สธ. 29 ก.ย.- กรมอนามัย แจงโควิดเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง 1 ต.ค.นี้ ผู้ประกอบการกิจการบริการ 142 ประเภท ยังต้องเคร่งครัดมาตรการ Thai Stop Covid ทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง พนักงานสวมหน้ากากอนามัย แต่ไม่ต้องคัดกรอง ATK ส่วนบริการขนส่งสาธารณะ โรงหนัง เนื่องจากเว้นระยะห่างไม่ได้ ยังให้สวมหน้ากาก
นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงมาตรฐานด้านสุขอนามัย สุขาภิบาล และอนามัยสิ่งแวดล้อม สำหรับสถานประกอบกิจการ ในวันที่โควิด-19 เปลี่ยนผ่าน เข้าสู่โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ว่าหลังจากวันที่ 1 ตุลาคมนี้โควิด-19 จะกลายเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ทำให้อำนาจทางกฎหมายที่ใช้ในการควบคุมโรค เหลือแค่ พ.ร.บ.การสาธารณสุข และกฎหมายท้องถิ่น เดิมเป็นโรคติดต่ออันตรายใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.การสาธารณสุข และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ และร่วมมาตรการ Covid Free Setting และ Thai Stop Covid Plus แต่ยังคงครอบกิจกรรมและกิจการ 142 ประเภท ตั้งแต่บริการร้านอาหาร สปา อาบอบนวด การเลี้ยงเด็ก เลี้ยงสัตว์ โรงงานสิ่งทอ สถานบันเทิงผับบาร์คาราโอเกะ โดยมาตรการต่างๆ ยังคงเน้นย้ำถึงเรื่องความปลอดภัยและสะอาด ตามหลัก Thai Stop Covid Plus ได้แก่
1.ทำความสะอาดสิ่งสัมผัสส่วนกลางหรือส่วนรวม 2.จัดสถานที่ให้มีระบบระบายอากาศที่ดี 3.จัดให้มีอุปกรณ์ล้างมืออย่างเพียงพอ เป็นผู้ให้บริการไม่จำเป็นต้องตรวจคัดกรองด้วย ATK แต่หากรู้ตัวว่าป่วยหรือสงสัยติดเชื้อต้องมีการตรวจ ATK พนักงานผู้ให้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัย สำหรับในพื้นที่สาธารณะ เช่น ในรถไฟฟ้าใต้ดินหรือบริการขนส่งสาธารณะ รวมถึงโรงภาพยนตร์ เนื่องจากไม่สามารถทำระยะห่างได้ และขณะนี้พบว่าประชาชนมาใช้บริการตามปกติ ยังคงขอให้เคร่งครัดการสวมหน้ากากอนามัยไว้ ยกเว้นแต่การให้บริการภายในพื้นที่สถานที่มีอากาศถ่ายเท เช่น ริมทะเลหรือสวนสาธารณะ สามารถถอดหน้ากากอนามัยได้
ขณะเดียวกัน จากการสำรวจอนามัยโพลสำรวจช่วงเดือน ม.ค.-ก.ย.65 จำนวน 274,400 คน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า ควรยังต้องเฝ้าระวัง และต้องปฏิบัติตามมาตรการ DMHTT อย่างต่อเนื่อง คือสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะหว่าง ตรวจ ATK รองลงมา การจัดสถานที่ให้มีจุดล้างมือ หรือเจลล้างมือ และการระบายที่ดี ทำความสะอาด และจัดการด้านสุขาภิบาลของสถานที่ต่างๆ.-สำนักข่าวไทย