นักการเมืองประสานเสียงแก้ 256 ตั้งส.ส.ร.ร่างรธน.

สมาคมนักข่าวฯ 21 ส.ค.-ครป.เปิดเวทีเสวนาแก้ รธน. นักการเมืองแนะ คุ้มครองสถานะส.ส.ร.ไม่ผูกมัดรัฐบาล “สุทิน” ขีดเส้น ส.ส.ร.ทำงาน 120 วัน 15 เดือนต้องได้รธน.ใหม่ ขณะ “ภราดร” แนะฟังความเห็นรอบด้าน อย่ารีบเร่ง ให้เวลาส.ส.ร.ทำงาน 1 ปี


คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)จัดเวทีเสวนาสาธารณะภาคการเมืองและรัฐสภา หัวข้อ “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และอนาคตของชาติบ้านเมือง” มีตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมเป็นวิทยากร โดยนายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ประธาน ครป. กล่าวเปิดการเสวนากรณีกระแสเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ทุกฝ่ายในสังคมเห็นพ้องต้องกันว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่จะคลายปมความขัดแย้งไปได้ในระดับหนึ่ง และสามารถดึงความขัดแย้งนอกสภามาคุยในสภาได้ เพื่อเป็นเวทีหลอมรวมความขัดแย้งให้พูดจากันด้วยเหตุและผล

“เรื่องการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) พรรคการเมืองก็เห็นด้วย แต่คงต้องใช้เวลาพูดคุย เพราะยังมี ส.ว.ที่ไม่เห็นด้วย ส่วนเรื่องกรอบเวลา ยังมีปมปัญหาเรื่องช่วงเวลาของการยุบสภา และนอกจากการแก้มาตรา 256 แล้ว ยังมีปมที่เกี่ยวกับ ส.ว. ที่มีส่วนหนึ่งไม่ต้องการให้มี ส.ว. บางส่วนให้ยังมีอยู่และตัดอำนาจบางส่วน แต่ต้องยอมรับว่าส.ว.ต้องมีส่วนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย จึงยากที่จะทำให้ ส.ว.หมดสิ้นไปจากสภา แต่หากให้คง ส.ว.ไว้ และลดอำนาจการเลือกนายกรัฐมนตรี ก็น่าจะเป็นไปได้” ประธาน ครป. กล่าว


นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ว่า เราเห็นสถานการณ์แบบนี้มาตลอด แต่บุคคลที่มาเรียกร้องแตกต่างไปตามยุคสมัย ซึ่งการเรียกร้องทางการเมืองถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ประเด็นที่แปลกประหลาด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ เมื่อพูดถึงรัฐธรรมนูญเหมือนกับเป็นกฎกติกาของบ้านเมือง ซึ่งเหตุการณ์ของบ้านเมืองเปลี่ยนไปทุกยุคสมัย ดังนั้น รัฐธรรมนูญจึงต้องปรับแก้ไขได้อยู่แล้ว

“ประเทศสหรัฐอเมริกาแก้รัฐธรรมนูญบ่อยมาก แต่วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของสหรัฐจะเก็บต้นฉบับไว้และแก้ไขไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงยุคหนึ่งที่รู้สึกว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นปัญหามากต่อสังคม ดังนั้น ทุกประเทศในโลกไม่มีรัฐธรรมนูญที่ไม่ถูกแก้ไข แต่เหตุผลและวิธีการนั้นแตกต่างกันไป การแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเทศไทยจึงไม่แปลกอะไร และหากดำเนินการเพื่อประโยชน์ของประชาชน ก็ไม่เป็นปัญหา แต่ประเทศไทยจะทำอย่างไรให้ประชาชนรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญของประเทศไทยเป็นคู่มือประชาชนที่มีไว้สำหรับคุ้มครองสิทธิของประชาชน ไม่ใช่เป็นคู่มือของฝ่ายการเมือง ประชาชนก็ม่ทราบว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากรัฐธรรมนูญ หัวใจของรัฐธรรมนูญคือ ต้องทำอย่างไรให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นของพวกเขา” นายพีระพันธุ์ กล่าว

