ร้อง มส.-พศ.เร่งจับสึกพระร่วมม็อบ

ทำเนียบรัฐบาล 11 พ.ย.-ศรีสุวรรณ ยื่นหนังสือผ่านศูนย์ร้องเรียน ทำเนียบรัฐบาล ร้องมหาเถรสมาคม-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เร่งจับสึกพระร่วมม็อบการเมือง


วันนี้ (11พ.ย.) เวลา 10.20 น. ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ทำเนียบรัฐบาล นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องถึงมหาเถรสมาคม (มส.) ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เนื่องจากเห็นว่ามีพระภิกษุ สามเณร ออกมาร่วมชุมนุมสาธารณะหรือประท้วงทางการเมืองหลายครั้ง ซึ่งสื่อมวลชนและประชาชนได้ถ่ายรูปหน้าตานำมาเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย ทำให้เป็นที่ครหา ข้อตำหนิติเตียนของพุทธมามกะเป็นอย่างมาก

ความขัดแย้งทางการเมืองในแต่ละยุคสมัยเป็นธุรกิจของฝ่ายบ้านเมือง เป็นหน้าที่ของฆราวาสผู้มีสิทธิตามกฎหมายโดยเฉพาะ ไม่ใช้หน้าที่ของพระภิกษุสามเณรผู้อยู่นอกเหนือการเมืองข้อนี้แสดงโดยชัดแจ้งว่า ความเป็นพระภิกษุสามเณรไม่ควรแก่การเมืองโดยประการทั้งปวง การที่พระภิกษุสามเณรเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง หรือช่วยสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใด ๆ เพื่อเพื่อประโยชน์ของบุคคลใด หรือ เพื่อประโยชน์ของตนเอง ย่อมเป็นการประพฤติผิดวิสัยของสมณบรรพชิต ย่อมนำความเสื่อมเสียมาสู่ตนเองและหมู่คณะตลอดถึงพระศาสนา เป็นที่ติเตียนของสาธุชนทั้งในและนอกพระศาสนา


พฤติกรรมและการแสดงออกดังกล่าวภิกษุ-สามเณรเหล่านั้นมิได้ละอายต่อการกระทำของตนแต่อย่างไร และในทางพุทธศาสนามักเรียกขานว่า “อลัชชี” ซึ่งหมายถึงภิกษุผู้ประพฤตินอกจารีตหรือภิกขุผู้มักประพฤติละเมิดพุทธบัญญัติ ซึ่งกระทำตนมิให้เป็นที่เคารพกราบไหว้ของอุบาสก-อุบาสิกา หรือผู้เลื่อมใสในศาสนาพุทธแต่อย่างใด แต่ทำให้ภิกษุ-สามเณรทั่วประเทศที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ในศีลอยู่ในธรรมพลอยมัวหมองตามไปด้วย แต่หากไม่สามารถปฏิบัติได้ ก็ควรสึกออกไปเป็นฆารวาสเสีย อย่าทำให้ผ้าเหลืองมัวหมอง

ทั้งนี้ ภิกษุ สามเณร ต่างมีศีลบัญญัติและข้อห้ามซึ่งทางมหาเถรสมาคมซึ่งเป็นผู้ปกครองสูงสุดของภิกษุ สามเณร เป็นผู้ออกคำสั่งไว้แล้ว คือคำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง 2538 ข้อ 4 ข้อ 6 ข้อ 7 ที่สั่งห้ามพระภิกษุสามเณรเข้าไปในที่ชุมนุมทางการเมืองไม่ว่ากรณีใดๆ ห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมชุมนุมในการเรียกร้องสิทธิของบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆ และห้ามพระภิกษุสามเณรร่วมอภิปราย หรือบรรยายเรื่องเกี่ยวกับการเมืองซึ่งจัดตั้งขึ้นทั้งในวัดและนอกวัด หากฝ่าฝืนมีโทษตั้งแต่ขั้นตักเตือนไปจนถึงจับสึกได้

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความพร้อมรูปถ่ายหน้าตาภิกษุ สามเณรต่างๆที่มาร่วมม็อบในแต่ละม็อบ รวมทั้งภิกษุที่กราบไหว้ฆารวาส (อดีตพุทธอิสระ) ด้วย เพื่อนำไปร้องเรียนและมอบให้มหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมทั้งนายอนุชา นาคาศัย ในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักพุทธฯ เพื่อให้เร่งเอาผิด ลงโทษ และหรือจับภิกษุ สามเณรที่ทำตนเป็นอลัชชีเหล่านี้ให้สึกออกไปจากเพศบรรพชิตเสียให้หมด และจัดส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามกฎหมาย เพื่อมิให้มากระทำตนแปดเปื้อนต่อบวรพุทศาสนาต่อไป .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

สว.ยื่นถอดถอนรัฐมนตรี

สว. จ่อยื่นถอดถอน​ “รมต.” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร

สว. ประกาศสงคราม​ เตรียมยื่นถอดถอน​ “รัฐมนตรี” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร พ่วง​ยื่นอภิปราย-แจ้งความ​-เชิญสอบใน​กมธ.​

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท