แพร่กระจายไปได้ไกล ยังมีปริมาณไม่มากพอที่จะทำให้ติดเชื้อได้ การแชร์คลิปวีดีโอดังกล่าวจะทำให้เกิดการกลัวการออกกำลังกาย ซึ่งในความจริงแล้วองค์การอนามัยโลก (WHO) และกรมอนามัย ยังแนะนำให้ออกกำลังกาย เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำ แม้จะอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะการออกกำลังกายจะทำให้ผู้ออกกำลังกายมีสุขภาพดี ห่างไกลจากโรค NCDs และเสริมภูมิต้านทาน ในเรื่องนี้มีความจริงบางส่วน แต่ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องแชร์ อย่างไรก็ตามเราสามารถปรับตัวและออกกำลังกายภายในบ้านได้ แต่หากเป็นสวนสาธารณะหรือที่โล่งแจ้งภายในหมู่บ้านที่ไม่ได้มีความแออัด ก็สามารถไปใช้บริการได้ ตามมาตรการความปลอดภัยที่ถูกต้อง

ข้อมูลอ้างอิง

  1. การสัมภาษณ์ นพ.อุดม อัศวุตมางกุร ผู้อำนวยการกองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564
  2. คลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ https://www.facebook.com/WhiteNewstv/posts/2977884558960339

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงย้ำเวทีโลกกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน UNSC แนะเจรจาสันติวิธี

กระทรวงการต่างประเทศ 26 ก.ค.- “มาริษ” เผยเวที UNSC ให้ไทยกัมพูชายับยั้งชั่งใจ เจรจา 2 ฝ่ายสันติวิธียุติขัดแย้ง ย้ำแจงเวทีโลกแล้วกัมพูชาละเมิดอธิปไตยไทย-เปิดฉากโจมตีก่อน บอกสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นการคุกคามสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ สั่งกรมสนธิฯ พิจารณายื่นศาลอาญาโลกฟ้องเขมรฐานอาชญากรสงคราม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อนำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 (High-Level Political Forum on Sustainable Development 2025) หรือ HLPF2025 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์กว่า ในห้วงการประชุมดังกล่าว ตนเองได้ใช้โอกาสนี้ พบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากสหประชาชาติ และผู้แทนระดับสูงประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้แจงพัฒนาการชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งตนเองได้ยืนยันให้ทุกประเทศ และผู้แทนระดับสูงของสหประชาชาติได้รับทราบมาโดยตลอดการปฏิบัติภารกิจว่า การปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายกัมพูชา เป็นผู้เริ่มโจมตีก่อน พร้อมแสดงความกังวล ต่อการโจมตีในสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ซึ่งสะท้อนการโจมตีพื้นที่พลเรือนไทย […]

องคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทาน ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 26 ก.ค.- สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนศรีสะเกษ ดุเดือดกว่าทุกวัน ขณะองคมนตรีมอบสิ่งของพระราชทานแก่ประชาชนที่ศูนย์อพยพ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรีเดินทางมายังที่พักอาศัยของผู้อพยพ จ.ศรีสะเกษ มอบสิ่งของพระราชทานให้กับประชาชน พร้อมแจ้งให้ทราบถึงกระแสความห่วงใย หลังทราบข่าวประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรงมีความห่วงใยประชาชนและไม่ประสงค์ที่จะเห็นมีการบาดเจ็บล้มตายเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เรียบร้อย ขอให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่อพยพไปอีกสักระยะ ขณะเดียวกัน พยาบาลจากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ให้บริการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้นและปฏิบัติการทางจิตรฉรีญาพร้อมมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพหลังต้องจากบ้านมาวันนี้เป็นวันที่ 3 แล้ว ซึ่งตามหลักบางรายอาจเกิดความเครียดสะสมขึ้นได้ ปกติแล้วบริเวณศูนย์อพยพแห่งนี้ซึ่งห่างจากชายแดนประมาณ 40 กิโลเมตร จะไม่ได้ยินเสียงปืนใหญ่ แต่วันนี้แม้จะอยู่ที่ศูนย์อพยพก็สามารถได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังขึ้น ไม่น้อยกว่า 9 นัดแล้วในขณะนี้ -สำนักข่าวไทย