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ในส่วนของคณะกรรมาธิการฯ ได้ทำความเข้าใจว่ามาเพื่อศึกษา ไม่ได้มาเพื่อแก้ ไม่ว่าจะมาจากพรรคใด แต่เอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ยืนยันว่าการประชุมกรรมาธิการ ฯ ทุกนัด ไม่เคยพูดถึงประโยชน์ทางการเมือง เคารพทั้งเสียงข้างมากและข้างน้อย ดังนั้น ถ้าเมื่อใดที่ร่วมมือทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง จะไม่เกิดความขัดแย้ง และเมื่อพิจารณาถึงมาตรา 256 ความเห็นส่วนใหญ่เห็นว่าควรต้องแก้ไข เพราะไม่เช่นนั้นจะยุ่งยากลำบากและใช้เวลามากเกินไป ต่อมาก็มีข้อเสนอว่าหากจะต้องยกร่างทั้งฉบับ ก็ให้ใช้ระบบ ส.ส.ร.


นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)มองปรากฏการณ์การชุมนุมว่า ไม่ควรมองข้าม และควรนำปรากฎการณ์เป็นตัวกระตุ้นให้แก้ไข และการแก้ไขที่จะดำเนินการได้ในวันนี้ คือ กติกาซึ่งคือรัฐธรรมนูญ เพราะผู้ชุมนุมเรียกร้องชัดเจน แต่แม้ไม่มีการชุมนุมก็มองว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพียงแต่การชุมนุมมาเป็นสิ่งเร้าให้แก้ไขเพิ่มขึ้น

“การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ทั้งการนำสังคมเข้าและออกสู่ความขัดแย้ง หลายครั้งนำสู่การวิกฤติครั้งใหญ่ แต่หลายครั้งที่ความขัดแย้งแก้ไขด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องดูว่าครั้งนี้จะแก้ถูกหรือแก้ผิด สิ่งที่ต้องตระหนักมาก ๆ คือหลายครั้งมีกลุ่มที่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มอยากแก้จริง ๆ เพื่อหวังผลสัมฤทธิ์ที่เป็นทางออกของสังคม 2. แก้เพื่อลดกระแส แต่ไม่จริงใจให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่พึงระวัง 3.แก้เพื่อสร้างกระแส เพื่อเอาใจมวลชน ถ้าไม่หวังผลสัมฤทธิ์ จะเกิดปัญหา ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญในแบบที่หนึ่ง จากนั้นมาคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะสัมฤทธิ์ โดยการนำบทเรียนมาพิจารณา ด้วยการปิดจุดเสี่ยงคือ ส.ว. เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติให้ ส.ว.เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ หาก ส.ว.ไม่เห็นด้วยก็ล้มตั้งแต่ยกแรก และปิดจุดที่สอง คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2555 ที่วินิจฉัยว่าการแก้ไขเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ” ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญมี 3 หลักการ คือ ฟังประชาชน ฟังคณะกรรมาธิการศึกษาหลักเกณฑ์ฯ แล้วนำมาสรุปร่วมกับจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ซึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะออกจากความขัดแย้ง ก้าวสู่ความปรองดอง คือรัฐธรรมนูญที่ทุกคนยอมรับ เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมา จะเห็นการไม่ยอมรับกัน การจะยอมรับได้ต้องดูว่า ที่มาของรัฐธรรมนูญ ใครเป็นคนเขียน สาระเนื้อหาที่แบ่งปันอำนาจอย่างชอบธรรม ส่วน ส.ส.ร.ที่ร่างรัฐธรรมนูญจะต้องเลือกตั้งทั้งหมด 200 คน และเป็นครั้งแรกที่จะกำหนดเกณฑ์อายุต่ำสุด 18 ปี ให้เข้ามาเป็น ส.ส.ร.

