สปส. 27 ธ.ค.-ประกันสังคม โชว์ผลงานปี 64 ช่วยเหลือเยียวยาลดผลกระทบนายจ้างและผู้ประกันตนจากสถานการณ์โควิด-19 พร้อมมอบของขวัญปีใหม่ยึดประโยชน์ผู้ประกันตนเป็นหลัก ขณะที่สถานะกองทุนฯ ล่าสุดยอด 2.2ล้านล้านบาทมีกำไรจากการลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม นำทีมผู้บริหารแถลงผลงานเด่น ปี 2564 ว่า สำนักงานประกันสังคมให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมโดยสร้างหลักประกันสังคมที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกช่วงวัยและทุกกลุ่ม จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาเป็นโจทย์สำคัญของสำนักงานประกันสังคมในส่วนของกลุ่มผู้ใช้แรงงานได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือ เยียวยาลดภาระค่าใช้จ่ายและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับนายจ้าง ผู้ประกันตน การลดผลกระทบจากปัญหาการว่างงาน การรักษาพยาบาล การเยียวยาเพิ่มเติม และยกระดับการเข้าถึงระบบประกันสังคม เช่น โครงการช่วยเหลือเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตน มาตรา33 ,39 และ 40 ,โครงการ ม. 33 เรารักกัน คนละ 6,000 บาท ,ลดอัตราเงินสมทบให้กับนายจ้าง ผู้ประกันตน ม.33 ม.39
ทั้งนี้ สำหรับสถานะกองทุนฯขณะนี้ยอดเงินกองทุน 2.2 ล้านล้านบาท มีกำไรจากการลงทุนตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ กว่า 5 หมื่นล้านบาท ได้ผลตอบแทนกำไรไม่ขาดทุน ขออย่ากังวลสถานะการเงิน
นายบุญสงค์ กล่าวว่า สำหรับปี 2565 ทางสำนักงานประกันสังคมมีความมุ่งมั่นทำงานเชิงรุก เตรียมส่งมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ผู้ใช้แรงงานอุ่นใจ โดยการจัดการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้แรงงานมีหลักประกันการดำรงชีวิตที่มั่นคงให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ได้ขานรับนโยบายโดยมอบของขวัญปีใหม่ 2565 สำหรับผู้ประกันตน มีดังนี้
- ลดขั้นตอนอนุมัติสิทธิ สำนักงานประกันสังคมปรับรูปแบบบริการขออนุมัติสิทธิฟอกเลือด ผู้ประกันตนไม่ต้องสำรองจ่ายได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 เป็นต้นไป โดยพัฒนาระบบการลงทะเบียนการบำบัดทดแทนไตกรณีฟอกเลือดร่วมกับสำนักสารสนเทศบริการสุขภาพ (สกส.) จากเดิม ผู้ประกันตนรายใหม่ไปรักษาที่สถานพยาบาลต้องสำรองจ่ายไปก่อนและไปยื่นเอกสารที่สำนักงานประกันสังคม รอผลการอนุมัติใช้ระยะเวลารอคอยนาน (สูงสุดใช้ระยะเวลา 3 เดือน) เปลี่ยนเป็น ผู้ประกันตนรายใหม่ไปยื่นที่สถานพยาบาลที่รักษาได้ทันที ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ต้องสำรองจ่าย ทำให้ผู้ประกันตนได้รับความสะดวกรวดเร็ว (One Stop Service) ลดเอกสาร ลดขั้นตอน
สำหรับผู้ประกันตนไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายรายใหม่ และมารับบริการฟอกเลือดด้วยเครื่อง ไตเทียมเฉลี่ยเดือนละ 240 คน (อัตราเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1,500 บาทต่อครั้ง)
- ลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เหลือร้อยละ 60 เป็นระยะเวลา 6 เดือน
- จัดหาของเยี่ยมให้กับผู้ประกันตนทั้ง 3 มาตรา ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง ผู้ทุพพลภาพ ที่รักษาตัว ณ สถานพยาบาล หรือออกเยี่ยม ณ บ้านพักของผู้ประกันตน
พร้อมฝากผู้ประกันตน ม. 33 ที่ฉีดเข็ม 2 แล้ว เร่งลงทะเบียน เพื่อรับสิทธิฉีดวัคซีนเข็ม3 ในช่วงกลางเดือนมกราคม 2565 ส่วนกลุ่มผู้ประกันตนที่เดินทางช่วงปีใหม่หากเกิดอุบัติเหตุ สามารถเข้ารักษาโรงพยาบาลที่ไหนก็ได้/ สำหรับผู้ประกันตนอิสระ อาชีพอิสระ ประมาณ 10 ล้านคน เชิญชวนให้ส่งเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์ครบถ้วนของประกันสังคม .-สำนักข่าวไทย