“พะเยา เชียงราย แพร่ น่าน” ผนึกกำลัง 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2  จัดใหญ่งานวิ่งเลาะเวียงเมืองล้านนาตะวันออก 

นายบำรุง สังข์ขาว รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา  พร้อมด้วย นายคุณากร คชหิรัญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่,  นายวิภุช วิเศษสิงห์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพะเยา ,นางสาวนพรัตน์ ศตะรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน  และ นางสาวมุกภารัศมิ์ พรมอะริยะ  ผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ร่วมแถลงข่าว กิจกรรมวิ่งเลาะเวียงล้านนาตะวันออก   ณ ห้องแคทลียา 1 ชั้น 1 โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 โดยมีว่าที่ร้อยตรีรังสรรค์ จอมนวล นักวิเคราะห์และนโยบายแผนชำนาญการผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ เข้าร่วมงาน


นายบำรุง  สังข์ขาว รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา กล่าวถึงภาพรวมและความพร้อมในการจัดกิจกรรมฯ สำหรับกิจกรรมวิ่งเลาะเวียงล้านนาในครั้งนี้ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย, จังหวัดพะเยา,จังหวัดน่าน และจังหวัดแพร่  ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 2 ไทยเป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน ที่มีเป้าหมายปรับโครงสร้างการท่องเที่ยวให้พึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศและมีการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทย และรายได้จากการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยการพัฒนากิจกรรมและรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงเฉพาะผ่านกิจกรรมวิ่ง ปั่น ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2  จังหวัดเชียงราย, จังหวัดพะเยา,จังหวัดน่าน และจังหวัดแพร่ 

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2  และเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ โดยจะจัดกิจกรรมจำนวน 7 ครั้ง เป็นกิจกรรมวิ่งเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว วิ่งเลาะเวียงล้านนาตะวันออก (เวียงลอ พะเยา, เวียงหนองหล่ม เชียงราย, เวียงสา น่าน และเวียงโกศัย แพร่) จำนวน 4 ครั้ง (เชียงราย,พะเยา, แพร่, น่าน)  มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวนไม่น้อยกว่า 700 คน/ครั้ง ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ


โดยการแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 3  ประเภทคือ มาราธอน ระยะทาง 42 กิโลเมตร ,ฮาล์ฟมาราธอน ระยะทาง 21 กิโลเมตร  และ วิ่ง Fun RUN ระยะทางไม่น้อยกว่า 5 กิโลเมตร
สำหรับการแข่งขันจะเริ่มขึ้นที่จังหวัดพะเยา 
สนามที่ 1  วิ่งเลาะเวียง 1 เวียงลอ พะเยา  ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-1  ธ.ค. 67  โดยมีจุดสตาร์และเส้นชัยที่  โบราณสถาน เวียงลอ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา
สนามที่ 2  วิ่งเลาะเวียง 2 เวียงหนองหล่ม เชียงราย  ระหว่างวันที่   วันที่ 7 – 8 ธันวาคม 2567  ใช้เส้นทางแข่งขันบริเวณโรงเรียนจันจว้าวิทยาคม  จุด FINISH เวียงหนองหล่ม   ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย              
สนามที่ 3  วิ่งเลาะเวียง 3 เวียงสา น่าน ระหว่าง วันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2567 จุดสตาร์-เส้นชัย บริเวณ ข่วงเมืองสา ตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
สนามที่ 4 : วิ่งเลาะเวียง 4 เวียงโกศัย แพร่   ระหว่างวันที่ 21 – 22 ธันวาคม 2567 จุดสตาร์-เส้นชัย  อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ตำบลแม่เกิ๋ง อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่

ส่วนกิจกรรมวิ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดพะเยา จำนวน 3 ครั้ง โดยแบ่งออกเป็นดังนี้ กิจกรรมวิ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอเชียงม่วน ระยะทาง 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร  ระหว่างวันที่ 19 – 20 ตุลาคม 2567   อำเภอเชียงม่วน จังหวัดพะเยา ณ สวนสาธารณะฝั่งต้า, กิจกรรมวิ่ง Night Run กว๊านพะเยา ระยะทาง 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร ระหว่างวันที่ 2 – 3 พฤศจิกายน 2567 อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา และ กิจกรรมวิ่งเทรลบ่อสิบสอง จังหวัดพะเยา ระยะทาง 5 กิโลเมตร และ 21 กิโลเมตร  ระหว่างวันที่  วันที่ 16 – 17 พฤศจิกายน 2567 อำเภอแม่ใจ จังหวัดพะเยา

รองผู้ว่ากล่าวต่ออีกว่า ทุกกิจกรรมที่จังหวัดพะเยาจัดแข่ง ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น สนามแข่งขัน ที่พัก อาหาร ซึ่งด้านมาตรฐานและความปลอดภัย จะมีเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้และประสบการณ์ผ่านการอบรมจากหน่วยงานราชการ  และ ได้มีจัดทำระบบการท่องเที่ยวเสมือนจริง (Virtual Tour) ในลักษณะ Animation หมุนแบบ 360 องศา บนแฟลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งบรรจุฐานข้อมูลการท่องเที่ยวโดยชุมชนในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) จำนวน 20 ชุมชน เพื่อจัดแสดง รองรับการใช้งาน 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน


นางสาวมุกภารัศมิ์ พรมอะริยะ  ผู้แทนท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า สำหรับสนามที่ 2 จังหวัดเชียงราย ได้เลือกเวียงหนองหล่ม ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่จัดกิจกรรม ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 7 – 8 ธันวาคม 2567 มีจุด START โรงเรียนจันจว้าวิทยาคม  วิ่งผ่าน เวียงหนองหล่ม ตำบลจันจว้า อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย              

เวียงหนองหล่ม ซึ่งเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่ง ในภาคเหนือของประเทศไทย เพราะได้รับการเชื่อมโยงเข้ากับตำนานกำเนิด และล่มสลายของชุมชนโบราณที่เรียกว่า “เมืองโยนกนครพันธ์ สิงหนวัตินคร” หรือเวียงหนองล่ม หรือ “เวียงหนองหล่ม”

ด้านนางสาวนพรัตน์ ศตะรัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า สำหรับสนามที่ 3 จังหวัดน่าน ได้เลือกเวียงสา ตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เป็นสถานที่จัดกิจกรรม ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 14 – 15 ธันวาคม 2567 มีจุด START – FINISH  ข่วงเมืองสา  ตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน

นายคุณากร คชหิรัญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า สำหรับสนามที่ 4 จังหวัดแพร่ ได้เลือกเวียงโกศัย (อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย) ตำบลแม่เกิ๋ง อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ เป็นสถานที่จัดกิจกรรม ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 21 – 22 ธันวาคม 2567 มีจุด จุด START – FINISH อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ตำบลแม่เกิ๋ง อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่
ชื่อ “เวียงโกศัย” มีชื่อดอยที่เป็นที่ตั้งขององค์พระธาตุช่อแฮ ซึ่งเป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมืองแพร่ คือ ดอยโกสิยธชัคบรรพต หมายถึง ดอยแห่งผ้าแพร เมืองแพล เป็นชื่อปรากฎในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช หลักที่ 1 ด้านที่ 4 โดยคำว่า แพล น่าจะมาจากศรัทธาของชาวเมืองที่มีตร่อพระธาตุช่อแพร หรือ ช่อแฮ ที่สร้างขึ้น ภายหลังการสร้างเมืองต่อมา จึงได้เรียกชื่อ เมืองของตนว่า เมืองแพล และได้กลายเสียงเป็นเมืองแพร่ปัจจุบัน

สำหรับนักกีฬาที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ 
FB: วิ่งเลาะเวียง เมืองล้านนาตะวันออก
https://www.facebook.com/profile.php?id=61565690733307&mibextid=ZbWKwL

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]