สบส.แถลงรวบบุคคลไม่ใช่แพทย์ทำหัตถการให้ประชาชน

ปทุมธานี 25 เม.ย. – ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วม สบส.,สสจ.ปทุมธานี แถลงรวบบุคคลไม่ใช่แพทย์ทำหัตถการให้ประชาชนกรณีเลเซอร์น้องสาวเป็นเหตุ


กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางโดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ร่วมกันแถลงผลการจับกุมบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ทำการรักษาโรคให้ประชาชน จากกรณีปรากฏข่าวประชาชนเลเซอร์ขนบริเวณอวัยวะเพศจนเกิดไหม้เป็นแผลติดเชื้อ ซึ่งการทำหัตถการ อาทิ การเลเซอร์ หรือการฉีดสารต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย โดยจะต้องกระทำโดยแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมอย่างถูกต้อง

ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยว่า สบส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กก.4.บก.ปคบ. เข้าตรวจสอบคลินิกเสริมความงามในพื้นที่อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี และพบ น.ส.สาธิตา อายุ 38 ปี ทำการเลเซอร์ขนตามร่างกายให้กับผู้รับบริการ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าสถานพยาบาลดังกล่าวมีใบอนุญาตประกอบกิจการและใบอนุญาตดำเนินสถานสถานพยาบาลถูกต้องแต่ น.ส.สาธิตา ไม่มีใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยกล่าวอ้างว่าจบหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาลทำมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าจับกุมพร้อมตรวจยึดยาแผนปัจจุบัน ยาขึ้นทะเบียนตำรับยา และเวชระเบียนผู้รับบริการ รวมถึงอุปกรณ์ในการทำการรักษา ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป


พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. กล่าวว่า การกระทำผิดดังกล่าว มีความผิดทั้ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม ฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต /พ.ร.บ.ยา ฐานขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา จากการสืบสวนเพิ่มเติมทราบว่ามีพนักงานภายในคลินิกเป็นผู้ทำหัตถการเลเซอร์ ซึ่งพนักงานสอบสวน กก.4.บก.ปคบ. จะรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายเรียกเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

ซึ่งการปล่อยให้บุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ให้บริการรักษา ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ปี 2541 “ฐานปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีคำสั่งทางปกครองให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราวหรืออาจอาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาต

เตือนประชาชนก่อนทำการรักษาหรือเสริมความงามควรตรวจสอบการได้รับอนุญาตของคลินิกและแพทย์ก่อน และแจ้งเตือนไปยังผู้ที่ลักลอบทำความผิดไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่สวมรอยเป็นหมอ ,หมอเถื่อน หรือคลินิกเถื่อนให้หยุดพฤติการณ์ดังกล่าว เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุมอย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลคลินิกเถื่อน หมอเถื่อนได้ที่สายด่วน บก.ปคบ. 1135.-417-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง