รัฐสภา 21 ก.ค.-ส.ส.ก้าวไกล ชี้ นายกฯ เป็นอาชญากรไซเบอร์ แฉซื้อสปายแวร์ “เพกาซัส” สัญชาติอิสราเอล สอดแนมข้อมูล คนเห็นต่างการเมือง
นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า จงใจคุกคามและละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างที่สังคมไทยไม่เคยพบเจอมาก่อน ด้วยการใช้ทรัพยากรของแผ่นดิน ทำเหมือนสมุหกลาโหมสมัยอยุธยาตอนต้น เพราะการจัดงบประมาณของกองทัพบกสูงถึง 70% เมื่อเทียบกับงบประมาณกองทัพทั้งหมด ทำเหมือนลักษณะสะสมไพร่พล ทหารราบไว้รบกับข้าศึก แต่กับพี่น้องประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล กลับเล่นงานด้วยการลงทุนจัดหาเทคโนโลยีล้ำสมัย ไม่ต่างกับอาชญากรไซเบอร์ ที่ส.ส.พรรคก้าวไกล และคนเห็นต่างทางการเมือง ถูกติดตามจากคนในกองทัพ ทั้งในโซเชียลมีเดีย สัญญาณโทรศัพท์ และติดตามตัว แม้จะมีหลักฐาน แต่ นายกนัฐมนตรีก็ไม่เคยยอมรับ
“ล่าสุดได้ทุ่มทุ่นตามเข้าไปถึงในบ้าน ในห้องนอน ในห้องน้ำ ในที่ทำงาน ห้องประชุม ติดตาม 24 ชั่วโมง โดยใช้ สปายแวร์ชั้นนำของโลก ที่ชื่อว่า เพกาซัส ถือเป็นอาวุธสงครามทางไซเบอร์ ที่ทรงอานุภาพ ร้ายกาจที่สุดในโลกขณะนี้ ไว้เพื่อสอดแนมประชาชน จำนวนอย่างน้อย 30 คน ทั้งนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม นักกิจกรรม นักวิชาการ เจ้าหน้าที่ NGO พร้อมยืนยันว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในข่าวที่รัฐบาลจะมีอำนาจใดๆ ไปสอดแนม ไปโจมตีเขาด้วยอาวุธไซเบอร์ เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล” นายพิจารณ์ กล่าว
นายพิจารณ์ อธิบายต่อว่า สปายแวร์ คือ ขโมยที่มาในรูปแบบคอมพิวเตอร์ ในการล้วงข้อมูลอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ อย่างกรณีคอลเซ็นเตอร์ ขณะที่ เพกาซัส คือ สปายแวร์ที่มีอานุภาพที่สุด ซึ่งผลิตโดยบริษัทเอกชนในประเทศอิสราเอล NSO Group ที่จะขายให้กับรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐเท่านั้น ไม่ขายให้กับเอกชน ซึ่งจะต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงกลาโหมอิสราเอล โดยผู้ผลิตอ้างว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามการก่อการร้าย ทลายเครือข่ายค้ามนุษย์ ยาเสพติด และอาชญากรรม ที่เป็นภัยต่อรัฐ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สื่อมวลชนทั่วโลก ขนานนามว่า เป็นภัยที่ร้ายแรงที่สุดต่อประชาธิปไตย พร้อมตั้งคำถามถึงการใช้งบประมาณดังกล่าว ซึ่งเปรียบเทียบกับหลายประเทศที่ใช้เทคโนโลยีนี้ อาทิ ประเทศโปแลนด์ ใช้งบฯ 200 ล้านบาทประเทศกานา 354 ล้านบาท ดังนั้น เชื่อว่ารัฐบาลซื้อด้วยงบฯ ขั้นต่ำพันล้านบาท.-สำนักข่าวไทย