fbpx

กรม สบส.เข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 ในสถานดูแลผู้สูงอายุทั่วกรุง

กรุงเทพฯ 25 ก.ค. – กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เข้มมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ในสถานดูแลผู้สูงอายุ ย้ำทุกแห่งต้องดำเนินการตามมาตรฐาน มีการคัดแยกผู้สูงอายุรายใหม่ 14 วัน ก่อนเข้าพักในพื้นที่ปกติ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล งดสัมผัสตัวผู้สูงอายุ ป้องกันการระบาด


นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) ให้สัมภาษณ์ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศ ซึ่งมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา ผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อได้ง่าย และเกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรงมากกว่าช่วงวัยอื่นๆ เนื่องด้วยสภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง ภูมิคุ้มกันลดลงตามวัย อีกทั้งในบางรายก็มีโรคประจำตัว อาทิ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคปอด การดูแลผู้สูงอายุจึงต้องกระทำด้วยความระมัดระวังและรอบคอบมากกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะการดูแลผู้สูงอายุในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ประเภทสถานดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง ที่มีผู้สูงอายุอยู่เป็นจำนวนมาก จะต้องมีการดำเนินการอย่างมีมาตรฐาน ปลอดภัย ถูกต้องตามหลักวิชาการในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19

ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้เกิดการระบาดและการเสียชีวิตในผู้สูงอายุด้วยโรคโควิด-19 อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศไทยให้สามารถฟื้นตัวและพัฒนา กรม สบส. จึงได้ดำเนินการแจ้งเวียนแนวทางการดำเนินการและการบริหารจัดการสำหรับกิจการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงทุกแห่ง ที่ขึ้นทะเบียนกับกรม สบส. ให้ทุกแห่งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากพบว่าสถานประกอบการแห่งใดย่อหย่อนมาตรฐานก็จะมีคำสั่งให้แก้ไขปรับปรุงให้ถูกต้องเหมาะสมภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามก็จะมีการดำเนินการในขั้นต่อไป คือ สั่งปิดเป็นการชั่วคราว หรืออาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการต่อไป


นพ.ธเรศ กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคสำหรับกิจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง ในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งจัดทำขึ้นโดยกรม สบส. จะเน้นในด้านองค์ประกอบของการจัดบริการของผู้ประกอบการ ผู้ดำเนินการ ผู้ดูแลผู้สูงอายุ พนักงานทำความสะอาด รวมถึงตัวของผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุรายใหม่ ผู้มาติดต่อและเข้าเยี่ยม โดยการรับผู้สูงอายุรายใหม่จะต้องมีผลตรวจโรคโควิด-19 ยืนยันก่อนรับตัว และเมื่อรับตัวเข้ามาแล้วจะต้องจัดพื้นที่ให้ผู้สูงอายุรายใหม่แยกจากพื้นที่ปกติ มีการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา 14 วัน และจะต้องจัดทีมพนักงานสำหรับดูแลเฉพาะผู้สูงอายุรายใหม่โดยเฉพาะ ไม่ปะปนกับผู้สูงอายุรายเดิม และเมื่อครบกำหนดการติดตาม 14 วัน ถ้าอาการทั่วไปปกติดี จึงย้ายผู้สูงอายุรายใหม่เข้าพื้นที่ปกติได้ ส่วนผู้มาติดต่อและผู้เข้าเยี่ยม หากมีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงในระยะเวลา 14 วันก่อนหน้า หรือมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ให้งดการเข้าในพื้นที่สถานประกอบการ และในการเข้าเยี่ยมให้เข้าเยี่ยมได้เฉพาะญาติ ซึ่งจะต้องมีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล งดการกอด หอม และสัมผัสตัวผู้สูงอายุคนอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังกำหนดแนวทางปฏิบัติพิเศษสำหรับการเฝ้าระวังในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งจะต้องมีการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพราะการติดเชื้ออาจมีอาการไม่ชัดเจน อาทิ ไม่มีไข้ แต่มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือรับอาหารทางสายยางไม่ได้ ความสามารถในการช่วยเหลือตนเองลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากพบผู้ที่มีอาการข้างต้นให้รีบปรึกษาแพทย์ และในกรณีที่ตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 ในสถานประกอบการ จะต้องรายงานการติดเชื้อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และส่งต่อผู้ติดเชื้อไปโรงพยาบาล โดยประสานงานกับ 1669 พร้อมแยกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสัมผัสเชื้อ เพื่อส่งตัวไปยังสถานที่กักตัว 14 วัน อีกด้วย. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา เริ่มมีสัญญาณที่ดี-การสู้รบเงียบสงบ

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังการสู้รบเงียบสงบเกินกว่า 24 ชั่วโมง คาดมีการเจรจากันของกลุ่มต่อต้านและทางการเมียนมา หยุดยิงชั่วคราวเพื่อลดผลกระทบ

“บิ๊กโจ๊ก” ยื่น ป.ป.ช.อีกรอบ สอบตำรวจทำคดีเว็บพนันออนไลน์

“บิ๊กโจ๊ก” บุกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อีกครั้ง เพื่อยื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษหัวหน้าและคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมดในคดีเว็บพนันออนไลน์ที่มีการทำคดีโดยมิชอบ

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ใต้ พายุฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนภาคใต้ มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศร้อนจัดบางแห่ง โดยมีฝนฟ้าคะนองเล็กน้อย