fbpx

ชัวร์ก่อนแชร์: ชาวออสซี่ตายด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 17% เพราะวัคซีนโควิด จริงหรือ?

23 มีนาคม 2566
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย : Politifact (สหรัฐอเมริกา)
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ประเภทข่าวปลอม : ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


  1. เป็นการตัดต่อข้อความจากรายงานข่าวเพื่อสร้างความเข้าใจผิด
  2. ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าสาเหตุที่ชาวออสเตรเลียเสียชีวิตจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้นในปี 2022 เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้คนเสี่ยงเป็นโรคหัวใจเพิ่มขึ้น

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีคลิปวิดีโอข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ทาง Instagram ในประเทศออสเตรเลียและต่างประเทศ ที่อ้างว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 มีชาวออสเตรเลียเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยระบุว่าสาเหตุมาจากการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 จนทำให้ผู้คนต้องเสียชีวิตจากอาการข้างเคียงของวัคซีน

FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:


ในคลิปที่กล่าวอ้าง ประกอบภาพวิดีโอที่แบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกคือการรายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ 9News Queensland ของประเทศออสเตรเลีย ออกอากาศเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2023 โดยผู้ประกาศรายงานว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 มีชาวออสเตรเลียเสียชีวิตจากโรคหัวใจถึง 10,200 ราย เพิ่มจากปีก่อน ๆ ถึง 17%

ส่วนวิดีโอช่วงที่ 2 เป็นการแสดงความเห็นของ แบลร์ คอทเทลล์ นักเคลื่อนไหวชาวออสเตรเลียวัย 33 ปี ที่มีแนวคิดขวาจัด โดยเขาอ้างว่า “เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2021 รัฐบาลออสเตรเลียได้ร่วมมือกับบริษัทยาข้ามชาติ ออกกฎบังคับให้ชาวออสเตรเลียฉีดวัคซีน mRNA ที่อยู่ในระหว่างการทดลองจำนวน 2 เข็ม มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน หลังจากนั้น 8 เดือน ก็มีคนตายจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้นถึง 17%”

อย่างไรก็ดี ในรายงานฉบับเต็มของ 9News Queensland ไม่ได้ระบุว่าการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นมีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนแต่อย่างใด

ผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความเห็นในรายงานข่าวของ 9News Queensland ชี้ว่า ปัจจัยที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้นมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากผู้ป่วยบางรายที่ติดเชื้อโควิด-19 มีความเสี่ยงที่จะป่วยด้วยโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดในสมองมากขึ้น

นอกจากนี้ การแพร่ระบาดยังก่อให้เกิดการล่าช้าในการรักษาและการตรวจสุขภาพ ส่งผลให้การวินิจฉัยโรคและการรักษาช้ากว่าที่ควรจะเป็น เช่นเดียวกับความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องรับมือกับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก ส่งผลต่อประสิทธิภาพด้านการรักษาโดยรวม

ในวันที่ 21 มกราคม 2023 หนังสือพิมพ์ Sydney Morning Herald ตีพิมพ์รายงานข่าวที่อ้างอิงบทวิเคราะห์ข้อมูลสถิติการเสียชีวิตโดยสถาบัน Actuaries Institute ของประเทศออสเตรเลีย

ข้อมูลต้นฉบับที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2022 พบว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 มีชาวออสเตรเลียเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease) จำนวน 10,220 ราย มากกว่าการคาดการณ์ประมาณ 17% รายงานระบุว่า การรักษาและการตรวจสุขภาพที่ล่าช้า คือปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น

กราฟการเสียชีวิตส่วนเกินในประเทศออสเตรเลียในปี 2022
จากหนังสือพิมพ์ Sydney Morning Herald

นอกจากนี้ยังมีการยืนยันว่า การเสียชีวิตโดยมีสาเหตุจากวัคซีนโควิด-19 มีสัดส่วนที่น้อยมาก

ข้อมูลจากหน่วยงานบริหารสินค้ารักษาโรคของออสเตรเลีย (Therapeutic Goods Administration หรือ TGA) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2022 พบว่า ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2022 มีรายงานการเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน 944 ครั้ง โดยพบรายที่วัคซีนมีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตเพียง 14 ราย

13 ราย เป็นการเสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 โดสแรกของบริษัท AstraZeneca โดย 8 รายมีภาวะลิ่มเลือดอุดตันและภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombosis with Thrombocytopenia Syndrome หรือ TTS) 2 รายมีอาการ Guillain-Barre syndrome โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของระบบประสาทส่วนปลาย, 2 รายป่วยด้วยโรคระบบประสาทที่พบได้ยาก และ 1 รายป่วยด้วยโรคเกล็ดเลือดต่ำจากภูมิคุ้มกัน (Immune thrombocytopenia หรือ ITP)

และมีผู้เสียชีวิต 1 รายจากอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นของบริษัท Moderna

รายงานจาก Sydney Morning Herald ระบุว่า การเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขาดเลือดที่เพิ่มขึ้นถึง 17% ในปี 2022 แม้จะน่ากังวล แต่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะแต่เดิมโรคหัวใจก็เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประเทศออสเตรเลียมานานหลายปี การมาถึงของโควิด-19 คือสิ่งกระตุ้นให้ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้น

ข้อมูลอ้างอิง:

https://www.politifact.com/factchecks/2023/feb/23/instagram-posts/covid-19-vaccines-did-not-cause-17-increase-deaths/

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศร้อนจัด-กลางวันฟ้าหลัว

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนมีอากาศร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวตอนกลางวัน แนะหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนอง 10%

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง