ชัวร์ก่อนแชร์ : กินหมูกระทะ ไม่แยกตะเกียบ เสี่ยงไข้หูดับ จริงหรือ ?


24 สิงหาคม 2566 – ตามที่มีการแชร์ข้อความเตือนว่า แพทย์เจอติดเชื้อไข้หูดับเพียบ เหตุกินหมูกระทะไม่แยกตะเกียบคีบหมูดิบนั้น


บทสรุป : จริง แชร์ได้

ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบกับ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ น.สพ.ดร.สถาพร จิตตปาลพงศ์ คณบดีคณะเทคนิคการสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  


โรคไข้หูดับ คืออะไร ?

โรคไข้หูดับ คือ โรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สเตรปโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) จากหมู 

โรคนี้จะเข้าสู่ร่างกายได้ 2 ทาง คือ


  1. การกินเนื้อหมูแบบสุก ๆ ดิบ ๆ 
  2. สัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อ ซึ่งจะติดต่อสู่คนทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกาย ทางที่ดีที่สุดถ้าเรามีบาดแผล ก็หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง รวมถึงการกินเนื้อหมูก็ต้องมั่นใจว่าหมูที่เรากินเข้าไปนั้นสุกจริง ๆ เพราะส่วนใหญ่พบว่าผู้ป่วยได้รับเชื้อ Streptococcus suis มาจากการกิน “หมูกระทะ” ไม่แยกตะเกียบคีบหมูดิบ หรือใช้คีบหมูดิบหมูสุกปะปนกัน

ดังนั้น เรื่องนี้จริง แชร์ได้ เพราะเป็นประโยชน์ สามารถช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้

ข้อความที่แชร์มา :

แพทย์อินเทิร์นกุมขมับ! เจอเคสติดเชื้อไข้หูดับเพียบ! เหตุกิน หมูกระทะ ไม่แยกตะเกียบคีบหมูดิบ แม้จะรณรงค์ให้ระวังอยู่เรื่อยๆ แต่จำนวนผู้ป่วยก็ยังเยอะ

เมื่อไม่กี่วันก่อน แพทย์อินเทิร์นเจ้าของบัญชี @fufernfu ในสื่อโซเชียล X (ทวิตเตอร์) ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ว่า “ไม่กล้ากินหมูกระทะอีกแล้ว เพราะวอร์ดผู้ป่วยที่ดูแลอยู่ พบเคสผู้ป่วยติดเชื้อ Streptococcus suis (เชื้อก่อโรคหูดับ) ในสมองเยอะมาก โดยประวัติผู้ป่วย คือ กินหมูกระทะไม่เปลี่ยนตะเกียบ วันนี้ก็เจออีกแล้ว รณรงค์ให้ทุกร้านมีตะเกียบคีบหมูดิบแยกต่างหาก”

จากนั้นประเด็นนี้ก็กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และเผยแพร่ไปในวงกว้างบนโลกออนไลน์ โดยอินเทิร์นต้นเรื่องได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการติดเชื้อ “โรคหูดับ” ในสมองไว้ด้วยว่า เมื่อติดเชื้อแล้วไม่ใช่ว่าจะมีอาการ “หูดับ” อย่างเดียว แต่ยังมีอาการอื่น ๆ ที่ต้องระวังด้วย เช่น มีไข้สูง ปวดหัวมาก คอแข็งขยับไม่ได้

บางรายมาด้วยพฤติกรรมโวยวาย เอะอะ ทำร้ายคนอื่น ตำรวจพามาส่งโรงพยาบาลเพราะคิดว่าติดสารเสพติดบางชนิด แต่พอเจาะน้ำไขสันหลังไปตรวจ ปรากฏว่า “ติดเชื้อในสมอง” จากเชื้อ Streptococcus suis เช่นกัน

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ Streptococcus suis แล้วจะแสดงอาการป่วยหลังจากได้รับเชื้อเข้าร่างกายไปประมาณ 1-2 วัน ไปจนถึงประมาณ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่ร่างกายแข็งแรงมีโอกาสหายเป็นปกติ แต่หากเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวด้วยก็มักจะมีภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะหากมีอาการหูดับต้องรักษากันต่อยาว ๆ

ขณะเดียวกันก็มีหลายคนตั้งคำถามว่า แล้วถ้าบางร้านหมูกระทะไม่มีที่คีบหมูดิบมาให้ ควรแยกตะเกียบใช้งานอย่างไร ระหว่างการคีบเนื้อหมูดิบกับคีบหมูสุก มีการให้คำแนะนำการแยกตะเกียบคีบหมูเบื้องต้น จากหลากหลายความเห็นต่อโพสต์ดังกล่าว โดยสรุปข้อมูลได้ดังนี้

  1. ใช้ตะเกียบไม้แยกกัน 2 คู่ โดยตะเกียบคู่แรกเอาไว้คีบหมูดิบไปปิ้งบนกระทะให้สุกทั้งสองด้านก่อน แล้วค่อยใช้ตะเกียบคู่ที่สองคีบหมูสุกมากิน (วางตะเกียบทั้งสองคู่ให้แยกจากกันชัดเจน)
  2. ใช้ตะเกียบคู่เดียวแต่สลับด้านกันใช้งาน คือ ด้านหัวตะเกียบใช้คีบหมูดิบ ด้านปลายตะเกียบใช้คีบหมูสุก
  3. ขอที่คีบจากทางร้านเพิ่มเติม โดยบอกไปว่าเอามาแยกคีบหมูดิบเพื่อความปลอดภัยในการบริโภค
  4. อย่าใช้ตะเกียบคู่เดียวในการคีบทั้งหมูดิบหมูสุกปะปนกันไปมา แม้ว่าหลังคีบหมูดิบจะจุ่มตะเกียบลงในน้ำซุปร้อน ก็ไม่ได้การันตีว่าจะช่วยฆ่าเชื้อโรคจากหมูดิบได้