“พรรคเพื่อไทยจะเป็นหนึ่งในประชาชนที่เสนอข้อเรียกร้องต่าง ๆ ให้ ส.ส.ร.เป็นผู้เขียน เพราะพรรคเพื่อไทยจะไม่เขียนเอง เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นที่ยอมรับ ส่วนเงื่อนเวลาที่เหมาะสม ประมาณการณ์ไว้ว่าเมื่อแก้มาตรา 256 เสร็จ จะทูลเกล้าฯ ได้ภายในกุมภาพันธ์ 2564 จากนั้นมี ส.ส.ร.ในเดือนกุมภาพันธ์ ทำงาน 120 วันและทำประชามติ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นภายใน 13 เดือนไม่เกิน 15 เดือน จะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนที่กังวลว่ารัฐบาลจะนำส.ส.ร.ไปอ้างเพื่อต่ออายุรัฐบาลนั้น รัฐบาลสามารถอ้างการต่ออายุรัฐบาลได้ถึงเดือนกุมภาพันธ์ คือ จนกว่าจะมี ส.ส.ร. และเมื่อมี ส.ส.ร.แล้ว ต่อให้รัฐบาลจะอยู่ต่อหรือยุบสภาก็ไม่กระทบการทำงานของส.ส.ร.” นายสุทิน กล่าว

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นิสิต และนักศึกษา สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมว่า เป็นการชุมนุมที่แปลกประหลาดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา การก่อตัวขึ้นมาต้องย้อนไปเหตุการณ์ 14 ตุลาคมที่สถานการณ์การเกิดขึ้นนั้นคล้ายกันมาก เพราะ 14 ตุลาเกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศมีรัฐประหารยาวนาน 10 ปี ประชาชนรู้สึกไม่เป็นธรรม รู้สึกไม่ดีกับรัฐบาล

“เช่นเดียวกับสถานการณ์วันนี้ ไม่ใช่พึ่งก่อตัว แต่ก่อตัวตั้งแต่รัฐประหาร สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 5-6 ปี เป็นสิ่งที่กดทับจากหลายเหตุการณ์ เช่น นาฬิกาเพื่อน แหวนแม่เป็นเหตุการณ์ที่หลายคนติดใจ และบางเหตุการณ์ หลายฝ่ายมองว่าไม่เป็นธรรม หรือการคิดคะแนนผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการกดทับของสังคมที่พร้อมจะระเบิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งนี้ การชุมนุมตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เป็นการชุมนุมที่เกิดขึ้นจากข้างในสภาฯ แล้วข้างในสภาฯต่อสู้ไม่ชนะ แล้วต่อสู้ข้างนอก แต่ครั้งนี้ คือการต่อสู้นอกสภา แล้วเข้ามาในสภา ผมจึงมองว่า เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก แต่เป็นสัญญาณที่ดีว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่สังคมจะมีความขัดแย้ง เพราะประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยต้องมีความโต้แย้ง” นายภราดร กล่าว

ส่วนแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายภราดร กล่าวว่า ถ้าผู้มีอำนาจไม่อนุญาตให้แก้ไข ก็จะเป็นไปไม่ได้เลย จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกัน แต่จะแก้ไขเป็นรายมาตราจะยากมากในการเลือกว่าจะแก้ไขมาตราใด พรรคภูมิใจไทยจึงเห็นว่า ควรตั้ง ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญ แต่ที่มาของ ส.ส.ร.ควรมาจากประชาชน แต่การมาจากประชาชนมีหลายรูปแบบ ทั้งการเลือกตั้งทางตรง เลือกตั้งทางอ้อม ข้อดีของการเลือกตั้งทางตรง คือการคืนอำนาจให้กับประชาชนทั้งหมด แต่ไม่สามารถการันตีความหลากหลายในสาขาอาชีพได้ ทั้งที่รัฐธรรมนูญต้องมีตัวแทนจากคนทุกกลุ่มทุกวัยทุกสาขาอาชีพ การเลือกตั้งทางตรงอาจจะไม่ตอบโจทย์หรือไม่ และ ส.ส.ร.ควรแบ่งเป็น 2 ส่วนหรือไม่

“มีทั้งทางตรงและทางอ้อม จากนักเรียน นักศึกษาและกลุ่มสาขาอาชีพโดยใช้วิธีการเลือกไขว้ ส่วนเงื่อนเวลาของการได้มาซึ่ง ส.ส.ร. อาจใช้เวลา 6 เดือน ตั้งแต่กันยายน 2563 ถึงกุมภาพันธ์ 2564 แต่หากให้เวลาส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญแค่ 4 เดือนหรือ 120 วันตามที่นายสุทินคาดการณ์ ผมมองว่าเร็วเกินไป เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ใช้เวลาประมาณ 13 เดือน และส.ส.ร.เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อรับฟังความคิดเห็น หากจำกัดเวลา ส.ส.ร.แค่ 4 เดือน จะเป็นการเร่งรัดให้ส.ส.ร.ทำงานเร่งรัด เร่งรีบเกินไป ยืนยันผมไม่ได้เรียกร้องให้ร่างรัฐธรรมนูญยาวนาน 11 ปีเหมือนสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แต่แค่มองถึงความเหมาะสม ที่ควรให้เวลาส.ส.ร. 10 เดือนถึง 1 ปีร่างรัฐธรรมนูญ” นายภราดร กล่าว

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่มีแนวคิดมาตลอดว่าต้องการให้จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยการตั้ง ส.ส.ร. ต้องยกเลิกมาตรา 269-272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.ที่มาจาก คสช.อย่างเป็นทางการ แต่ให้ใช้วุฒิสภาปกติต่อไป ยกเลิกการกำหนดว่ากฎหมายปฏิรูปประเทศต้องประชุมร่วมรัฐสภา และมาตรา 272 การให้อำนาจส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรีต้องยกเลิก รวมถึงมาตรา 279 ที่รับรองคำสั่งของ คสช. ขณะที่ ส.ส.ร.ควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรงทั้งหมด ไม่ต้องมาจากทางอ้อมหรือแบ่งเป็น 2 กลุ่ม เพื่อไม่ให้ส.ส.ร.บางคนมีอิทธิพลเหนือ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนบางจังหวัดที่ประชากรมากและมี ส.ส.ร.ได้มากกว่า 1 คน ควรใช้วิธีการเลือกแบบวันแมนวันโหวต สำหรับหลักเกณฑ์อายุของ ส.ส.ร.คือ 18 ปีขึ้นไป เพราะมีความคิดความอ่านทางการเมืองชัดเจน นอกจากนี้ ไม่ควรกำหนดว่าห้ามแก้รัฐธรรมนูญในหมวดใดหมวดหนึ่ง แต่ควรเปิดกว้าง

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า อย่าเพิ่งมองว่าใครเป็นคนร่าง ใครเป็นคนใช้ ขอให้หันกลับมามองสาระของรัฐธรรมนูญ ต่อให้ไม่มีการชุมนุม รัฐธรรมนูญก็ยังต้องแก้ไข เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์มีมติชัดเจนว่าไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้บังคับใช้ ก็ต้องเคารพและเดินตามกติกา แต่ความตั้งใจไม่ได้เปลี่ยนไป เพราะเมื่อพรรคไปร่วมรัฐบาลก็มุ่งเป้าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะมาตรา 256 ทั้งนี้ ยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถยื่นญัตติแก้รัฐธรรมนูญเพียงลำพัง เพราะมีเสียงเพียง 52 เสียง ซึ่งการยื่นญัตติต้องใช้ 98 เสียง จึงต้องแสวงหาความร่วมมือจากพรรคอื่น อย่างไรก็ตาม การแก้รัฐธรรมนูญต้องไม่กระทบกับหมวด 1-2

“ส่วน ส.ส.ร.พรรคประชาธิปัตย์วางไว้ว่า 200 คน ควรมาจากการเลือกตั้ง 150 คน และ 50 คน มาจากการสรรหายวิชาชีพ ทั้งนักกฎหมายมหาชน ด้านรัฐศาสตร์ ด้านการเมืองการปกครอง และครอบคลุมเยาวชนนิสิต นักศึกษา เกณฑ์อายุขั้นต่ำ 18 ปีผ่านกระบวนการภายในสถานศึกษา และพร้อมเปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาในฐานะที่เป็นผู้ใช้รัฐธรรมนูญโดยตรงเข้าร่วมเป็น ส.ส.ร.ในฐานะประชาชนได้ โดยที่ส.ส.ร.ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ และเมื่อตั้ง ส.ส.ร.แล้ว ควรทบทวนบทเฉพาะกาลที่กำหนดให้ ส.ว.มีส่วนเลือกนายกรัฐมนตรีด้วย เชื่อว่าเดือนกุมภาพันธ์น่าจะได้เห็นหน้าตาของ ส.ส.ร. ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการมีอยู่หรือไม่มีอยู่ของรัฐบาล” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]