พาณิชย์ 7 พ.ค.- กระทรวงพาณิชย์พร้อมรับมือความท้าทายจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ หารือภาครัฐ-เอกชน ลดอุปสรรคทางการค้า ส่งเสริมการนำเข้าสินค้าจำเป็นและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายการลงทุนในสหรัฐฯ
ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หรือเทียบเท่า ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันนี้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทยในช่วงปี 2567-2568 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนมีนาคม 2568 ที่มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 29,548 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 17.8% และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9
สำหรับภาพรวมปี 2567 การส่งออกมีมูลค่า 300,529 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 5.4% จากปีก่อนหน้า ขณะที่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) การส่งออกมีมูลค่า 81,532 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 15.2% ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีเกินดุลการค้า 1,081 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,705 ล้านบาท


นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ ยังได้เตรียมแนวทางรับมือกับความท้าทายของบริบทโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กร เพื่อสามารถให้บริการประชาชนในรูปแบบดิจิทัลอย่างครบวงจร รวมทั้งภัยคุกคามจากนโยบายการค้าของประเทศมหาอำนาจที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
นายวุฒิไกร เปิดเผยว่า ในด้านความท้าทายระหว่างประเทศได้เตรียมความพร้อมในการรับมือกับนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา โดยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เริ่มเข้ารับตำแหน่ง โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน เพื่อดำเนินงานเชิงรุกในการติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์ผลกระทบ และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในรูปแบบองค์รวม (Holistic Approach) ซึ่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้จัดคณะผู้แทนไทยเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อหารือกับทั้งภาครัฐและเอกชนของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน รวมถึงรับฟังปัญหาและข้อกังวลของภาคเอกชน ตลอดจนชี้แจงจุดยืนของไทยอย่างเป็นทางการ และยังได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมีการประชุมหารือกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 ฝ่าย (กกร.) เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและวางท่าทีร่วมกันในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง และในการประชุมครั้งนี้ได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งพิจารณาแนวทางการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าร่วมกัน รวมถึงส่งเสริมการนำเข้าสินค้าจำเป็นและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายการลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาวต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนากลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะการนำระบบดิจิทัลมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เช่น ระบบสารบัญอิเล็กทรอนิกส์ในการรับ-ส่งเอกสารภายในและภายนอกหน่วยงาน และอื่นๆ. -511 สำนักข่าวไทย