fbpx

รพ.เตรียมแจ้งความกลับสาวอ้างทำศพลูกหาย

สุพรรณบุรี 21 พ.ค. – โรงพยาบาลเตรียมแจ้งความกลับสาววัย 21 ปี อ้างทำศพลูกหาย ตรวจสอบไม่พบประวัติการฝากครรภ์และมาคลอดลูกแฝด สงสัย “ท้องทิพย์”


จากกรณีที่โลกออนไลน์มีการวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่พ่อของเด็กคนหนึ่งไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก ขณะกำลังเปิดโลงศพลูกที่เสียชีวิต โดยอ้างว่าทางโรงพยาบาลได้นำร่างบรรจุในโลงศพส่งมาให้ พร้อมกำชับไม่ให้เปิดโลง เพราะกลัวติดเชื้อ แต่รู้สึกแปลกใจ จึงลองเปิดโลงตรวจสอบดู กลับพบว่าในโลงมีเพียงผ้าขนหนูและเสื้อผ้า ไม่มีศพลูก สร้างความเสียใจและแปลกใจเป็นอย่างมาก

สอบถามเรื่องนี้กับครอบครัว แม่เด็กให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า หมอได้ฉีดยาเร่งคลอด ทำให้เด็กออกมาก่อนกำหนด เมื่อคลอดแล้วก็นำเด็กเข้าตู้อบ ลูกของตนนั้นเป็นแฝด ชาย 1 คน หญิง 1 คน แต่พบว่าเด็กเสียชีวิตไป 1 คน ส่วนอีกคนให้ไปรับทีหลัง แล้วตอนนี้เด็กอีกคนก็หายไปด้วย


ทั้งนี้ หลังจากที่อ้างว่าศพบุตรชายหายไป ทั้งนายเกรียงไกร สุภีทรัพย์ อายุ 30 ปี และ น.ส.กรกนก เพิ่มหิรัญ อายุ 21 ปี ก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ในวันที่ 20 พ.ค.64 เวลา 19.41 น. โดยผู้เป็นแม่ลงข้อมูลกับตำรวจว่า ศพบุตรชายหายไป หลังรับจากโรงพยาบาล เพื่อกลับไปทำการฌาปนกิจ โดยแจ้งว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.64 คลอดบุตรแฝดชายและหญิง ที่ รพ.บางปลาม้า ต่อมาบุตรฝาแฝดที่เป็นผู้ชาย มีน้ำหนักน้อย ทาง รพ.บางปลาม้า จึงแนะนำให้ส่งมาอบที่ รพ.เจ้าพระยายมราช จนถึงวันที่ 17 พ.ค. ทาง รพ.แจ้งมาว่า เด็กหัวใจเต้นผิดจังหวะและหยุดหายใจ จนมาถึงวันที่ 18 พ.ค. ทาง รพ.แจ้งว่า เด็กเสียชีวิตแล้ว ผู้แจ้งจึงได้มารับศพบุตรชายของตน เมื่อวันที่ 20 พ.ค. เวลา 16.00 น. โดยได้ไปรับที่ชั้น 3 ห้องเด็ก จากนั้นพยาบาลก็นำให้ผู้แจ้งไปรับศพ ซึ่งถูกห่อผ้าอย่างมิดชิด ก่อนจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสวนแตง เมื่อมาถึง ทางพระภิกษุที่นิมนต์ไว้ได้เปิดโลง เพื่อจะโยงสายสิญจน์ เตรียมทำพิธี แต่เมื่อแกะห่อผ้าที่พันมาลักษณะคล้ายมีศพเด็กอยู่ภายใน กลับไม่พบศพบุตรชายของตน จึงเกิดความสงสัยว่า เหตุใดทางโรงพยาบาลไม่นำร่างของบุตรชายมาให้ จึงมาแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และผู้แจ้งทราบอีกว่า รพ.เจ้าพระยายมราช ประสานจะชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 500,000 บาท ขณะที่พ่อแม่ยังติดใจสาเหตุการตาย แต่ประสงค์ที่จะนำศพบุตรของตนมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณี จึงมาแจ้งไว้เป็นหลักฐาน เพื่อที่จะประสานกับทางโรงพยาบาลต่อไป

ต่อมา รพ.เจ้าพระยายมราช ได้เชิญพ่อแม่เด็กมาสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยัง รพ.บางปลาม้า ซึ่งได้รับการยืนยันว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีการรับทำคลอดเลย และไม่มีการทำเรื่องส่งตัวเด็กมารักษาต่อที่ รพ.เจ้าพระยายมราช อีกทั้งทางโรงพยาบาลก็ไม่มีประวัติการรับผู้ป่วย และประวัติการรักษาแต่อย่างใด

จากนั้นเพื่อความสบายใจ ทาง รพ.เจ้าพระยายมราช ได้ให้พ่อแม่เด็กไปดูกล้องวงจรปิด ในช่วงเวลาที่กล่าวอ้างว่ามารับร่างเด็ก แต่ก็ไม่พบภาพของแม่ที่อ้างว่าขึ้นไปรับศพลูก ที่แผนกกุมารเวช ชั้น 3 ของโรงพยาบาลแต่อย่างใด มีเพียงภาพรถของพ่อเด็กที่ขับวนเข้ามาในโรงพยาบาล ซึ่งบอกว่ามารับภรรยาที่อุ้มร่างลูกมารออยู่ที่ประตูทางออกของโรงพยาบาล และมีแม่เด็กยืนสะพายกระเป๋าอุ้มห่อผ้าอยู่ แล้วเดินขึ้นรถ โรงพยาบาลยังได้ให้ขึ้นไปดูที่ห้องเด็กที่ทางแม่บอกว่า ลูกสาวคู่แฝดอีกคนอยู่ แต่ก็ไม่พบ และไม่มีรายชื่อเด็กหญิงอยู่ในห้องนั้น ส่วนรูปภาพแฝดเด็กหญิงอีกคนที่ทางแม่อ้างว่าได้ให้พยาบาลเข้าไปถ่ายรูปให้ โดยใช้มือถือแม่ถ่าย จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรูปจากอินเทอร์เน็ต


วันนี้ (21 พ.ค.) รพ.เจ้าพระยายมราช ได้แถลงข่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยมีนายนพฤทธิ์ ศิริโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นพ.พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช นพ.อนุพันธ์ หวลบุตตา รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ และทีมแพทย์ พยาบาล ร่วมแถลง โดย นพ.อนุพันธ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติการเข้ารับการรักษาและคลอดลูก โดยได้ตรวจสอบไปที่ รพ.บางปลาม้า แล้ว พบว่า วันที่ 10 พ.ค. น.ส.กรกนก ได้เดินทางเข้ามารักษาที่ รพ.บางปลาม้า ด้วยอาการปวดท้อง ตกขาว และกระดูกอุ้งเชิงกรานอักเสบ แต่ไม่มีประวัติการฝากครรภ์และมาคลอดบุตรแฝด

ส่วนวันที่ 11 พ.ค. ที่แจ้งว่ามาคลอดลูก ยืนยันวันนั้นไม่มีการทำคลอด และไม่มีเอกสารการติดต่อส่งตัวเด็กเพื่อมารับการรักษาต่อที่ รพ.เจ้าพระยายมราช และที่ รพ.เจ้าพระยายมราช ก็ไม่มีการรับรักษาเด็ก ซึ่งหากการที่แม่กล่าวอ้างเด็กตาย มารับศพที่ชั้น 3 ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะตามระเบียบต้องมารับศพที่ห้องปลายฟ้า ซึ่งก็ไม่พบการมารับศพแต่อย่างใด รวมถึงภาพบางอย่างที่มีการกล่าวอ้าง พบว่าเป็นภาพที่มีในกูเกิลด้วย และการส่งตัวมารักษาต่อนั้น ตามระเบียบต้องมีการส่งเอกสารการตรวจของแพทย์จาก รพ.ต้นทาง มาให้ก่อน และก่อนมาก็ต้องมีการโทรผ่านระบบการส่งต่อ เพื่อทาง รพ.ปลายทาง จะได้ประสานแพทย์ จากนั้นจึงจะแจ้งให้ทาง รพ.ต้นทาง นำรถมาส่ง โดยต้องมีญาติมาด้วยในเหตุฉุกเฉิน และจะมีการลงบันทึกในระบบเวชระเบียน เพื่อบันทึกหลักฐานเก็บไว้

ด้านแพทย์ รพ.บางปลาม้า นพ.วรท สัตยาวุฒิพงศ์ แพทย์เจ้าของไข้แม่เด็ก ยืนยันว่า ผู้หญิงที่อ้างเป็นแม่เด็ก เข้ามารักษาตัวที่ รพ.บางปลาม้า จริง ในวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่เป็นการรักษาอาการติดเชื้อในท่อปัสสาวะ หรืออาการตกขาว และอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบ จึงให้ยาฆ่าเชื้อ พร้อมกับตรวจปัสสาวะว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ก็พบว่าไม่มีการตั้งครรภ์หรือคลอดบุตรมาก่อน จึงให้คนไข้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน

วันที่ 11 พ.ค. หญิงคนดังกล่าวกลับมาอีกด้วยอาการเดิม จึงให้แอดมิทนอนโรงพยาบาล เพื่อดูอาการ จนถึงวันที่ 14 พ.ค. ก็ให้กลับบ้านไป ยืนยันว่าไม่มีการฝากครรภ์ หรือคลอดที่โรงพยาบาลแห่งนี้ และประกอบกับช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 ห้องคลอดโรงพยาบาลปิด และยิ่งเป็นครรภ์แฝด ทางโรงพยาบาลเป็นเพียงโรงพยาบาลศูนย์ จะไม่รับคลอดครรภ์แฝด ซึ่งตรงกับข้อมูลของ รพ.เจ้าพระยายมราช ที่ไม่พบการส่งต่อผู้ป่วยและเด็กแรกคลอดมาทำการรักษาที่โรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. และจากวงจรปิดก็ไม่พบว่ามีรถพยาบาล รพ.บางปลาม้า เข้ามาในโรงพยาบาลแต่อย่างใด

ส่วนที่พ่อแม่เด็กอ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลโทรศัพท์ติดต่อให้มารับศพนั้น ทางโรงพยาบาลได้นำเบอร์ดังกล่าวมาโทรศัพท์กลับไป พบเป็นเบอร์ของบริษัทสื่อสารแห่งหนึ่ง (ทีโอที) เบอร์ 035-535006 ส่วนอีกเบอร์ ซึ่งเป็นเบอร์มือถือ 064-2518836 ก็ไม่มีคนรับสาย ซึ่งหลักการในการรับศพจะไม่มีการโทรศัพท์แจ้งหลังผู้ป่วยเสียชีวิต แต่จะมีการแจ้งก่อนทุกครั้ง และขั้นตอนการรับศพนั้น ญาติผู้เสียชีวิตจะต้องนำเอกสารมาส่งที่ห้องเก็บศพติดต่อรับศพ ไม่ได้ติดต่อที่แผนกเด็กทารกแรกเกิดตามที่แม่เด็กอ้าง ซึ่งจากการตรวจสอบวงจรปิดก็ไม่พบแม่เด็กขึ้นไปบนชั้น 3 ของโรงพยาบาล และแพทย์ที่รับผิดชอบก็ไม่พบเด็กแฝดชายหญิงมานอนรักษาตัวที่แผนกตามที่ถูกกล่าวอ้างด้วย ส่วนเรื่องการจ่ายเงิน 500,000 บาท ที่พ่อแม่เด็กกล่าวอ้างนั้นก็ไม่เป็นเรื่องจริง เพราะโรงพยาบาลไม่ได้ทำอะไรผิด

นพ.พงษ์นรินทร์ ชาติรังสรรค์ ผู้อำนวยการ รพ.เจ้าพระยายมราช บอกว่า กรณีนี้ยังไม่เข้าใจเหตุผลว่า ทั้งคู่ต้องการอะไรจากการเรียกร้อง ซึ่งหากมีอาการป่วยจิตเวช ก็อยากรักษาอาการ โดยต้องมีการตรวจจากแพทย์เฉพาะทาง เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้วิชาชีพแพทย์เสียหาย และโรงพยาบาลก็เสียหายเช่นกัน ขณะนี้ได้ให้ทางทีมกฎหมายของโรงพยาบาลดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ขณะที่ฝ่ายญาติ ซึ่งอ้างว่าหลานเสียชีวิต แต่ศพหาย ได้ลบโพสต์เหตุการณ์เปิดโลงไม่พบเด็ก และใบแจ้งความต่างๆ ทั้งหมดแล้ว ทำให้หลายคนสงสัยว่าเป็นการกุเรื่องขึ้นมาของแม่เด็กหรือไม่. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ถ้ำผาจมแม่สาย…ชีวิตบนกองโคลน

ผ่านมา 11 วันแล้วที่ชาวบ้านในหลายชุมชนชายแดนแม่สาย จมทั้งน้ำและโคลน โดยเฉพาะบ้านถ้ำผาจม ชาวบ้านหลายร้อยชีวิต ยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้ บางหลังยังมีโคลนท่วมสูงกว่า 2 เมตร ขณะที่บางคนต้องใช้ชีวิตอยู่บนโคลนโดยเฉพาะยามค่ำคืน

น้ำป่าหลากท่วมชัยภูมิ ถนน 2 อำเภอ ถูกตัดขาด

พายุพัดถล่มชัยภูมิ น้ำป่าหลากจากเทือกเขาพังเหย ทะลักท่วมถนน 2 อำเภอถูกตัดขาด ส่วน จ.พังงา ประกาศเขตพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินดินสไลด์หมู่บ้านริมคลองถนนใหม่

หนุ่มง้ออดีตภรรยาไม่สำเร็จ ยิงยกครัวดับ 4 ศพ

สลด เจ้าของรีสอร์ต ง้อขอคืนดีอดีตภรรยาไม่สำเร็จ ใช้อาวุธปืนยิงอดีตภรรยา แม่ยาย น้องเมีย ก่อนยิงตัวเอง ต่อหน้าลูกสาววัย 1 ขวบ 8 เดือน

หมูเด้งฟีเวอร์ นักท่องเที่ยวแน่นสวนสัตว์เปิดเขาเขียว

หมูเด้งฟีเวอร์ น่ารักไม่หยุดฉุดไม่อยู่ นักท่องเที่ยวแห่ไปชมความเด้ง จนแน่นสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ด้าน ผอ.สวนสัตว์ฯ จัดพื้นที่อำนวยความสะดวกแล้ว พร้อมชวนชมน้องหมูตุ๋น