สงขลา 17 ก.พ. – “สมศักดิ์” ติดตามความร่วมมือเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพดิจิทัล ระหว่าง สธ. – คณะแพทย์ มอ. มั่นใจช่วยต่อยอดนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เพิ่มโอกาสประชาขนเข้าถึงบริการแบบทันท่วงที เน้นย้ำรักษาข้อมูลส่วนบุคคลสำคัญที่สุด ก่อนลงตรวจเยี่ยม รพ.หนองจิก ปัตตานี หลังประสบภัยน้ำท่วมหนัก พร้อมพบปะ อสม. ย้ำพัฒนาศักยภาพ สร้างความมั่นคงยั่งยืน ผ่าน พ.ร.บ.อสม.
เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่จังหวัดสงขลา โดยช่วงเช้าได้เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงและแบ่งปันข้อมูลสาธารณสุข ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมี นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผศ.นพ.กิตติพงศ์ เรียบร้อย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผู้บริหารกระทรวง และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เข้าร่วมประชุม
นายสมศักดิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะยกระดับระบบสาธารณสุข ให้ดีกว่าเดิม จาก 30 บาทรักษาทุกโรค มาเป็น 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงระบบบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ ลดเวลาและค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของพี่น้องประชาชน การเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ เป็นแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูล และบริการสุขภาพในรูปแบบดิจิทัล ให้ประชาชนใช้งานผ่านแพลตฟอร์ม “หมอพร้อม” และเมื่อต้นปี 2568 ได้เปิดตัว MOPH Refer และ Imaging HUB ให้แพทย์สามารถส่งต่อผู้ป่วย ด้วยใบส่งตัวอิเล็กทรอนิกส์ และเข้าถึงข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ เพื่อความรวดเร็วในการรักษา ลดเวลาทำงานด้านเอกสาร เพิ่มโอกาสในการดูแลผู้ป่วย อย่างทั่วถึงและทันท่วงที
“ยินดีที่ได้ทราบว่า กระทรวงสาธารณสุขและมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ หรือ MOU เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลบริการด้านสาธารณสุข บน Digital Health Platform ของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลร่วมกัน ผมมั่นใจว่าความร่วมมือนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ป่วย บุคลากรการแพทย์ทุกภาคส่วน และต่อยอดการพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ ที่รวดเร็วและมีคุณภาพมากขึ้น” นายสมศักดิ์กล่าว
ด้าน นายเดชอิศม์ กล่าวว่า การพัฒนาระบบบริการทางแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญเพื่อให้ประชาชนสะดวกสบาย บุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติงานง่ายมีประสิทธิภาพ โดยกระทรวงสาธารณสุขยกระดับการบริการโรงพยาบาลในสังกัด นำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมโยงคลังข้อมูลทางการสแพทย์ คำนึงปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งมอ.เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับ 1 ในภูมิภาค มีบทบาทผลิตบุคลาการแพทย์ เชื่อว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นความปลอดภัย ข้อมูล ส่วนบุคคลนั้น เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด ในการดำเนินการทางดิจิทัล ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยให้บุคคลภายนอกรับรู้ได้ เราคำนึงถึงเป็นเรื่องแรกในการเชื่อมโยงข้อมูลสำหรับประโยชน์ของประเทศที่ได้รับในการเชื่อมโยงข้อมูล ผู้ป่วยในประเทศไทยมีจำนวนมาก การเชื่อมโยงข้อมูลทำให้แพทย์พยาบาลดำเนินการได้ง่าย ประหยัดเวลา บางครั้งคนไข้ไปรักษาในหลายหลายที่ แต่พอไปอีกที่หนึ่งก็ไม่มีข้อมูลที่จะเชื่อมโยงทำให้คนไข้เสียประโยชน์ และถ้าเรามีระบบดิจิทัลเชื่อมโยงกันอย่างนี้แล้ว จากที่เพิ่มบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมาก ก็อาจจะเพิ่มเพียง 60% จากที่ประเมินไว้ก็ได้ หรือกรณีที่มีเอไอ สามารถเปรียบเทียบโรคอาจได้ทำได้เร็วและการรักษาโรคของหมอจะง่ายมากขึ้นเป็นประโยชน์กับประชาชน ข้อมูลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทำลงลึกเรื่องการศึกษาวิเคราะห์รักษาและนำข้อมูลสอนนักศึกษา ส่วนกระทรวงสาธารณสุขมีข้อมูลด้านการรักษาจริงก็นำข้อมูลมาแชร์ให้
จากนั้นนายสมศักดิ์และคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลหนองจิก อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ประสบอุทกภัยอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับพบปะบุคลากรทางแพทย์ อสม.เพื่อเสริมพลังสร้างกำลังในการทำงาน และให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบอุทกภัยด้วย โดยมีคณะผู้บริหารโรงพยาบาลให้การต้อนรับ โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนกับปลัดกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลอย่างเต็มที่และให้กำลังใจทุกคนในการทำงาน ส่วนที่น้องอสม.ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญ ในการป้องกันและแก้ปัญหา โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs ด้วยการส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี กินอาหารที่เหมาะสม และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ปัจจุบันพี่น้อง อสม. ทุกคนกว่า 1 ล้านคน ทั่วประเทศ นับคาร์บเป็นแล้ว และได้ถ่ายทอดความรู้ เรื่องการนับคาร์บและคัดกรองสุขภาพ ให้แก่พี่น้องประชาชนแล้ว กว่า 12 ล้านคน ขอให้ความเชื่อมั่นว่า กระทรวงสาธารณสุขจะสนับสนุนการดำเนินงานของ อสม. จะพัฒนาศักยภาพ อสม. และจะดูแล อสม. ให้มีความก้าวหน้า มั่นคง และยั่งยืน ผ่านการออกกฎหมาย พ.ร.บ. อสม. ซึ่งจะช่วยดูแลพี่น้อง อสม. ทั้งในเรื่องค่าป่วยการ และสวัสดิการด้านต่าง ๆ.-319 -สำนักข่าวไทย