ชัวร์ก่อนแชร์: 5 ทฤษฎีสมคบคิด จับผิดการพิชิตดวงจันทร์

24 กรกฎาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ผ่านมาแล้ว 54 ปีที่มนุษย์สามารถเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์ได้ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 1969 แต่กระนั้น ยังมีทฤษฎีสมคบคิดที่อ้างว่าการเดินทางสู่ดวงจันทร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติหรือ NASA เมื่อปี 1969 เป็นเรื่องลวงโลก จุดประสงค์เพื่อหวังผลทางการเมืองในช่วงสงครามเย็น ในยุคสมัยที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตแข่งขันกันเป็นผู้นำด้านการสำรวจอวกาศ

การมีอยู่ทฤษฎีสมคบคิด ทำให้ผู้คนไม่น้อยเชื่อว่า NASA จัดฉากการส่งมนุษย์ขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ แม้จะมีหลักฐานและประจักษ์พยานมากมายที่ยืนยันว่า ยานอวกาศ Apollo 11 สามารถนำนักบินอวกาศไปลงจอดที่ดวงจันทร์ได้สำเร็จตั้งแต่ปี 1969 ก็ตาม


ต่อไปนี้คือการหักล้าง 5 ทฤษฎีสมคบคิดที่มักใช้ในการจับผิดว่า การเดินทางสู่ดวงจันทร์เมื่อปี 1969 เป็นเรื่องลวงโลก

  1. ธงชาติสหรัฐอเมริกาบนดวงจันทร์โบกไสว ทั้ง ๆ ที่ไม่มีลมหรืออากาศบนดวงจันทร์ จึงน่าจะเป็นการปักธงบนพื้นโลกนี่เอง

เพื่อให้ภาพธงชาติสหรัฐอเมริกาบนผิวดวงจันทร์ออกมาดูสวยงามในสายตาชาวโลก NASA จึงใช้เสาธงรูปตัว L คว่ำ มาใช้เพื่อให้ธงกางออกอย่างชัดเจน แม้ปลายธงที่ไม่มีเสายึดจะดูแกว่งเหมือนลูกตุ้มเล็กน้อย ส่วนสาเหตุที่ผืนธงเต็มไปด้วยรอยยับและดูเหมือนเป็นริ้วคลื่น เป็นเพราะธงถูกพับระหว่างการจัดเก็บ

โรเจอร์ แลนนิอัส อดีตหัวหน้านักประวัติศาสตร์ของ NASA เล่าว่า ก่อนการปักธงครั้งประวัติศาสตร์ นีล อาร์มสตรอง และ บัซ อัลดริน สองนักบินยานอวกาศ Apollo 11 เผลอทำเสาธงงอเล็กน้อย จึงทำให้ธงดูเหมือนกำลังโบกไสว สองนักบินอวกาศยังกลัวว่าเสาธงจะล้มลงหลังจากปักไปแล้ว จึงรีบถ่ายภาพอย่างรวดเร็วหลังจากปักเสาลงบนพื้นดวงจันทร์ได้ไม่นาน จึงได้ภาพที่ดูเหมือนเสาธงกำลังสั่นไหวนั่นเอง


  1. ภาพถ่ายท้องฟ้าบนดวงจันทร์ทุกรูป กลับไร้แสงดาวและเต็มไปด้วยความมืด เพราะ NASA จงใจลบดวงดาวออกไปจากภาพถ่ายทั้งหมด เพื่อป้องกันไม่ให้นักดาราศาสตร์วิเคราะห์ตำแหน่งดวงดาวและสามารถบอกได้ว่าเป็นภาพถูกถ่ายที่ตำแหน่งใดบนพื้นโลก

การส่งยานอวกาศไปจอดบนดวงจันทร์ของโครงการ Apollo ทุกครั้งเกิดขึ้นในช่วงกลางวันของดวงจันทร์ (Lunar Daytime) แสงจากดวงดาวเพียงเล็กน้อยบนท้องฟ้าของดวงจันทร์ในช่วง Lunar Daytime จึงถูกบดบังด้วยแสงจากดวงอาทิตย์และแสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากผิวดวงจันทร์

เอมิลี ดราเบค-มอนเดอร์ นักดาราศาสตร์จากหอดูดาวหลวงเกรนิช (Royal Observatory Greenwich) จากประเทศอังกฤษ ชี้แจงว่า NASA ปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ของกล้องประจำตัวนักบินอวกาศเอาไว้สูงมาก เพื่อป้องกันไม่ให้แสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากผิวดวงจันทร์ทำให้รูปภาพสว่างมากเกินไป (Overexpose) การปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ให้สูง ส่งผลให้กล้องไม่สามารถจับแสงเพียงเล็กน้อยจากดวงดาวบนท้องฟ้าของดวงจันทร์ได้