• เชื้อแบคทีเรียก่อโรค “ไข้หูดับ” ตัวการภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบและอาจหูดับถาวร

ทั้งนี้ มีข้อมูลจาก ผศ.นพ.ศรัญ ประกายรุ้งทอง โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ได้ให้ข้อมูลผ่านบทความวิชาการไว้ในทิศทางเดียวกัน ระบุว่า “โรคไข้หูดับ” คือ ภาวะติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus Suis โดยผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว เกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบและติดเชื้อในกระแสเลือด นำไปสู่อาการปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน คอแข็ง และมีประวัติสัมผัสหรือบริโภคเนื้อหมูแบบสุกๆ ดิบๆ มาก่อน ในช่วงไม่เกิน 14 วัน หากมีอาการรุนแรงอาจเกิด “ภาวะหูดับถาวร” ได้

สำหรับ เชื้อแบคทีเรีย Streptococcus Suis นั้น เป็นเชื้อโรคที่อาศัยอยู่ในทางเดินหายใจหมู และในเลือดของหมูที่กำลังป่วย เชื้อนี้สามารถติดต่อมายังคนได้จากการบริโภคเนื้อหมูดิบ หรือเลือดหมูที่ปรุงแบบสุกๆ ดิบๆ และจากการสัมผัสชิ้นส่วนของเนื้อหมูดิบ เลือดหมู ผ่านทางผิวหนังที่มีรอยถลอก บาดแผล หรือเยื่อบุตาก็ได้

สำหรับกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไข้หูดับที่หากสัมผัสเชื้อแล้วจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้มาก ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง และกลุ่มบุคคลที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ดังนั้น การดูแลป้องกันตัวเองเบื้องต้นได้แก่ งดบริโภคเนื้อหมูหรือเลือดหมูแบบสุกๆ ดิบๆ และหากจะต้องปรุงอาหารที่ต้องหยิบจับเนื้อหมูดิบหรือเลือดหมูดิบ ก็ต้องสวมถุงมือทุกครั้ง

ด้าน สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ให้คำแนะนำถึงวิธีเลือกซื้อเนื้อหมูไว้ว่า ควรหาซื้อเนื้อหมูจากตลาดสดและห้างสรรพสินค้าที่ผ่านการตรวจเช็กมาตรฐานความปลอดภัยแล้วเท่านั้น ส่วนวิธีเลือกซื้อเนื้อหมูที่สดใหม่และไม่ใช่หมูป่วยติดเชื้อ ได้แก่ ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ เนื้อยุบ เมื่อนำมาปรุงต้องผ่านความร้อนอุณหภูมิตั้งแต่ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป โดยปรุงในความร้อนนานอย่างน้อย 10 นาทีหรือจนเนื้อหมูสุกขาวไม่มีสีแดง

• เปิดวิธีรักษาผู้ป่วย “ไข้หูดับ” ทั้งอาการในระยะแรก และกรณีที่มีอาการรุนแรง

เมื่อผู้ป่วยมาถึงมือแพทย์แล้ว ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจเพาะเชื้อจากเลือด และน้ำเยื่อหุ้มไขสันหลัง เพื่อเป็นการตรวจยืนยันหาเชื้อ Streptococcus Suis (การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการต้องส่งตรวจภายใน 24 ชั่วโมง)

หากผลตรวจยืนยันว่าพบเชื้อจริง แพทย์จะเริ่มการรักษาทั้งแบบเฉพาะเจาะจง คือ การให้ยาฆ่าเชื้อผ่านทางเส้นเลือดดำ การรักษาตามอาการ ลดอาการปวด ลดอาการไข้ ลดอาการเวียนศีรษะ ด้วยการให้ยาและอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีการรักษาแบบประคับประคองไปพร้อมกันด้วย คือ การให้สารน้ำ สารอาหาร เกลือแร่ต่างๆ แก่ผู้ป่วยอย่างพอเพียง

ส่วนในรายที่มีอาการรุนแรง คือ มีอาการหูดับ หรือภาวะแทรกซ้อนรุนแรงทางหู มักจะเกิดขึ้นหลังจากการเกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หากเกิดขึ้นแล้ว ผู้ป่วยจะไม่สามารถได้ยินอีก จัดเป็นภาวะรีบด่วนที่ผู้ป่วยควรต้องได้รับการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียมเพื่อฟื้นฟูการได้ยิน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะกลับมาสื่อสารในแบบสังคมปกติได้อีกครั้ง

สาเหตุที่ “ภาวะหูดับจากโรคไข้หูดับ” จัดเป็นอาการป่วยที่ต้องได้รับการวินิจฉัยได้โดยเร็วนั้น ก็เนื่องมาจากสมองที่ไม่ได้รับการกระตุ้นจากเสียง จะเสียความสามารถในการรับฟังไปเรื่อยๆ ยิ่งนานวันเข้า โอกาสฟื้นฟูก็จะยิ่งลดลงนั่นเอง.

สัมภาษณ์เมื่อ : 17 สิงหาคม 2566
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : พีรพล อนุตรโสตถิ์
เรียบเรียงโดย : ชยานิษฐ์ ผ่องใส

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]