กรุงเทพฯ 19 ส.ค. – กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมแผนฟื้นฟูพื้นที่เกษตร ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เดินหน้าเต็มสูบ เยียวยา-แจกเสบียง-ผ่อนหนี้ พร้อมรับมือขาดแคลนแรงงานต่างด้าว
นายอรรถกร ศิริลัทยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดเตรียมมาตรการฟื้นฟูระยะเร่งด่วนถึงระยะยั่งยืน หลังเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ซึ่งส่งผลกระทบวงกว้างต่อเกษตรกรใน 7 จังหวัด
สำหรับแผนฟื้นฟูที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดไว้มีดังนี้
- สำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบเงินทดรองราชการเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562
- สนับสนุนเสบียงอาหารสัตว์ โดยจัดหา-แจกจ่ายตามความต้องการของเกษตรกร
- ดูแลสุขภาพสัตว์และรักษาพยาบาลสัตว์
- ส่งเสริมแหล่งอาหารในครัวเรือน ด้วยการแจกเมล็ดพันธุ์ผัก 40,000 ซอง รวมถึงส่งเสริม การเลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อพลาสติกและกระชังบก
- โครงการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ ปี 2568 ในราคาถูก โครงการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ผ่านศูนย์ข้าวชุมชน และโครงการสนับสนุนปุ๋ยอินทรีย์น้ำ
- โครงการสนับสนุนพันธุ์หม่อนและไข่ไหม
- โครงการปรับพื้นที่การเกษตร ปรับรูปแปลงนา ปรับระดับพื้นที่ และฟื้นฟูบำรุงดินโดยจะสนับสนุนสารพด.
- โครงการลดภาระหนี้ของเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.) สถาบันเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์การเกษตร ด้วยการผ่อนผัน-ขยายเวลาชำระหนี้ อีกทั้งยังสนับสนุนสินเชื่อรายใหม่ โดยปลอดดอกเบี้ย (เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เกิดผลกระทบแล้ว 32 สหกรณ์และ 6 กลุ่มเกษตรกร)
- ชดเชยความเสียหายของทรัพย์สินของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรจากเหตุการณ์ความไม่สงบ
- การจ้างแรงงานในพื้นที่ได้รับผลกระทบซึ่งสามารถเริ่มได้ทันที
ที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ไม่สงบมาอย่างต่อเนื่อง โดยทันทีที่เกิดเหตุปะทะได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทั้งส่วนกลางและภูมิภาคในการติดตามความเสียหายของเกษตรกรทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ และประมง แล้วให้รายงานทุกวันเพื่อให้สามารถสั่งการช่วยเหลือเร่งด่วน จนถึงปัจจุบันมีรายงานความเสียหายดังนี้
- จังหวัดศรีสะเกษ สัตว์ตาย รวม 17 ตัว แบ่งเป็น โค 12 ตัว กระบือ 5 ตัว พื้นที่ประสบภัย 1 อำเภอ (กันทรลักษ์) 715 ไร่ ได้แก่ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ส่วนด้านประมงไม่ได้รับผลกระทบ
- บุรีรัมย์ สัตว์ตาย รวม 8 ตัว แบ่งเป็น โค 3 ตัว สุกร 5 ตัว พื้นที่ประสบภัย 1 อำเภอ (บ้านกรวด) พื้นที่เกษตรเสียหาย 69 ไร่ประกอบด้วย ข้าว ยางพารา อ้อยโรงงาน ยูคาลิปตัส ด้านประมงเกษตรกร 1 ราย พื้นที่ 2 กระชัง
- อุบลราชธานี สัตว์ตาย รวม 106 ตัว แบ่งเป็น โค 4 ตัว กระบือ 2 ตัว สัตว์ปีก 100 ตัว พื้นที่ประสบภัย 1 อำเภอ (น้ำยืน) เกษตรกร 14 ราย ได้แก่ ข้าว ยางพารา อ้อยโรงงาน ยูคาลิปตัส ด้านประมงไม่ได้รับผลกระทบ
- สุรินทร์ สัตว์ตาย 667 ตัว แบ่งเป็น โค 56 ตัว กระบือ 14 ตัว สุกร 2 ตัว แพะ 3 ตัว และสัตว์ปีก 592 ตัว พื้นที่ประสบภัยด้านพืช 2 อำเภอ (สังขะและกาบเชิง) 5.16 ไร่ ด้านประมงไม่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ใน 4 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบหลักได้แก่ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี เกษตรกรประกอบอาชีพด้านปศุสัตว์ เกษตรกรประกอบอาชีพปศุสัตว์เป็นจำนวนมาก จึงสั่งการให้กรมปศุสัตว์ช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ประกอบด้วย
- จัดตั้งศูนย์อพยพสัตว์ 122 จุดได้แก่ ศรีสะเกษ 6 จุด สุรินทร์ 3 จุด อุบลราชธานี 102 จุด จันทบุรี 10 จุด ตราด 1 จุด อพยพสัตว์ 1,112 ตัว ได้แก่ สุรินทร์ 933 ตัว อุบลราชธานี 179 ตัว
- จัดเตรียมเสบียงอาหารสัตว์ทุกจังหวัดและได้มอบหญ้าแห้งและพืชอาหารสัตว์แล้ว 239,500 กิโลกรัม ในพื้นที่สระแก้ว บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี การดูแลสุขภาพสัตว์ 140 ซอง และรักษาสัตว์ 84 ตัว
- จัดตั้งโรงพยาบาลสนามด้านปศุสัตว์จังหวัดสุรินทร์ 1 แห่ง
นอกจากนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังจัดตั้งศูนย์พักพิงในพื้นที่ของหน่วยงานในสังกัดรวม 4 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ตลอดจนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ในอำเภอที่เกิดเหตุอพยพออกจากพื้นที่และให้ปฏิบัติงานในพื้นที่ปลอดภัย
พร้อมกันนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังเปิดรับบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบและได้แจกจ่ายช่วยเหลือไปตามศูนย์พักพิงของแต่ละจังหวัดเรียบร้อยแล้ว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ย้ำว่า จะเดินหน้าฟื้นฟูอาชีพของเกษตรกรในพื้นที่อย่างเร่งด่วนเพื่อให้เกษตรกรได้รับความช่วยเหลือเยียวยา ตลอดจนกลับมาประกอบอาชีพได้ตามปกติอย่างมั่นคงเร็วที่สุด. 512 – สำนักข่าวไทย