นอกจากนี้ การปรับค่าความเร็วชัตเตอร์ของกล้องถ่ายภาพให้สูง เมื่อนำกล้องไปถ่ายภายฉากหน้าเป็นวัตถุเรืองแสง จะส่งผลให้ฉากพื้นหลังเปลี่ยนเป็นฉากมืดทึบ

  1. เมื่อยาน Eagle หรือยานลงจอดบนดวงจันทร์ (Lunar Module Eagle) สัมผัสบนผิวดวงจันทร์ กลับไม่มีร่องรอยการเกิดฝุ่นคลุ้งกระจายหรือการเกิดแอ่งบนดวงจันทร์จากการปล่อยไอพ่นจากยานขณะลงจอด

เอมิลี ดราเบค-มอนเดอร์ นักดาราศาสตร์จากหอดูดาวหลวงเกรนิช อธิบายว่า ก่อนการลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ ยาน Eagle ไม่ได้ลงจอดตามแนวดิ่งโดยทันที แต่เดินทางไปตามแนวขนานกับพื้นผิวดวงจันทร์ก่อนการลงจอด ทิศทางของไอพ่น (Thruster) จึงไม่ชี้ลงบนผิวดวงจันทร์โดยตรง การจอดของยานลงจอดบนดวงจันทร์จึงไม่ก่อให้เกิดฝุ่นคลุ้งกระจายจำนวนมาก ยกเว้นตอนที่ยานลงจอดจะพบว่ามีฝุ่นคลุ้งกระจายจำนวนเล็กน้อย

โรเจอร์ แลนนิอัส อดีตหัวหน้านักประวัติศาสตร์ของ NASA เล่าว่า ยานลงจอดบนดวงจันทร์ไม่จำเป็นต้องใช้ไอพ่นขนาดใหญ่เพื่อการลงจอดบนผิวดวงจันทร์ เนื่องจากแรงดึงดูดบนดวงจันทร์น้อยกว่าโลกถึง 6 เท่า การลงจอดจึงเป็นไปอย่างนิ่มนวลและไม่ก่อให้เกิดแอ่งบนดวงจันทร์แต่อย่างใด

  1. เงาจากภาพถ่ายบนดวงจันทร์ดูผิดธรรมชาติ น่าจะเกิดจากการจัดแสงสปอตไลต์เพื่อการถ่ายทำ

บนดวงจันทร์มีแหล่งกำเนิดแสงที่หลากหลาย ทั้งแสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากผิวดวงจันทร์ แสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากผิวโลก แสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากยานลงจอดบนดวงจันทร์และชุดของนักบินอวกาศ

เมื่อแสงเหล่านั้นสะท้อนไปยังภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์บนดวงจันทร์ ทั้งแอ่ง เนินเขา และฝุ่นบนดวงจันทร์ (Moon Dust) จึงก่อให้เกิดการหักเหแสง และส่งผลให้เงาบนดวงจันทร์มีความแตกต่างจากเงาที่เกิดบนพื้นผิวโลก ซึ่งอาจจะเงายาวกว่า สั้นกว่า หรือบิดเบี้ยวจนผิดจากรูปร่างที่ควรจะเป็น

นอกจากนี้ กล้องที่ใช้บันทึกภาพบนดวงจันทร์ยังใช้เลนส์มุมกว้าง ซึ่งมีส่วนทำให้ภาพของวัตถุบิดเบี้ยวจากความเป็นจริงได้อีกด้วย

  1. ไม่มีนักบินอวกาศคนใดถือกล้องถ่ายรูป แล้วใครเป็นคนถ่ายภาพบนดวงจันทร์ ถ้าไม่ใช่ช่างภาพในกองถ่าย

NASA ออกแบบให้กล้องประจำตัวนักบินอวกาศติดไว้ที่บริเวณหน้าอกของชุดนักบินอวกาศ จึงไม่จำเป็นต้องยกกล้องขึ้นมาเล็งก่อนการถ่ายภาพเหมือนกล้องทั่วไป

ข้อมูลอ้างอิง :

https://apnews.com/article/8bad42bcddb94c91860c76b71f994e45
https://en.wikipedia.org/wiki/Moon_landing_conspiracy_theories

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย