ชัวร์ก่อนแชร์: ชาวออสซี่ตายด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 17% เพราะวัคซีนโควิด จริงหรือ?

23 มีนาคม 2566
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : Politifact (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ประเภทข่าวปลอม : ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


  1. เป็นการตัดต่อข้อความจากรายงานข่าวเพื่อสร้างความเข้าใจผิด
  2. ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าสาเหตุที่ชาวออสเตรเลียเสียชีวิตจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้นในปี 2022 เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้คนเสี่ยงเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีคลิปวิดีโอข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทาง Instagram ในประเทศออสเตรเลียและต่างประเทศ ที่อ้างว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 มีชาวออสเตรเลียเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยระบุว่าสาเหตุมาจากการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 จนทำให้ผู้คนต้องเสียชีวิตจากอาการข้างเคียงของวัคซีน

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


ในคลิปที่กล่าวอ้าง ประกอบภาพวิดีโอที่แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกคือการรายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ 9News Queensland ของประเทศออสเตรเลีย ออกอากาศเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2023 โดยผู้ประกาศรายงานว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 มีชาวออสเตรเลียเสียชีวิตจากโรคหัวใจถึง 10,200 ราย เพิ่มจากปีก่อน ๆ ถึง 17%

ส่วนวิดีโอช่วงที่ 2 เป็นการแสดงความเห็นของ แบลร์ คอทเทลล์ นักเคลื่อนไหวชาวออสเตรเลียวัย 33 ปี ที่มีแนวคิดขวาจัด โดยเขาอ้างว่า “เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2021 รัฐบาลออสเตรเลียได้ร่วมมือกับบริษัทยาข้ามชาติ ออกกฎบังคับให้ชาวออสเตรเลียฉีดวัคซีน mRNA ที่อยู่ในระหว่างการทดลองจำนวน 2 เข็ม มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน หลังจากนั้น 8 เดือน ก็มีคนตายจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้นถึง 17%”

อย่างไรก็ดี ในรายงานฉบับเต็มของ 9News Queensland ไม่ได้ระบุว่าการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนแต่อย่างใด

ผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความเห็นในรายงานข่าวของ 9News Queensland ชี้ว่า ปัจจัยที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้นมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากผู้ป่วยบางรายที่ติดเชื้อโควิด-19 มีความเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดในสมองมากขึ้น

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดยังก่อให้เกิดการล่าช้าในการรักษาและการตรวจสุขภาพ ส่งผลให้การวินิจฉัยโรคและการรักษาช้ากว่าที่ควรจะเป็น เช่นเดียวกับความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรับมือกับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก ส่งผลต่อประสิทธิภาพด้านการรักษาโดยรวม

ในวันที่ 21 มกราคม 2023 หนังสือพิมพ์ Sydney Morning Herald ตีพิมพ์รายงานข่าวที่อ้างอิงบทวิเคราะห์ข้อมูลสถิติการเสียชีวิตโดยสถาบัน Actuaries Institute ของประเทศออสเตรเลีย

ข้อมูลต้นฉบับที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2022 พบว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 มีชาวออสเตรเลียเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease) จำนวน 10,220 ราย มากกว่าการคาดการณ์ประมาณ 17% รายงานระบุว่า การรักษาและการตรวจสุขภาพที่ล่าช้า คือปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น

กราฟการเสียชีวิตส่วนเกินในประเทศออสเตรเลียในปี 2022
จากหนังสือพิมพ์ Sydney Morning Herald

นอกจากนี้ยังมีการยืนยันว่า การเสียชีวิตโดยมีสาเหตุจากวัคซีนโควิด-19 มีสัดส่วนที่น้อยมาก

ข้อมูลจากหน่วยงานบริหารสินค้ารักษาโรคของออสเตรเลีย (Therapeutic Goods Administration หรือ TGA) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2022 พบว่า ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2022 มีรายงานการเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 944 ครั้ง โดยพบรายที่วัคซีนมีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตเพียง 14 ราย

13 ราย เป็นการเสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดสแรกของบริษัท AstraZeneca โดย 8 รายมีภาวะลิ่มเลือดอุดตันและภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombosis with Thrombocytopenia Syndrome หรือ TTS) 2 รายมีอาการ Guillain-Barre syndrome โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลาย, 2 รายป่วยด้วยโรคระบบประสาทที่พบได้ยาก และ 1 รายป่วยด้วยโรคเกล็ดเลือดต่ำจากภูมิคุ้มกัน (Immune thrombocytopenia หรือ ITP)

และมีผู้เสียชีวิต 1 รายจากอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นของบริษัท Moderna

รายงานจาก Sydney Morning Herald ระบุว่า การเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขาดเลือดที่เพิ่มขึ้นถึง 17% ในปี 2022 แม้จะน่ากังวล แต่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะแต่เดิมโรคหัวใจก็เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประเทศออสเตรเลียมานานหลายปี การมาถึงของโควิด-19 คือสิ่งกระตุ้นให้ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.politifact.com/factchecks/2023/feb/23/instagram-posts/covid-19-vaccines-did-not-cause-17-increase-deaths/

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

ฝนถล่มน้ำท่วมหลายพื้นที่ ส่งสัญญาณรับมือฤดูน้ำหลาก

เชียงราย 27 มิ.ย. – ชาวบ้านอย่างน้อย 4,000 ครอบครัวใน 5 อำเภอของเชียงราย เดือดร้อนหนักจากน้ำท่วม หลังฝนตกทั้งคืน โดยเฉพาะ อ.พญาเม็งราย วัดปริมาณฝนได้กว่า 300 มิลลิเมตร น้ำท่วมสูงเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุออกจากบ้านเพื่อความปลอดภัย ล่าสุดแม้ระดับน้ำที่ท่วมหลายจุดเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะน้ำท่วมครั้งนี้เป็นเหมือนสัญญาณเตือนให้เตรียมรับมือฤดูน้ำหลากในปีนี้.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ คุยตรง “มาครง” หวังฝรั่งเศสประสานเอื้อเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 27 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” หารือ “ปธน.มาครง” ทางโทรศัพท์ กระชับความสัมพันธ์ ยันให้ความสำคัญกับบทบาทศูนย์กลางของอาเซียนรับมืออาชญากรรมข้ามชาติ-ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ย้ำ ไทยหนุนกลไกล JBC ทำงานเดินหน้าด้วยดี หวัง ฝรั่งเศส ประสานความร่วมมือ เอื้อเจรจาทวิภาคีไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 16.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายเอมานูว์แอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยนายกรัฐมนตรี และประธานาธิบดีมาครง แสดงความยินดีที่ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีรับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ยืนยันความตั้งใจที่จะยกระดับความสัมพันธ์ไทย–ฝรั่งเศส สู่ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์โดยเร็ว พร้อมแสดงความยินดีหากประธานาธิบดีมาครง จะเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในห้วงที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดขององค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศส (Organisation Internationale de la Francophonie : OIF) ที่กัมพูชาในปีหน้า ซึ่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ รวมถึงเชิญเข้าร่วมการประชุม Paris Peace Forum ที่ฝรั่งเศส เช่นกัน […]

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

“ภูมิธรรม” เผยวงถก สมช. ยังคุมเข้มมาตรการชายแดนกัมพูชา

ทำเนียบ 27 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยที่ประชุม สมช. ยังคุมเข้มมาตรการชายแดนกับกัมพูชา แต่ไม่เพิ่มมาตรการ เชื่อสถานการณ์จะดีขึ้น ความรุนแรงเป็นสิ่งสุดท้ายในการแก้ปัญหา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่าวันนี้มีการพิจารณาทบทวนมาตรการต่างๆ ในการดูแลพื้นที่ชายแดนมั้งหมด ยังยืนยันปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ยังใช้มาตรการเดิมเพราะเป็นมาตรการที่ยังใช้ได้ และยืนยันจะใช้สันติวิธีและพยายามหลีกเลี่ยงผลกระทบ ไม่ให้ประชาชนสองฝ่ายได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ยังมีมาตรการสนับสนุนเจรจาของทั้งสองฝ่าย ส่วนการปิดด่านผ่านแดง ยังอยู่ใน ขั้นที่หนึ่งและสอง คือการจำกัดเวลาเข้าออก และการอนุญาตตัวบุคคล สิ่งที่กัมพูชาประกาศมาตรการใดๆ ออกมา โดยเฉพาะเรื่องการปิดด่านต่างๆ ถือเป็นเหตุและผลของกัมพูชา แต่ของไทยยังยืนยันในความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา ส่วนมากมาตรการ seal stop safe อยากให้กลับไปทบทวน ว่า สิ่งที่ดำเนินการไป 3-4 เดือน ให้เร่งดำเนินการประเมินผล ว่ายังต้องคงมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟฟ้า อยู่หรือไม่เพราะขณะนี้ชายแดน ส่วนที่เป็นปัญหาอยู่เดิมเริ่มลดน้อยลง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เข้าไปลึกกว่านั้น ก็ต้องดูว่าจะจัดการอย่างไร โดยมอบหมายให้คณะเล็กไปพิจารณาดำเนินการ ส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เสนอให้ยกเลิกการจัดกิจกรรม ครบรอบจากสถาปนาความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ได้เสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม […]