สธ.29 ต.ค.-ปลัด สธ.ย้ำประชาชนยึดหลักDMHT สร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19 ตนเองและคนรอบข้าง ชี้ผลสำรวจพฤติกรรมสุขภาพประชาชนรอบล่าสุด พบการสวมหน้ากาก ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 67.1
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและเข้ารับการกักตัวในสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้และสถานที่กักตัวที่รัฐกำหนด จากรายงานผู้ป่วยโควิด 19 กว่าร้อยละ 50 เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน อายุ 20-49 ปี ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ ซึ่งกลุ่มนี้มักใช้ชีวิตประจำวัน มีกิจกรรมนอกบ้าน ทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้โดยไม่รู้ตัว เป้าหมายกระทรวงสาธารณสุข ไม่ใช่ทำให้ผู้ติดเชื้อภายในประเทศเป็นศูนย์ แต่เมื่อมีผู้ติดเชื้อจะค้นพบได้เร็ว จำกัดวงการแพร่กระจาย ควบคุมโรคได้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เรามีบทเรียน พร้อมรับมือการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป และประชาชนต้องปลอดภัย
“ในขณะที่ยังไม่มีวัคซีน สิ่งที่ประชาชนจะใช้เป็นเกราะป้องกันโควิด-19คือ วัคซีนDMHT โดยD: Social Distancing เว้นระยะห่างM:Mask สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน อยู่ในพื้นที่สาธารณะ H:Hand ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และT:Testing การตรวจเร็ว รักษาเร็ว ควบคุมโรคได้เร็ว ปฏิบัติให้ต่อเนื่องจะช่วยป้องกันโรคได้” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
ทั้งนี้ ผลสำรวจการรับรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนเรื่องโรคโควิด 19 (ดีดีซีโพล) ของกรมควบคุมโรคครั้งล่าสุด เก็บข้อมูลออนไลน์วันที่ 1–14 ตุลาคม2563 ผู้ตอบแบบสอบถาม 2,670 คน พบว่าประชาชนมีแนวโน้มพฤติกรรมสุขภาพลดลงทั้งการสวมหน้ากากเมื่อไม่มีอาการป่วยลดลงมาอย่างต่อเนื่องเหลือเพียงร้อยละ 67.1 จากที่เคยสูงถึงร้อยละ 93.5 ในช่วงต้นที่พบการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ,สวมหน้ากากเมื่อมีอาการป่วยลดลงอย่างเห็นได้ชัดเหลือเพียงร้อยละ81.8 และจะสวมหน้ากากต่อเนื่องลดลงเหลือร้อยละ 51.4
ส่วนการล้างมือหลังเข้าห้องสุขาและก่อน-หลังรับประทานอาหาร แนวโน้มคงที่ อยู่ในระดับดีประมาณร้อยละ70-86 การออกไปในที่ชุมชน ไปท่อง เที่ยวมากขึ้น โดยการออกนอกบ้านเท่าที่จำเป็นเพิ่มจากร้อยละ19.6 เป็นร้อยละ 30 นอกจากนี้พบว่าประชาชนยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19อยู่ โดยกังวลระดับมากร้อยละ 29.2 ปานกลางและน้อยร้อยละ65.6 ส่วนความเชื่อมั่นมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอยู่ที่ร้อยละ85.7 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งก่อน และเพิ่มจากช่วงแรกที่เกิดสถานการณ์ซึ่งความเชื่อมั่นอยู่ที่ร้อยละ 61.8 .-สำนักข่าวไทย