บุรีรัมย์ 25 ต.ค. – หญิงชาวบุรีรัมย์ วัย 44 ปี ร้องส่งเงินเข้ากองทุนฌาปนกิจฯ 16 ปี แต่พอแม่เสียชีวิตกลับไม่ได้รับเงินฌาปนกิจ เจ้าหน้าที่บอกไม่มีชื่อในระบบ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.ชลธิดา ชมภูกุล อายุ 44 ปี ชาวบ้าน ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ อสม. อำเภอเมืองบุรีรัมย์ หลังมารดาเสียชีวิตแล้วไปเบิกเงิน แต่ปรากฏว่าได้รับแจ้งว่าไม่มีชื่ออยู่ในระบบ ทำให้ได้รับความเดือดร้อนมาก เนื่องจากต้องไปกู้เงินมาจัดงานศพมารดา
น.ส.ชลธิดา เปิดเผยว่า มารดาชื่อ นางทองเพียร ชมภูกุล อายุ 75 ปี เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยแม่เป็น อสม. ตั้งแต่ปี 2536 เมื่อปี 2547 ได้เข้าร่วมกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ของจังหวัด โดยแม่จะส่งเงินสมทบให้กับประธานหมู่บ้าน แล้วประธานหมู่บ้านนำไปส่งต่อให้ประธานตำบล เพื่อนำส่งกองทุนฯ ทุกปี จนเมื่อประมาณ 8 ปีที่ผ่านมา แม่ลาออกจาก อสม. เพราะชราภาพ ตนจึงมาอยู่กับแม่ แล้วเป็นคนส่งเงินสมทบต่อทุกปี ล่าสุดเมื่อปี 2562 จ่ายเงินไป 610 บาท
หลังจากเสร็จงานฌาปนกิจศพแม่ ได้นำหลักฐานเป็นสมุดกองทุนฯ ไปขอเบิกเงินค่าปลงศพกับกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ของ อสม. ซึ่งจะได้เงินจำนวน 67,100 บาท ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ระบุว่า “ไม่มีชื่ออยู่ในระบบ” ทำให้ตนแปลกใจมาก เพราะส่งเงินสมทบตามกติกาทุกปี ตอนนี้ไม่รู้จะไปพึ่งใคร เงินจัดงานศพให้แม่ก็กู้มา หวังจะได้เงินจากกองทุนฯ มาใช้หนี้ ไม่คิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปแบบนี้ จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ และอยากรู้ข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น. – สำนักข่าวไทย