บุรีรัมย์ 15 ก.พ.-รวบหมอไสยศาสตร์ ตุ๋นชาวบ้าน ผู้สูงอายุ ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ แก้กรรมด้วยกลอุบายนำเงินทอง ห่อผ้าขาว ก่อนแอบฉกทรัพย์สินหนีลอยนวล เฉพาะบุรีรัมย์มีคนตกเป็นเหยื่อเข้าแจ้งความ 11 ราย สูญเงินหลายแสนบาท ทั้งพบหลอกชาวบ้านอีกหลายจังหวัดอีสาน
วานนี้ (14 ก.พ.) ผู้เสียหายทยอยเข้าไปชี้ตัวและแจ้งความ หลัง ร.ต.อ.ฤกษ์ วิเชียร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ นำตัว นายประวิทย์ ชุ่มจิ้งหรีด อายุ 33 ปี ชาว ต.หินเหล็กไฟ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาที่ทำตัวเป็นหมอไสยศาสตร์ตระเวนหลอกลวงชาวบ้าน ผู้สูงอายุ ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ แก้กรรม รักษาอาการป่วย และทำคุณไสยให้สามีรักสามีหลง สูญเงินและทองรูปพรรณหลายแสนบาท ส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดนางรองแล้ว
ตำรวจไปติดตามจับกุมตัว นายประวิทย์ ได้ที่ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี แล้วนำตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากมีชาวบ้าน และผู้สูงอายุตกเป็นเหยื่อถูกหลอกทำพิธีเข้าแจ้งความไว้ 11 ราย รวมมูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท เบื้องต้นไม่มีญาติมาเยี่ยมหรือขอยื่นประกันตัวแต่อย่างใด
ชาวบ้าน ผู้สูงอายุ ที่ถูกหลอกต่างเดินทางไปที่ สภ.ชำนิ เพื่อไปดูหน้าของหมอไสยศาสตร์ และสอบถามความคืบหน้าเรื่องคดี ซึ่งผู้เสียหายต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากได้เงินและทองที่ถูกหลอกเอาไปคืน เพราะทุกคนต่างก็เดือดร้อน
พฤติกรรมของนายประวิทย์ ผู้ต้องหา จะทำตัวเป็นหมอไสยศาสตร์ ตระเวนเข้าไปในหมู่บ้าน แล้วทักว่าชาวบ้านคนนั้น คนนี้ มีเคราะห์บ้าง ดวงตกบ้าง แล้วแนะนำให้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ กระทั่งคนที่ป่วยก็อ้างว่าจะช่วยทำพิธีรักษาให้หายจากอาการป่วยได้ พอเหยื่อหลงเชื่อก็จะออกอุบายให้เหยื่อนำเงินสด ทองคำ และของมีค่า ห่อใส่ผ้าขาวเก็บไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน บางคนก็ให้ฝังดินเอาไว้ แล้วบอกว่าเก็บไว้ให้ครบ 7 วัน แล้วค่อยมาเปิดดู แต่พอครบ 7 วัน ตามที่ผู้ต้องหาบอก กลับไม่พบเงินสด ทอง และทรัพย์สินในห่อผ้าขาว เพราะช่วงทำพิธีผู้ต้องหาได้ฉกเอาทรัพย์สินดังกล่าวไปแล้ว
นายเกียรติศักดิ์ และนางหนู ชาวอำเภอชำนิ ผู้เสียหายทั้งสองต่างบอกตรงกันว่า สาเหตุที่หลงเชื่อทำพิธีกับหมอไสยศาสตร์คนดังกล่าว เพราะเขาพูดเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวหลายๆ อย่างตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็แนะนำให้ทำพิธีกรรมแล้วจะหายจากสิ่งเคราะห์ หรืออาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ จึงหลงเชื่อแล้วนำเงินสด ทรัพย์สินไปใส่ห่อผ้าขาวตามที่ผู้ต้องหา สุดท้ายถูกฉกเอาทรัพย์สินไป หากเป็นไปได้ก็อยากให้ชดใช้คืน และให้ดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด จะได้ไม่ไปก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนกับคนอื่นซ้ำอีก
นอกจากบุรีรัมย์แล้ว ทราบว่า ผู้ต้องหาเพิ่งจะไปก่อเหตุหลอกลวงชาวบ้านในลักษณะดังกล่าวที่ จ.อุบลราชธานี และมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความหลายราย มูลค่าความเสียหายหลักล้าน ก่อนจะถูกตำรวจ สภ.ชำนิ นำหมายศาลไปติดตามจับกุมตัว.-สำนักข่าวไทย