กรุงเทพฯ 29 ก.ย. – “ธรรมนัส” เผยเตรียมผลักดันโครงการสร้างถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เป็นคันกั้นน้ำถาวร แก้น้ำท่วมซ้ำซาก ควบคู่โครงการคลองบางบาล–บางไทร ล่าสุดกรมชลประทานรายงานปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 2,300 ลบ.ม./วินาที
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาว่า ได้เร่งหามาตรการระยะยาวแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากบริเวณลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง โดยเฉพาะการก่อสร้างถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก เพื่อใช้เป็นแนวคันกั้นน้ำถาวร ลดความเสียหายจากน้ำท่วมซ้ำซาก และยังสามารถต่อยอดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวได้ในอนาคต
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำเกิดขึ้นซ้ำทุกปี จึงจำเป็นต้องหาทางออกอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะเชื่อมโยงกับโครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำบางบาล–บางไทร ซึ่งมีความล่าช้าจากปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงาน พร้อมกำชับให้เร่งหาผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาดำเนินการโดยเร็ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำช่วงวิกฤติ
ล่าสุดกรมชลประทาน รายงานว่า จำเป็นต้องปรับเพิ่มปริมาณการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา หลังจากพื้นที่ตอนบนมีฝนตกหนักต่อเนื่องและปริมาณน้ำเหนือไหลสมทบ โดยเวลา 10.00 น. วันนี้ (29 ก.ย.) ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี C.2 นครสวรรค์อยู่ที่ 2,513 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากนั้นน้ำจากแม่น้ำแม่น้ำสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานี มาสมทบ 32 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที กรมชลประทานจึงปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป โดยจะคงอัตราการระบายดังกล่าว
ร.อ.ธรรมนัส ยังระบุว่า จากการติดตามการบริหารจัดการน้ำลุ่มเจ้าพระยา พบอุปสรรคจากขั้นตอนการขออนุญาตปรับเพิ่มการระบายน้ำ ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที จึงเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับกฎเกณฑ์ ลดขั้นตอนการอนุมัติ เพื่อให้การจัดการน้ำสอดคล้องกับสถานการณ์จริง
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมชลประทานเตรียมความพร้อมรับมือพายุ “บัวลอย” ซึ่งจะส่งผลให้เกิดฝนตกต่อเนื่องถึงวันที่ 30 กันยายน และยังมีฝนชุกในช่วงปลายฤดูฝนปีนี้ โดยยืนยันว่ามาตรการทั้งหมดจะทำให้ กรุงเทพมหานครปลอดภัยจากน้ำท่วมอย่างแน่นอน. -512-สำนักข่าวไทย